“ไม่ได้ เรารับเนื้อนั่นไว้ไม่ได้!” ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เฉินชุ่ยอวิ๋นยังคงคิดว่าเนื้อเป็เผือกร้อน แต่เนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนั้นถูกเจิ้งหยวนใช้ไปเยอะแล้ว เธอคิดพลางหันหลังเดินกลับห้องไปหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พับอยู่ออกมา คลี่ผ้าเช็ดหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นธนบัตรขนาดใหญ่ 10 หยวนสองใบ แบงก์ 5 หยวนหนึ่งใบและ 1 หยวนสองถึงสามใบ เธอดึงสองหยวนออกมาอย่างระมัดระวัง สีหน้าฉายแววเสียดาย แต่ยังคงยัดเงินใส่มือเจิ้งหยวน แล้วบอกว่า “แกเอาเงินไปคืนหลินเสี่ยวหยางนั่น รวมถึงเนื้อที่เหลือด้วย”
เจิ้งหยวนดันเงินคืน มุ่ยปากพูด “ฉันไม่ไป”
เฉินชุ่ยอวิ๋นเลิกคิ้ว “ทำไมแกไม่ไป? ลูกแม่ ฟังนะ แกเป็ฝ่ายผิดต่อเขาอยู่แล้ว ยังรับของเขามาอีกแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน? เกิดเป็คนอย่าโลภเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น พ่อแกกลับมารู้เื่นี้เขา คงได้ตีแกอีกรอบ”
ถึงขั้นโยงเื่ศีลธรรมเลยหรือ? แค่เนื้อสัตว์จำนวนนิดหน่อย คำพูดของคุณแม่เหมือนเธอเอาจักรยาน หรือไม่ก็จักรเย็บผ้าของหลินเสี่ยวหยางมาอย่างไรอย่างนั้น? เจิ้งหยวนทั้งจนปัญญาและลำบากใจ ขมวดคิ้วครุ่นคิดเกือบครึ่งค่อนวัน ก็นึกทางแก้ได้ฉับพลัน เธอเอาเงินยัดใส่ในมือผู้เป็แม่ ก่อนกำมือแน่นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนใจสุดๆ “ฉันรู้ว่าไม่ควรรับเนื้อนี้มา แต่เขายืนยันจะให้ ฉันจะทำอะไรได้ เขายังบอกอีก ต่อให้วันหน้าไม่ได้อยู่เคียงคู่กัน เขาก็หวังว่าชีวิตฉันจะสุขสบาย หากไม่รับ เขาขอมาส่งถึงบ้านด้วยตนเอง ฉันไม่กล้าปล่อยเขามาบ้านหรอก หากป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งรู้ สกุลเฝิงรู้เข้าจะทำยังไง? ฉันก็เลยรับไว้ คิดเสียว่าติดค้างน้ำใจเขาครั้งหนึ่ง แล้วจดจำให้ขึ้นใจ วันหน้าฉันต้องชดใช้คืนเขาแน่” ขอบคุณละครบางเื่ที่เธอเคยดู ทำให้เธอยังจำบทพูดคลาสสิกพวกนี้ได้
แม้เฉินชุ่ยอวิ๋นจะยังลังเล แต่หากเป็เช่นที่บุตรสาวบอก ก็คืนของลำบากจริงๆ ไว้ค่อยใช้คืนในอนาคตเหมือนที่บุตรสาวพูดดีกว่า
เจิ้งหยวนพูดเสริมต่อ “อีกอย่าง หลินเสี่ยวหยางทำงานที่โรงงานเครื่องจักร แม่น่าจะรู้ว่าโรงงานนั้นเงินเดือนดีแค่ไหน มีเนื้อสัตว์พวกนี้กินไม่ขาดหรอกค่ะ”
เฉินชุ่ยอวิ๋นถึงกับถอนหายใจยาวเหยียด ฝืนใจยอมรับวิธีการของบุตรสาว เธอกำเงินในมือแน่น ไม่ลืมที่จะกำชับ “ถ้าอย่างนั้นภายภาคหน้าแกห้ามลืมใช้คืนเขาเด็ดขาด”
เจิ้งหยวนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “สบายใจได้ จะจำไว้แน่นอนค่ะ”
เห็นคุณแม่กลับห้องไปเก็บเงิน เธอค่อยแอบเป่าปากโล่งอก และปาดเหงื่อบนหน้าผากที่ไม่รู้ผุดมาเพราะแดดหรือเหตุการณ์เมื่อครู่ ภายในใจคิดเพียงว่าท้ายที่สุดก็ผ่านด่านเคราะห์นี้ได้เสียที แล้วลูบขนที่ลุกชันบนแขนตัวเอง ์คงรู้ว่าเธอแขยงคำพูดตัวเองจนแทบอาเจียนออกมาแล้ว…
เที่ยงวันครั้นคุณพ่อเลิกงานกลับบ้าน ไม่รู้คุณแม่พูดกับเขาอย่างไร แม้คุณพ่อไม่ได้มีสีหน้าดีต่อเธอนัก แต่ก็ไม่ได้ดุด่าอะไร
เมื่อทำหมูสามชั้นอบน้ำแดงเสร็จ เจิ้งหยวนจึงนำเนื้อสัตว์ที่เหลือเจียวน้ำมันหมู ใส่ลงในโถดินเผาเก็บไว้กินวันหลังต่อ จากนั้นไปเด็ดถั่วแขกนิดหน่อยจากที่ดินสองแปลงซึ่งเป็ของที่บ้านเธอเองเอง แล้วนำกลับบ้านมาผัดรวมกับกากหมู กลิ่นหอมตลบอบอวลไปหมด
วันนี้เธอลงมือทำงานบ้านก่อนทั้งยังคล่องแคล่ว จนคุณแม่ตกตะลึงตาค้าง แม้ไม่เอ่ยอะไร แต่สีหน้าปลื้มปีติอย่างยิ่ง เป็เจิ้งเจวียนที่พูดจาตรงไปตรงมา ด้วยพอกลับบ้านมาก็เห็นพี่สาววุ่นวายอยู่ในห้องครัว ลูกตาแทบถลนจากเบ้า ก่อนจะเอ่ยหยอกเย้า “พี่ ทำไมวันนี้ขยันจัง น้านนานกว่าจะเห็นพี่ทำอาหารสักที”
แซวจนเจิ้งหยวนหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวคล้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้