เื่ที่เสี่ยวจิ่วฮวาและหยางซู่ซู่ตกน้ำนั้นกลายเป็เื่สนุกปากให้คนในสำนักศึกษาเอามาพูดคุยเป็เื่ขบขันไม่น้อย บ้างก็ว่าเสี่ยวจิ่วฮวาน่ะชื่อเสียงไม่ดีมานาน อาจจะตั้งใจผลักหยางซู่ซู่ให้ตกน้ำเพราะริษยาแต่เวรกรรมตามทันตนจึงตกลงไปด้วย ช่างเป็สตรีที่นิสัยเสียจริงๆ ไม่อยู่ในกฎระเบียบชอบทำเื่ขายหน้าริษยาผู้อื่น
โชคดีที่เสี่ยวจิ่วฮวาและหยางซู่ซู่นำเสื้อผ้าสำรองมาคนละหนึ่งชุดเผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด อาจารย์สำนักศึกษาแม้จะตำหนิแต่ก็ยังเมตตาให้นางเข้าไปเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องรับรองส่วนตัวของสำนักศึกษาได้ เสี่ยวจิ่วฮวาเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินออกมา ก่อนจะพบกับหยางซู่่ซู่ที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเช่นเดียวกัน หยางซู่ซู่ยิ้มให้เสี่ยวจิ่วฮวาอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะเอ่ย
"อาจิ่ว ข้าขออภัยเ้าด้วยนะ ข้าพยายามจับเ้าเอาไว้แล้ว แต่แรงข้าช่างมีน้อยนัก จึงพาเ้าร่วงตกน้ำไปด้วยกัน"
เสี่ยวจิ่วฮวายิ้มออกมาเล็กน้อย นางมองออกถึงเจตนาของหยางซู่ซู่ว่าไม่ได้ตั้งใจหรือคิดกลั่นแกล้งนางเลยแม้แต่น้อย
"ไม่เป็อันใด รีบไปที่ห้องเรียนกันเถอะ"
"ช้าก่อนอาจิ่ว!!!"
"หืม"
เสี่ยวจิ่วฮวาหันกลับมามอง ก่อนจะพบว่าหยางซู่ซู่กำลังยื่นขนมเปี๊ยะให้นางชิ้นหนึ่ง ขนมนั้นถูกซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อทั้งสองข้างและในห่อหนังสือ เสี่ยวจิ่วฮวาจ้องมองด้วยความขบขัน ก่อนจะเอ่ย
"เ้ามาเรียนหรือมากินกันแน่เนี่ย"
"กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินสิ ข้ามีอีกเยอะเชียว"
เสี่ยวจิ่วฮวายื่นมือไปหยิบขนมเปี๊ยะมาจากหยางซู่ซู่ก่อนจะกัดกินคำหนึ่ง พบว่ารสชาติไม่เลวเลย หยางซู่ซู่ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย
"ข้าได้ยินคนพูดถึงเ้าในทางไม่ดีตลอดเลย แต่วันนี้ที่ได้พบเ้าข้ารู้แล้วว่าเ้าไม่ได้เป็เช่นนั้น อาจิ่ว เรามาเป็สหายกันเถอะ ข้าจะคบหากับเ้า ใครต่อว่าเ้า ข้าจะทุบตีมันเอง!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาชะงักไปชั่วขณะ ั้แ่ชาติก่อนนางก็ไม่เคยมีใครอยากคบหาเป็สหายด้วยเลยแม้แต่คนเดียว นางไม่รู้จักคำว่าสหาย ไม่เคยมีความจริงใจกับผู้ใด แต่วันนี้หยางซู่ซู่กลับเอ่ยปากขอเป็สหายกับนาง และยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้านาง
"มาเร็ว เกี่ยวก้อยเป็สหายกัน สุขทุกข์ไม่แยกจาก ตกน้ำไปด้วยกัน อิอิ!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็เผลอหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยิื่นนิ้วก้อยของตนไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของหยางซู่ซู่และยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่อคิดถึงเื่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านางก็ใจคอไม่ดีขึ้นมา
ก่อนที่จะถึงเวลาคัดเลือกพระชายาองค์รัชทายาท อาจจะพอมีหนทางช่วยสหายคนแรกคนนี้ของนางให้ปลอดภัยได้
คงต้องลองดูสักตั้งหนึ่ง!!
ทั้งสองเดินกลับมาที่สำนักศึกษา โชคดีที่ที่นั่งของเสี่ยวจิ่วฮวาและหยางซู่ซู่อยู่ใกล้กันพอดี ทำให้คนทั้งสองพูดคุยกันได้มากขึ้น เสี่ยวจิ่วฮวาเริ่มชอบหยางซู่ซู่มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว หยางซู่ซู่ทั้งพูดเก่งและที่สำคัญชอบกินเหมือนกับนาง หยางซู่ซู่เองก็มักจะอาศัย่เวลาที่อาจารย์เผลอไผลแอบยัดของกินใส่มือนางเป็ระยะ
การเรียนวันนี้เป็เพียงพื้นฐานเริ่มต้นก่อน ไม่ได้มีเนื้อหาหลักสำคัญอันใดมากนัก ผ่านไปครึ่งวันการสอนก็สิ้นสุดลง เสี่ยวจิ่วฮวาสังเกตเห็นว่ามีสายตาของคุณหนูที่เรียนในห้องเดียวกันมองนางด้วยความดูแคลน แต่เสี่ยวจิ่วฮวาก็คร้านจะใส่ใจ กลับเป็หยางซู่ซู่ที่โมโหแทนนาง
หลังจากเลิกเรียนคนทั้งสองก็เดินออกมาจากสำนักศึกษาเหมยฮวา หยางซู่ซู่ยิ้มให้เสี่ยวจิ่วฮวา ก่อนจะเอ่ย
"พรุ่งนี้พบกันใหม่ ข้าจะนึ่งซาลาเปาไส้เนื้อมาฝากเ้า"
"อืม พรุ่งนี้ข้าจะทำเกี้ยวต้มมาแบ่งเ้ากินเช่นกัน"
"ดีๆ เ้ากลับดีๆ ล่ะ"
"เช่นกันนะ"
เสี่ยวจิ่วฮวาโบกมือให้หยางซู่ซู่ ก่อนจะเดินมาที่รถม้าของตน หูเป่าที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเข้ามาช่วยเ้านายถือของ เสี่ยวจิ่วฮวาปวดเมื่อยไปทั้งตัว อีกทั้งยังเริ่มหิวขึ้นมาอีก นางจึงเอ่ยขึ้นมาทันที
"ข้าหิว แวะที่ภัตตาคารเซียงหลงก่อนเถิด บอกเสี่ยวเอ้อร์ว่าเอาห้อง้าสุดติดริมหน้าต่าง"
"เ้าค่ะคุณหนู"
รถม้าขับมาเรื่อยๆ ก่อนจะจอดที่หน้าภัตตาคารเซียงหลง เสี่ยวจิ่วฮวาก้าวลงมาจากรถม้า ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อร์เข้ามาถามไถ่ว่านางอยากนั่งที่ไหน เสี่ยวจิ่วฮวาที่หิวมากแล้วจึงรีบบอกว่า้าห้องติดริมหน้าต่าง ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน และสั่งอาหารทันที
ในอีกด้านหนึ่ง รถม้าของเติ้งิซีขับผ่านภัตตาคารเซียงหลงพอดี เขาเห็นเสี่ยวจิ่วฮวาเข้าเสียก่อน จึงสั่งให้พ่อบ้านเหรินหยุดรถม้าทันที พ่อบ้านเหรินหันมามองเ้านายของตน ก่อนจะเอ่ยกระซิบ
"ท่านอ๋อง ้าสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ หรือ้าตรวจบัญชีรายได้ ไว้บ่าวจะให้คนนำไปส่งให้ที่จวนอ๋อง"
เติ้งิซีไม่ตอบ เขาทำภาษามือบอกว่า้าจะเข้าไปกินอาหารที่ภัตตาคารเซียงหลง ยามนี้อยู่นอกจวนระมัดระวังไว้ก่อนย่อมเป็การดี
พ่อบ้านเหรินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยถามทันที
“ท่านอ๋อง เดิมทีภัตตาคารเซียงหลงก็มีท่านเป็เ้าของอย่างลับๆ หลายปีมานี้ทำเงินไม่น้อย หากอยากกินสิ่งใด บ่าวจะสั่งให้คนนำมาให้ จะได้ไม่เป็ที่จับตามอง”
เติ้งิซีปรายตามองพ่อบ้านเหรินก่อนจะส่งภาษามือว่าอย่าพูดมาก ให้ไปทำสิ่งใดก็ไปทำ พ่อบ้านเหรินจึงรีบทำตามคำสั่งทันที
ภัตตาคารเซียงหลงนี้มีเขาเป็เ้าของ แต่คนภายนอกรู้เพียงว่าเป็ของคหบดีผู้หนึ่งที่ไม่ชอบเปิดเผยตัว เพราะกลัวคนจะมาหลอกถามสูตรลับอาหาร ที่นี่มีอาหารรสชาติดีมากมาย อีกทั้งยังเป็แหล่งทำเงินอีกที่หนึ่งของเขา นอกจากภัตตาคารเซียงหลงแล้ว เติ้งิซียังมีกิจการอีกหลายที่ ซึ่งเปิดในนามของคนอื่น ซึ่งเป็คนของเขาที่ไว้ใจได้คอยดูแล
เมื่อรถม้าหยุดลงเติ้งเมิงซีจึงเดินลงมาจากรถม้าและมุ่งหน้าเข้ามาในภัตตาคารเซียงหลงทันที เมื่อเขาเข้ามาก็เป็ที่จับตามองของคนในภัตตาคารทันที มีทั้งสายตาสงสารเวทนา สายตาสมเพชในคราวเดียวกัน บ้างก็ซุบซิบนินทาว่า
ดูสิสภาพจะเดินยังไม่ไหว ต้องให้ข้ารับใช้คอยพยุง ยังจะลำบากออกมากินอาหารด้านนอกจวนอีก ไม่อับอายบ้างหรือไร
บ้างก็ว่าเขาเป็อ๋องเ้าสำราญ ชอบไปที่นั่นที่นี่ บางคราก็ไปสร้างความขายหน้าไปทั่ว ช่างเถิด ถือว่าวันนี้ได้ชมเื่สนุก
เติ้งิซีพบเห็นท่าทีเช่นนี้จนเคยชินเสียแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ พ่อบ้านเหรินพยุงเขาเข้ามาในภัตตาคารก่อนจะบอกว่า้าห้องชั้นบนสุด เสี่ยวเอ๋อร์บอกว่าโชคดีที่เหลืออีกหนึ่งห้องพอดี จึงนำทางเขาขึ้นไป พ่อบ้านเหรินพยุงเติ้งิซีเดินไปช้าๆ ระหว่างทางเขาก็ตบมือเปาะแปะ ชี้นั่นชี้นี่ไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเข้ามาในห้องอาหาร เขาจึงเลิกเสแสร้งแกล้งทำ แล้วหันไปเอ่ยถามพ่อบ้านเหริน
"ห้องข้างๆ มีคนอยู่หรือ”
"ทูลท่านอ๋อง เหมือนว่าจะเป็คุณหนูนางหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่านางสั่งอาหารหลายสิบอย่าง ให้ตายเถอะ นั่นใช่กินล้างกินผลาญหรือไม่"
เติ้งิซีไม่ตอบ เขาสั่งให้พ่อบ้านเหรินไปสั่งอาหาร และห้ามใครเข้ามารบกวน
ด้านเสี่ยวจิ่วฮวาที่ถูกพ่อบ้านเหรินกล่าวหาว่ากินล้างกินผลาญก็กำลังสำราญกับอาหารตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี นางคีบอาหารขึ้นมากินคำหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"หูเป่า เ้าเอาไปแบ่งกับคนขับรถม้ากิน แล้วสั่งเพิ่มอีกสองชุดกลับไปฝากท่านแม่และเสี่ยวเย่วหยา"
"เ้าค่ะคุณหนูรอง"
เมื่อหูเป่าออกไปแล้ว นางก็ตั้งใจกินอาหารอย่างมีความสุข ด้านเติ้งิซีที่อยู่ห้องข้างกันนั้นก็กำลังนั่งดื่มชา เมื่อมีเสียงเคาะหน้าประตูเขาก็กลับมามีท่าทีเหมือนเป็คนบ้าใบ้เช่นเดิม พร้อมกับมองดูเสี่ยวเอ้อร์นำอาหารมาวางไว้ให้อย่างสนใจใคร่รู้ แม้ที่นี่จะเป็กิจการของเขา แต่คนงานบางคนย่อมไม่รู้ว่าเขาคือใคร เช่นนั้นเขาจึงระมัดระวังตัวทุกฝีก้าว
พ่อบ้านเหรินเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อย จึงไล่คนออกไป เมื่อคนออกไปหมดแล้ว จึงเอ่ยกับเติ้งิซีทันที
"ท่านอ๋อง ท่านรู้หรือไม่ สตรีที่สั่งอาหารเหมือนอดอยากนางนั้นคือคุณหนูรองเสี่ยว บ่าวไปสืบมาแล้ว"
"เ้านี่หูตาไวใช้ได้เลยนะ"
"เื่ชาวบ้านไว้ใจกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"
เติ้งิซีส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะคีบอาหารขึ้นมาชิมดู เขาให้พ่อบ้านเหรินดึงผ้าม่านที่หน้าต่างลงเพื่อป้องกันคนสอดรู้สอดเห็น โชคดีที่ตรงนี้คือชั้นสองไม่มีคนมองขึ้นมา้าได้
เสียงพูดคุยสนทนาของเสี่ยวจิ่วฮวาดังข้ามมาอีกห้องหนึ่ง เติ้งิซีย่อมได้ยินทั้งหมดเพราะเขาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ แต่เสี่ยวจิ่วฮวากลับไม่ได้ยินเสียงของเขา เพราะไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานหูเป่าก็กลับมา เสี่ยวจิ่วฮวาจึงให้นางนั่งลงไม่ต้องยืนเฝ้า อีกทั้งยังแบ่งอาหารให้กินอีกด้วย หูเป่าที่เห็นว่าเ้านายไม่ถือสาสิ่งใดจึงเริ่มชวนสนทนาขึ้นมาทันที
"คุณหนูรองเ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าที่สำนักศึกษามีอาจารย์ผู้หนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาเป็อย่างมาก เป็ที่หมายปองของสตรีในเมืองหลวง คุณหนูได้พบเขาหรือยังเ้าคะ"
เสี่ยวจิ่วฮวาคีบเนื้อปลาเปรี้ยวหวานเข้าปาก ก่อนจะส่ายหน้าและเอ่ย
"ข้าไม่ได้สนใจว่าอาจารย์คนไหนในสำนักศึกษาจะรูปงามหล่อเหลาหรือไม่ อ้อ จริงสิ พูดเื่ความหล่อเหลา ข้าว่าไม่มีใครสู้จวิ้นอ๋องผู้นั้นได้แล้วแหละ เ้าจำได้หรือไม่ ที่งานเลี้ยงฮูหยินผู้เฒ่าไป๋วันนั้นน่ะ"
หูเป่าทำท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"บ่าวจำได้แล้วเ้าค่ะ ท่านอ๋องผู้นั้น คุณหนู!!! บ่าวได้ยินว่าเขาเป็ใบ้ อีกทั้งยังสติไม่ดีด้วยนี่เ้าคะ"
เสี่ยวจิ่วฮวาพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ใช่แล้ว แต่ว่าเขาหล่อเหลามาก อีกอย่างนะ ข้ายังรู้สึกคุ้นหน้าเขาอีกด้วย แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใด น่าเสียดายนะเป็ใบ้แล้วยังสติไม่ดีอีกต่างหาก เสียดายใบหน้าหล่อเหลานั่นของเขาเป็ที่สุด นั่นน่ะคือใบหน้าของว่าที่สามีในฝันที่ข้า้าเชียวนะ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคม นิ้วเรียวยาวราวกับหยกสลัก"
หูเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยปรามเ้านายตนทันที ด้านเติ้งิซีที่ได้ยินก็ยกยิ้มมุมปาก พร้อมกับยกมือของตนเองขึ้นมาดูคราหนึ่ง
สามีในฝันอย่างนั้นหรือ พูดได้ดี!!!
"คุณหนู ท่านแต่งให้เขาไม่ได้นะเ้าคะ!! ท่านงดงามถึงเพียงนี้ จะแต่งกับคนใบ้ได้เช่นไร"
เสี่ยวจิ่วฮวาใช้ตะเกียบชี้หน้าหูเป่าก่อนจะเอ่ย
"อย่ามองคนแค่ภายนอก บางคนหน้าตาดีร่างกายปกติ แต่จิตใจบิดเบี้ยวนั้นมีไม่น้อย ต่างกับบางคนที่ร่างกายอาจจะไม่ปกติ แต่จิตใจอาจจะดีงามก็ได้ บางคราเขาอาจจะเป็สามีที่ดีเลยแหละ พูดไม่ได้ก็มีข้อดีนะ จะได้ไม่ต้องเถียงภรรยา แต่ช่างเถิด ชาตินี้ข้าเองก็ไม่คิดจะแต่งให้ผู้ใดอยู่แล้ว เอ๊ะๆ!! หูเป่า เ้าว่านอกจากจะพูดไม่ได้และสติไม่ดีแล้ว ตรงนั้นของเขาจะปกติใช้การได้หรือไม่นะ!!!"
"คุณหนู!! สำรวมบ้างเถิดเ้าค่ะ เอ่ยวาจาเช่นนี้ไม่งามเลย!!!"
เสี่ยวจิ่วฮวาที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดอันใดออกไปก็ใไม่น้อย ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ให้ตายเถอะ ข้ามีความคิดน่ากลัวแบบนี้ขึ้นมาได้เช่นไรกัน!!!
ไม่ได้ๆ!! ข้าจะไม่แต่งงาน ชาตินี้ขอเสพสุขกับอาหารตรงหน้าก็พอแล้ว
เมื่อคิดเช่นนั้น เสี่ยวจิ่วฮวาจึงเอ่ยกับหูเป่าทันที
“ข้าก็สงสัยเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดสิ่งใดเสียหน่อย!!!”
เติ้งิซีที่ได้ยินเต็มสองรูหูก็ถึงกับส่งเสียงเหอะออกมา พ่อบ้านเหรินเองก็ได้ยินเช่นเดียวกัน เขาคิดว่าจะต้องหาโอกาสสั่งสอนคุณหนูรองเสี่ยวผู้นี้เสียบ้างสักคราแล้ว บังอาจนัก กล้ามาว่าท่านอ๋องของเขา!!
หมายหัวไว้แล้ว!!!
เสียงพูดคุยยังดังมาเป็ระยะ เติ้งิซียกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
น่าสนใจดีนี่!!! ถึงกับอยากรู้ว่าตรงนั้นของข้ายังใช้การได้ปกติหรือไม่
เป็สตรีขี้สงสัยสินะ
ช่างสรรหาที่สงสัยได้ถูกจุดเสียด้วย!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้