ตอนที่แหล่งแร่เกิดการสั่นไหว หลงอวี้พลันตึงเครียด พอเห็นคนอื่นถอยห่างจากจักรพรรดิหมาป่า ตัวเขากลับกัดฟันพุ่งทะยานไปทางจักรพรรดิหมาป่า!
และก็เป็ดังคาด มีก้อนหินสีเทาก้อนหนึ่งกำลังแผ่ปราณหยินที่รุนแรงสุดขีดปรากฏที่ใต้เท้าของจักรพรรดิหมาป่า
หลงอวี้แอบคิดในใจว่าตัวเองเสี่ยงดวงถูกทางแล้ว!
ตัวเขาได้แปรเปลี่ยนเป็ปราณิญญา เคลื่อนตัวไปอยู่ใต้เท้าของจักรพรรดิหมาป่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าหินเล็กๆ สีเทาก้อนนั้นไว้ในมือทันที!
ปราณหยินอันมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาผ่านทางก้อนหินเล็กๆ ลูกนั้น ก่อนจะไหลเวียนไปทั่วร่างกาย!
หากเป็คนธรรมดาทั่วไป เมื่อถูกปราณหยินมากขนาดนี้กัดกร่อนแล้ว เกรงว่าเืทั่วทั้งตัวได้ถูกแช่แข็งแน่ จากนั้นร่างกายก็จะกลายเป็ก้อนน้ำแข็งทันที ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้เลย
แต่ว่าหลงอวี้ได้กระตุ้นพลังสัญลักษณ์ัปรภพขึ้นมา เพียงพริบตาเดียวก็ขับไล่ปราณหยินทั้งหมดในตัวออกไปได้
“ได้มาแล้ว!”
หลงอวี้รู้สึกตะลึงในใจ มองเห็นผู้คนทั้งหมดวิ่งตะบึงเข้ามาด้วยความเร็วที่สูงสุด เขาก็ไม่มีเวลาไปััวิเคราะห์ว่าเ้าเศษชิ้นส่วนจันทราคืออะไรกันแน่
เขาทำได้แค่วิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุดเท่านั้น!
สี่ยอดฝีมือรวมกับยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นหนึ่งอีกจำนวนไม่น้อย เช่น ศิษย์น้องของหลิ่วยวนอย่างซินเยว่หยา ลูกศิษย์ระดับพิเศษระดับพิเศษของสำนักดาบสะบั้น เป็ต้น พวกเขาได้พากันถาโถมเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด หลงอวี้ไม่อาจต้านอะไรได้เลย
“วายุก้าวพริบตา!”
“ัปรภพทะยานฟ้า!”
หลงอวี้ใช้วิชาในพริบตา ดีดตัวพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
ัปรภพ ดีดตัวหนึ่งครั้งทะยานสูงร้อยจ้าง!
หลงอวี้พุ่งไปไกลราวกับฝนดาวตกก็ไม่ปาน ขณะเดียวกัน ในที่สุดเขาก็มองเห็นพวกหลิงหานสามคนซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งที่ห่างไปไม่ไกลนัก
“ัปรภพทะยานฟ้า!”
“รับไป!”
หลงอวี้พุ่งลงพื้นด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็ใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้าอีกครั้ง ดีดตัวออกไปไกลนับร้อยลี้ ขณะเดียวกันก็ได้โยนเศษชิ้นส่วนจันทราไปทางหลิงหานด้วย
ปราณหยินที่แผ่ออกมาจากเศษชิ้นส่วนจันทราถูกเขาใช้สัญลักษณ์ัปรภพผนึกไว้ ไม่มีทางถูกจับััได้แน่นอน
เขาใช้ท่ามังปรภพทะยานฟ้าสองครั้งติดต่อกัน พริบตาเดียวก็หายไปจากสายตาของผู้คนทั้งหมด ทั้งยังแอบโยนเศษชิ้นส่วนให้หลิงหานอย่างเงียบงัน
ด้วยความคุ้นเคยในพื้นที่และปราณหยินของหลิงหาน การจะนำเศษชิ้นส่วนออกจากที่นี่ไปโดยไม่มีใครจับได้น่าจะไม่เป็ปัญหา
ส่วนตัวหลงอวี้เอง เขายังต้องเสี่ยงชีวิตอีกครั้ง เพื่อที่จะหาทางสังหารหมาป่าจักรพรรดิตนนั่นทิ้งและชิงโอสถปราณหยินที่อยู่ในตัวมันออกมา
‘หากได้รับโอสถปราณหยินมาจากหมาป่าจักรพรรดิ พลังที่อยู่ในนั้นอาจจะทำให้ข้าสร้างิญญาแท้ได้’
หลงอวี้คิดในใจ ใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้าอีกครั้ง ดีดตัวไปนับร้อยจ้างโดยหันไปอีกทิศทางหนึ่ง เคลื่อนตัวออกจากพวกหลิงหานไปไกล
“พี่ชาย พวกเรารีบไปเร็ว!”
หลิงอีเยว่เห็นหลิงหานได้เศษชิ้นส่วนจันทรามาแล้ว ก็รีบพูดทันที
“ตอนนี้ศิษย์พี่หลงอวี้กำลังถูกไล่ล่า สิ่งที่พวกเราทำได้มีแค่พาเศษชิ้นส่วนนี้ออกไปจากที่นี่แล้วรอเขากลับมาเท่านั้น!”
“ข้าว่าสหายหลงรวดเร็วขนาดนั้น ไม่น่าจะมีใครไล่ตามเขาได้ แต่จะวางใจก็ไม่ได้เหมือนกัน...”
หลู่กวนิเอ่ยพูดขึ้นด้วยความกังวล
“หากเขาถูกไล่ตามทันล่ะก็ ต่อให้พวกเราอยู่ด้วยก็ช่วยอะไรไม่ได้ แถมยังจะเป็ตัวถ่วงของเขาด้วย ไปเถอะ พวกเราออกจากที่นี่ก่อน”
หลิงหานพูดพลางซ่อนเศษชิ้นส่วนจันทราเข้าไปในอกเสื้อ
“รอให้พ้นวิกฤตไปแล้วค่อยมอบเศษชิ้นส่วนจันทราให้กับสหายหลง!”
คนอย่างหลิงหานไม่มีทางเอาเปรียบมิตรสหายอย่างแน่นอน
เศษชิ้นส่วนจันทราเป็ของที่หลงอวี้เสี่ยงชีวิตไปแย่งชิงมา เขาย่อมไม่มีทางยึดเป็ของตัวเองอยู่แล้ว เขาเพียงแค่เก็บไว้ให้หลงอวี้ก่อนชั่วคราว
ทั้งสามได้เดินทางผ่านเนินเขาขนาดเล็กหลายลูกไปในทิศทางที่มุ่งสู่ทางออกแหล่งแร่
ในตอนนั้นเอง ไป๋หังก็ได้ใช้ท่าก้าวประชิดขอบฟ้า เปลี่ยนระยะทางที่ไกลสุดขอบฟ้าเป็ใกล้เพียงเอื้อม เพียงครู่เดียวก็มายังจุดที่หลงอวี้อยู่แล้ว
“มันเคยมาที่นี่ แต่ว่า หายไปไหนแล้ว?”
ไป๋หังครุ่นคิดอย่างสุดความสามารถ
เขายืนอยู่บนเนินเขาเล็กที่สูงที่สุดลูกหนึ่ง กวาดมองไปรอบๆ ตัว แต่ก็ไม่เห็นหลงอวี้แม้แต่เงา
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้ว เขาก็ได้ออกเดินทางไปไกลมากกว่าเดิม
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คาดคิดว่า หลงอวี้กำลังมุ่งหน้ากลับไปหาหมาป่าจักรพรรดิ!
อีกสามคนที่เหลือ ทั้งหั่วฝู่ หลิ่วยวน ฮวาปู๋เซี่ย ไม่มีใครไล่ตามหลงอวี้ได้ทันเลยแม้แต่คนเดียว
ไป๋หังที่ใช้วิชาก้าวประชิดขอบฟ้านับว่ารวดเร็วที่สุด แต่ก็ยังไล่ตามท่าัปรภพทะยานฟ้าสองครั้งต่อเนื่องของหลงอวี้ไม่ทัน ในการไล่ตามกับวิ่งหนี หลงอวี้ได้เปรียบมากกว่าหลายเท่าจริงๆ
ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นสองสี่คน กลับถูกวิถียุทธ์ขั้นเก้าเพียงคนเดียวฉกฉวยเศษชิ้นส่วนจันทราไปและหนีรอดไปได้ หากเื่นี้ลือออกไปจะต้องกลายเป็ความอับอายครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
หั่วฝู่กับฮวาปู๋เซี่ยที่โกรธแค้นหลงอวี้อยู่แล้วตอนนี้แทบคลั่ง
พวกเขาค้นหาเงาร่างของหลอวี้ไปทั่วทั้งแหล่งแร่ แต่ทิศทางที่พวกเขาค้นหานั้นผิดอย่างสิ้นเชิง พวกเขาทั้งสี่ไม่มีใครคิดเลยว่าหลงอวี้ในตอนนี้จะกลับมายังจุดที่หมาป่าจักรพรรดิอยู่
มีเพียงหลิ่วยวนเท่านั้นที่ขมวดคิ้วแน่น
“หากข้าเป็หลงอวี้ หลังจากชิงเศษชิ้นส่วนจันทราไปแล้ว จะหนีไปทางไหนดี?”
หลิ่วยวนยืนอยู่บนยอดของเนินเขาลูกหนึ่ง ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็หลงอวี้
“ผู้ที่มีวิถียุทธ์ขั้นเก้า สิ่งที่้ามากที่สุดต้องไม่ใช่เศษชิ้นส่วนจันทราแน่ แต่เป็สิ่งที่ช่วยให้สร้างิญญาแท้ได้ สิ่งจำเป็ที่ต้องใช้ในการสร้างิญญาแท้ คือโอสถปราณหยินของหมาป่าจักรพรรดิ!”
เส้นผมของหลิ่วยวนปลิวไสวท่ามกลางสายลม ดวงตาคู่งามดุจดวงดาวมองไปทางจุดที่ปราณหยินของหมาป่าจักรพรรดิกำลังแผ่ซ่านออกมา
ต่อจากนั้น เงาร่างโค้งเว้าได้รูปสวยงามของนางเคลื่อนไหวอีกครั้ง เพียงแวบเดียวก็ข้ามูเาไปหลายลูก มุ่งหน้ากลับไปยังจุดที่หมาป่าจักรพรรดิเคยอยู่
.......
หลงอวี้ในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าหลิ่วยวนได้อ่านความคิดของเขาออกแล้ว
เขาแอบกลับมายังจุดที่หมาป่าจักรพรรดิอยู่อย่างเงียบงัน พบว่าหลังจากที่หมาป่าจักรพรรดิสูญเสียเศษชิ้นส่วนจันทราไปแล้ว มันก็โมโหเดือดดาล ใช้คนที่หนีออกจากหลุมไม่ทันเป็ที่ระบายอารมณ์
อี้เหยียน หลิวซู่เฉง ฮว๋าอี้หลุน ทั้งสามคนใช้วิชาก้าวประชิดขอบฟ้าหนีไปนานแล้ว
แต่ยอดฝีมือของสำนักดาบสะบั้นทั้งสี่คนกลับถูกแรงกดดันของหมาป่าจักรพรรดิเล่นงานจนเสียขวัญ แม้จะบรรลุแก่นดาบสะบั้นและมหาพลังดาบสะบั้นได้แล้ว มีความเร็วสูงสุดขีด แต่ก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ได้แต่ต้องฝืนต่อสู้กับหมาป่าจักรพรรดิสุดชีวิตเท่านั้น
โชคดีที่หมาป่าจักรพรรดิถูกยอดฝีมือทั้งสี่ทำร้ายจนสาหัสก่อนหน้านี้ เหลือพลังแค่ราวๆ ครึ่งหนึ่งของปกติเท่านั้น
ภายในหลุมแร่นี้เต็มไปด้วยปราณหยิน ทั้งหมดล้วนแผ่ออกมาจากในตัวของหมาป่าจักรพรรดิทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่ามันได้รับาเ็สาหัส
แต่กระนั้น หมาป่าจักรพรรดิก็ยังเป็ตัวตนระดับิญญาแท้ขั้นสามอยู่ดี!
ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งสองคนกับระดับวิถียุทธ์ขั้นเก้าสองคนของสำนักดาบสะบั้น ไม่ว่าจะร้ายกาจแค่ไหนก็ไม่มีทางสังหารหมาป่าจักรพรรดิลงได้
หมาป่าจักรพรรดิสร้างิญญาแท้กรงเล็บหมาป่าขึ้นมา พริบตานั้นก็ได้ฆ่าทั้งสี่คนของสำนักดาบสะบั้นตายไปทีละคน ในทั่วทั้งแหล่งแร่มีเืสดๆ หลั่งไหลจนกลายเป็สายธาร!
แต่การตอบโต้ของทั้งสี่คนก่อนตายทำให้าแของหมาป่าจักรพรรดิสาหัสมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
หมาป่าจักรพรรดิที่าเ็สาหัสได้เห่าหอนอย่างโหยหวน อยากจะตามหาเศษชิ้นส่วนจันทรากลับมาเพื่อทำให้ตัวเองวิวัฒนาการขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไปแล้ว
“เขตแดนสยบฟ้า คลื่นะเิปรภพ ย้าก!!!”
หลงอวี้พุ่งทะยานเข้าใส่อย่างดุดัน หนึ่งหมัดชกลงพื้น พริบตานั้นที่ใต้เท้าของหมาป่าจักรพรรดิก็ได้มีเสาปราณปรภพอันน่าสะพรึงกลัวสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมาจนทะลุร่างกายอันใหญ่โตมหึมาของมัน
“โฮก!!!”
หมาป่าจักรพรรดิหันกลับไปมอง พอเห็นไอ้คนที่ “ขโมย” เศษชิ้นส่วนจันทราของมันได้ พริบตานั้นก็พิโรธเดือดดาล
แต่กระนั้น ตัวมันที่ถูกคลื่นะเิปราณปรภพซัดเข้าไปเต็มๆ ร่างก็ได้ถูกปราณปรภพกัดกร่อนไปหมดแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะอยากฆ่าหลงอวี้ให้ตาย แต่ก็ไม่มีพลังพออยู่ดี
“ปราณปรภพ มีผลสะกดข่มปราณหยินเหล่านี้สุดขีด ต่อให้เป็หมาป่าจักรพรรดิที่ก่อตัวจากปราณหยิน มีพลังระดับิญญาแท้ขั้นสาม แต่เมื่อถูกปราณปรภพกัดกร่อน ก็คงเหลือพลังต่อสู้ไม่มากเท่าไรแล้วมั้ง?”
หลงอวี้ถือหอกปรภพไว้ในมือ ดวงตาเป็ประกายเย็นะเื
พอเห็นหมาป่าจักรพรรดิถาโถมเข้ามาด้วยร่างกายอันใหญ่โต หลงอวี้ก็ยังคงเยือกเย็นไร้ความหวั่นไหว
ตอนนี้มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า บนร่างกายของหมาป่าจักรพรรดิที่ก่อตัวจากปราณหยินสีเทาได้กลายเป็สีแห่งปรภพอันลี้ลับพิสดารมากกว่าครึ่งแล้ว
หมาป่าจักรพรรดิ ชีวิตกำลังแขวนบนเส้นด้าย!
แน่นอนว่า แต่เดิมสัตว์อสูรตัวนี้เกิดขึ้นจากปราณหยิน ไม่มีชีวิตอะไรอยู่แล้ว แค่มีสติปัญญาขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น
แต่มันกลับไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปเลย
มันเองก็โกรธเป็ แค้นเป็ ฆ่าคนเป็ มีความโลภ อยากแย่งชิงเศษชิ้นส่วนจันทรา!
ตัวตนเช่นนี้ สรุปแล้วว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิตกันแน่?
หลงอวี้คิดคำถามไร้สาระนี้ขึ้นมา จากนั้นก็ก้าวเท้าพร้อมกับแทงหอกัปรภพในมือออกไป
“เงาหอกกระหน่ำแทง!”
เงาหอกมากมายที่แฝงด้วยปราณปรภพและเขตแดนสยบฟ้า เพียงพริบตาเดียวได้กระหน่ำแทงเใส่หมาป่าจักรพรรดิที่กำลังาเ็สาหัส รอยแผลจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งตัวของมันได้มีปราณหยินแผ่ซ่านอย่างต่อเนื่องราวกับสัตว์อสูรทั่วไป
“ไม่ว่าเ้าจะนับเป็สิ่งมีชีวิตหรือไม่ โอสถปราณหยินของเ้า เป็ของข้าแล้ว”
หลงอวี้มีแววตาเ็า เมื่อเงาหอกกระหน่ำแทงสำเร็จ หมาป่าจักรพรรดิก็ล้มตึงอย่างไร้เรี่ยวแรง ร่างกายทั่วร่างได้ถูกปราณปรภพกัดกร่อนหมดแล้ว เพียงไม่นานมันก็ได้กลายเป็ปราณหยิน เริ่มเกิดการพังทลายขึ้น
เพียงไม่นานรูปร่างของหมาป่าจักรพรรดิก็คงสภาพไว้ไม่อยู่ แปรเปลี่ยนไปเป็ปราณหยินแล้วเริ่มสลายหายไป
มีเพียงโอสถปราณหยินอัดแน่นขึ้นมาจากปราณหยินอันเข้มข้นตกอยู่ตรงจุดที่หมาป่าจักรพรรดิล้มลงเม็ดหนึ่งเท่านั้น
“โอสถปราณหยิน”
หลงอวี้ก้าวเท้าไปสองก้าวแล้วเก็บโอสถขึ้นมา พอมองดูครู่หนึ่ง ก็ััได้ว่าภายในนั้นมันมีปราณหยินอันเข้มข้นอัดแน่นอยู่ ปราณหยินเหล่านี้ ผู้ฝึกยุทธ์สามารถดูดกลืนมาเป็ลมปราณของตัวเองได้
โอสถปราณหยินเม็ดนี้ มีผลลัพธ์ในการยกระดับพลังของผู้ฝึกยุทธ์ใกล้เคียงกับเน่ยตายของสัตว์อสูรระดับิญญาแท้ขั้นสามเลย
“เ้าแน่ใจหรือว่าจะกลืนโอสถปราณหยินเม็ดนี้ลงไป?”
เสียงพูดอันไพเราะน่าฟังของสตรีผู้หนึ่งพลันดังขึ้นจากด้านข้าง
หลงอวี้หันกลับไปมอง พบกับเงาร่างอันงดงามในชุดสีดำสายหนึ่ง บนใบหน้าอันงดงามมีรอยยิ้มเรียบเฉยประดับอยู่ นางคือลูกศิษย์ระดับพิเศษของหอโฉมสะคราญ หลิ่วยวน!
“ผู้ที่ยังไม่สามารถสร้างิญญาแท้ได้ หากกลืนโอสถระดับิญญาหรือเน่ยตานของสัตว์อสูรที่สร้างิญญาแท้ได้แล้วลงไป มักจะไม่สามารถทนรับการอาละวาดของพลังอันเกรี้ยวกราดที่อยู่ในนั้นได้ เส้นลมปราณอาจปะทุจนฉีกขาด กลายเป็พิการไร้ค่าไปตลอดกาล”
หลิ่วยวนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่มองมาทางหลงอวี้ด้วยความสนใจ
“เ้ามีพร์ด้านการต่อสู้สูงมาก หากต้องพิการไปทั้งอย่างนี้ ข้ารู้สึกว่าน่าเสียดายเกินไปหน่อย”
หลงอวี้มองดูนางอย่างเฉยเมย จากนั้นก็กลืนโอสถปราณหยินลงไปทันทีโดยไม่หยุดคิด!
หลิ่วยวนเห็นเช่นนั้นก็ตะลึงงันทันที
เ้าหลงอวี้นี่มันกล้าจริงๆ ด้วย!
แต่ก็มองออกด้วยเหมือนกับว่า เ้าหลงอวี้ผู้นี้ไม่เห็นนางหลิ่วยวนในสายตาเลย หลังจากได้ยินคำเตือนของนางแล้วก็ยังกลืนโอสถปราณหยินลงไปทันทีอย่างไม่ลังเล!
“แต่ ไม่ว่าเ้าจะกล้ากลืนโอสถปราณหยินลงไปหรือไม่ ก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้า”
น้ำเสียงของหลิ่วยวนเปลี่ยนไปเป็เสียงพูดอันเรียบเฉย
“ส่งเศษชิ้นส่วนจันทราออกมา ข้าจะได้ปล่อยให้เ้าดูดกลืนพลังจากโอสถปราณหยินอย่างปลอดภัย! หากเ้าปฏิเสธ เ้าย่อมรู้ผลลัพธ์ดีอยู่แล้ว”
