“ชิ้ง!” เสียงเหล็กกระทบดังต่อเนื่อง จงเทาใช้ดาบอ่อนฟันการโจมตีของเย่เฟิงไม่หยุดยั้ง แต่ฝีเท้าของเขากลับถอยหลัง ทั้งยังมีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก
“เมื่อครู่ยังทำตัวอวดดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ? ความอวดดีของเ้าหายไปไหนแล้วล่ะ?” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มเย็นเยือก พลันรังสีหอกสายหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างพุ่งออกไปดุจสายฟ้า
“อย่าเพิ่งได้ใจไป!” จงเทาเผยสีหน้าไม่สู้ดี เย่เฟิงเติบโตเร็วเกินไปจนทำให้เขาใ
ผู้คนต่างต้องตกตะลึง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักยุทธ์ได้ไม่นาน บัดนี้กลายเป็อัจฉริยะชั้นยอดที่กำลังเฉิดฉายบนเวทีประลอง
“โฮก!” เสียงคำรามของสัตว์อสูรพลังดังกึกก้อง วินาทีที่รังสีหอกถูกจงเทายับยั้ง ที่ด้านหลังของจงเทาก็ปรากฏเงาอสรพิษบุปผา จากนั้นมันพุ่งเข้าหาเย่เฟิงพร้อมอ้าปากกว้างหมายเขมือบ
“ตึก!” เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ พลันแผนที่ดาวขนาดใหญ่ปกคลุมเวทีประลอง ปรากฏลายเส้นชัดเจนราวกับเป็เส้นทางหลายสาย ในขณะที่อสรพิษบุปผาพุ่งมาหา รังสีหอกของเย่เฟิงก็ไปถึงเบื้องหน้าจงเทาแล้ว ทำให้จงเทาตื่นใ ก่อนจะใช้ดาบอ่อนต่อต้าน ทันทีที่ดาบอ่อนปะทะกับรังสีหอก จู่ ๆ รังสีหอกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ไม่เพียงแต่รุนแรงขึ้น เร็วขึ้น แต่ยังเปลี่ยนทิศทางด้วยความเร็วดุจฟ้าแลบ
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำให้จงเทาตั้งตัวไม่ทัน เหงื่อต้องแตกพลั่ก และอยากหลบหนี
“หอกมรณะ!” ขณะเดียวกันมีเสียงเย็นดังออกจากปากของเย่เฟิง รังสีหอกนั่นไม่เพียงเร็วขึ้น ทว่ายังอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความตายที่น่าสะพรึงกลัว ด้วยหอกนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสูญสิ้น
หอกทะลวงไหล่ขวาของจงเทาจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป เืพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ ดาบอ่อนก็หลุดออกจากมือของเขา ทว่ายังไม่จบเพียงเท่านี้ ตอนที่จงเทาจะถอยหลังหนี พลันมีแสงเยือกเย็นอีกสายทะลวงมาที่เข่าข้างหนึ่งของจงเทา ทำให้จงเทาเหลือขาข้างเดียว
“นี่...” ทุกคนต่างต้องตื่นใ สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้จงเทาตั้งตัวไม่ทัน แต่หอกมรณะของเย่เฟิงน่าทึ่งมาก ไม่ว่าจะเป็เื่ของจังหวะหรือความเร็วก็ล้วนแม่นยำและสมบูรณ์แบบ กระทั่งทำให้จงเทาต้องเสียท่า
“ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะทำลายเ้า บัดนี้ข้าทำตามที่พูดไว้แล้ว!” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง แม้จงเทาจะส่งเสียงร้องอย่างเ็ป แต่เขาก็ไร้ซึ่งความเวทนา หากเขาอับโชค เกรงว่าคงถูกจงเทาผู้นี้ฆ่าตายไปนานแล้ว ดังนั้นผู้ใดที่้าฆ่าเขา เขาเย่เฟิงก็จะเอาคืนด้วยวิธีโเี้ไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ
“วูบ!” รังสีหอกถูกแทงออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ทะลวงไหล่ซ้ายของจงเทา เสียงร้องดูเ็ปกว่าเดิม ใบหน้าของจงเทาต้องขาวซีดราวกับกระดาษ สายตาที่มองเย่เฟิงในเวลานี้หามีความอวดดีและหยิ่งผยองไม่ แต่แทนที่ด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดใจ
“ปีศาจ!”
มีความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นในใจของใครหลาย ๆ คน บัดนี้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขามีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่ออกมาราวกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
“เ้าจงเทาดูถูกและลอบทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกือบคร่าชีวิตข้าได้หลายครา บัดนี้เ้านึกเสียใจกับการกระทำที่ตนทำลงไปหรือไม่?” เย่เฟิงซักถามพลางเชิดหน้ามองจงเทาด้วยสายตาเย็นเยียบ แต่ขณะเดียวกันมีรังสีหอกถูกแทงออกไปอีกครั้ง ขาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของจงเทาถูกหอกนี้ทำลายสิ้น จนร่างล้มลงไปกองกับพื้น เสื้อผ้าต้องเปียกโชกไปด้วยเืสีแดงฉาน
“หมอนี่ไม่ลงมือโหดเกินไปหน่อยหรือ จงเทาผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 6 ในรายนามขั้นรวมชี่ถูกตัดแขนตัดขาเยี่ยงนี้ ต่อไปคงได้นอนติดเตียงตลอดชีวิตนี้เป็แน่!”
ผู้คนคิดในใจขณะมองจงเทาบนเวทีประลอง และอดรู้สึกเวทนาไม่ได้ แต่หากเป็พวกเขาก็คงถูกจงเทาทำร้ายด้วยวิธีเลวทรามซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอาจลงมือโหดกว่าเย่เฟิง
สาเหตุที่เย่เฟิงทำถึงขนาดนี้ ในอีกนัยคือส่งสัญญาณให้คนเ่าั้ที่คิดจะจัดการเขา เพื่อให้พวกเขาตระหนักไว้ว่า หากล่วงเกินเขาเย่เฟิง จุดจบจะเป็อย่างไร
“เด็กคนนี้ก้าวหน้าเร็วมาก บัดนี้อยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 ไม่นึกว่าจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์เช่นจงเทาได้ง่ายดาย ถ้ารอเขาโตมากกว่านี้ จะเป็อย่างไร?” คนเ่าั้ที่มีความบาดหมางกับเย่เฟิงคิดในใจ ยิ่งเย่เฟิงแข็งแกร่ง พวกเขาก็ยิ่งอยากฆ่าเย่เฟิง เพื่อขจัดเสี้ยนหนามในอนาคต
“เป็ไง เ้าโล่งใจหรือยัง?” เย่เฟิงเดินกลับไปยังริมเวทีโดยไม่สนใจจงเทาแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะกล่าวกับฉินเยียนหรานเช่นนั้น
“อืม”
ฉินเยียนหรานขยิบตาหนึ่งที นางไม่คิดว่าเย่เฟิงจะเอาชนะจงเทาได้ง่ายเพียงนี้ อีกอย่างเ้าหมอนี่บอกจะทำลายจงเทา นางก็นึกว่าพูดเล่นเฉย ๆ แต่เย่เฟิงกลับทำจริง ๆ
จงเทาถูกเย่เฟิงตัดแขนตัดขา มิอาจเข้าร่วมการประลองต่อไปได้ ดังนั้นการประลองที่เกี่ยวข้องกับจงเทาจะหายไปทั้งหมด
ไม่นานนักรอบที่สองก็เริ่มขึ้น ตู๋กูหลงใช้พลังแกร่งกล้ากำราบเว่ยจี้ ทำให้เว่ยจี้ต้องเอ่ยปากยอมแพ้
ต่อจากนั้นนี่จ้านเทียนท้าดวลกับอวิ๋นเจี๋ย อวิ๋นเจี๋ยเข้าสู่เขตประลอง และแววตายังคงสงบนิ่งเช่นเคย
“ข้ายอมแพ้!” อวิ๋นเจี๋ยยอมแพ้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง อวิ๋นเจี๋ยทำเช่นเดียวกับรอบก่อนที่เผชิญหน้ากับตู๋กูหลง ยอมแพ้ตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม
“คนขี้ขลาด แม้แต่ความกล้าที่จะสู้กับข้าก็ไม่มี แล้วถือสิทธิ์อะไรขึ้นมาบนเวทีประลองนี้ ดูถูกเวทีประลองนี้ชัด ๆ!” นี่จ้านเทียนตาเผยประกายแหลมคม สายตาดูแคลนคู่นั้นปรายตามองอวิ๋นเจี๋ยแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากเขตประลอง
“อวิ๋นเจี๋ยคนนี้อ่อนหัดจริง ๆ ยอมแพ้ทั้งสองรอบ เห็นทีก่อนหน้านี้พวกเราคงประเมินเขาสูงไป” เหล่าคนที่สนับสนุนอวิ๋นเจี๋ยเผยสีหน้าผิดหวังพลางส่ายหัวไม่หยุด ตามที่พวกเขาคิดไว้ แม้อวิ๋นเจี๋ยจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตู๋กูหลงหรือนี่จ้านเทียน แต่ก็ควรประลองฝีมือสักครั้ง ถึงจะแพ้ก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรี ไยต้องยอมแพ้เช่นนี้เล่า?
เฉินอ้าวเทียนเข้าสู่เขตประลอง เขาเอาชนะเจียงเผิง ทำให้เจียงเผิงถูกคัดออก บัดนี้มีสองคนที่ถูกคัดออก จึงเหลือแปดคน สถานการณ์เริ่มชัดเจนขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็โหดร้ายยิ่งขึ้นเช่นกัน
“ตู๋กูหลง นี่จ้านเทียน เฉินอ้าวเทียน อวิ๋นเจี๋ย เย่เฟิง นักดาบแขนเดียว เว่ยจี้ ฉินเยียนหราน แปดคนนี้ไม่รู้ว่าใครจะถูกคัดออกเป็รายต่อไป?” คนผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าเดาว่าคนต่อไปที่จะถูกคัดออกคือเย่เฟิง นักดาบแขนเดียว และอวิ๋นเจี๋ย ยังไงซะพวกเขาสามคนก็อ่อนหัดที่สุดในบรรดาแปดคน ถ้าเช่นนี้ห้าอันดับแรกก็ถือกำเนิดแล้วละ” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว การกระทำของอวิ๋นเจี๋ยทำให้ผู้คนผิดหวังมาก นักดาบแขนเดียวลึกลับสุขุม จนบัดนี้ยังไม่เปิดเผยพลังของตนอย่างแท้จริง ส่วนเย่เฟิงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาถือว่าต่ำต้อย ยังคงทัดเทียมกับอัจฉริยะเช่นตู๋กูหลงไม่ได้
ฉินเยียนหรานเป็หญิงสาวที่หาพบได้ยาก นางเพียบพร้อมมาแต่เกิด ทุกคนย่อมไม่อยากให้นางถูกคัดออกในเร็ว ๆ นี้
“พูดได้ดี สามคนนี้ควรถูกคัดออกไปนานแล้ว” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่บางแห่งของเวทีประลอง ผู้คนต่างหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นเว่ยจี้เข้าสู่เขตประลอง เขาปรายตามองเย่เฟิง นักดาบแขนเดียว และอวิ๋นเจี๋ยด้วยสายตาคมกริบแฝงด้วยความดูแคลน
“ในเมื่อกฎกติกาเปลี่ยนไปแล้ว ข้าว่าสามคนนี้ถอนตัวไปซะจะดีกว่า!” เว่ยจี้กล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว ในเมื่อกฎไม่มีจำกัดว่าจะลงมือเบาหรือหนัก เช่นนั้นก็ไม่จำเป็ต้องให้สามคนนี้อยู่ที่นี่
เย่เฟิงเห็นท่าทีโอหังของเว่ยจี้ก็มีแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาเขา เว่ยจี้ผู้นี้ยโสโอหังไม่เห็นหัวผู้ใด แม้แต่ในงานประลองครั้งนี้ก็ดูถูกเขาเย่เฟิงไม่หยุด
“เ้า ไสหัวขึ้นมาซะ!” เว่ยจี้กวาดตามองเย่เฟิง นักดาบแขนเดียว และอวิ๋นเจี๋ยด้วยสายตามองหาเหยื่อ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่อวิ๋นเจี๋ย ก่อนจะกล่าวเช่นนั้นราวกับว่าเขาอยากให้อวิ๋นเจี๋ยตาย เขาก็ต้องตายตามคำบัญชา
อวิ๋นเจี๋ยชะงักไปชั่วขณะ แววตาสงบนิ่งก็วาบประกายความผันผวนเล็กน้อย แต่ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ จากนั้นเข้าสู่เขตประลองที่เว่ยจี้อยู่
“อวิ๋นเจี๋ยคนนี้จะทำอะไรน่ะ ขึ้นไปยอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นอวิ๋นเจี๋ยเข้าสู่เขตประลองอย่างไม่มีทีท่าลังเล ด้วยการกระทำของอวิ๋นเจี๋ยที่ผ่าน ๆ มาเขาน่าจะยอมแพ้จึงจะถูก
“เอาเถอะ เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ไสหัวไปซะ” เว่ยจี้กล่าวขณะเชิดหน้ามองอวิ๋นเจี๋ยประหนึ่งมองประชาชนของตน ซึ่งเขาคิดเช่นเดียวกับทุก ๆ คน อวิ๋นเจี๋ยน่าจะเป็ฝ่ายขอยอมแพ้เอง หากเป็เช่นนี้เขาเว่ยจี้ก็ี้เีจะลงมือกับอีกฝ่าย
“การประลองของพวกเรายังไม่ทันเริ่ม เ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเ้า?” อวิ๋นเจี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หมอนี่จะทำอะไรน่ะ?” ผู้คนต่างประหลาดใจ หรือว่าอวิ๋นเจี๋ยจะสู้กับเว่ยจี้ด้วยพลังของเขา?
“เ้าเนี่ยนะจะสู้กับข้า อยากหาที่ตายหรือ?” เว่ยจี้กล่าวเสียงเย็น อวิ๋นเจี๋ยผู้นี้ไม่รู้จักกาลเทศะ เขาเว่ยจี้อุตส่าห์ให้โอกาส แต่อวิ๋นเจี๋ยกลับไม่เห็นค่ามัน
“ศึกแรกที่ข้าจะชนะเริ่มจากเ้าแล้วกัน” อวิ๋นเจี๋ยกล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงด้วยความมั่นใจอันแรงกล้า
“หมอนี่เลอะเลือนไปแล้วหรือ ใช้เว่ยจี้เป็ตัวเริ่มต้นชัยชนะของเขา เขาไม่รู้หรือว่าเว่ยจี้มีพลังน่ากลัวมากเพียงใด?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยถ้อยคำดูแคลน
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน บัดนี้ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นว่าจุดจบของคนปากดีเป็เยี่ยงไร”
ถ้อยคำของอวิ๋นเจี๋ยทำให้เว่ยจี้ะเิโทสะ จากนั้นเห็นเว่ยจี้ปลดปล่อยพลังปราณ ก่อนจะวาดฝ่ามือโจมตี ห้วงอากาศต้องสั่นไหวราวกับทำลายได้ทุกสิ่ง!