“เมื่อครู่นี้เ้าไปไหนมาหรือ?” กู้ชิงฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตรงนั้นมันเป็ที่ไม่ดี ต่อไปอย่าไปที่นั่นอีก”
ดูท่ากู้ชิงฮั่นเองก็รู้จักเรือนผีสิงนั้นด้วย หยางหนิงไม่มีทางปล่อยให้ประเด็นนี้หลุดไปแน่ๆ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “ทำไมหรือ? เพราะมีผีอย่างนั้นน่ะหรือ?”
“พูดจาเหลวไหล” กู้ชิงฮั่นพูดว่า “เ้าก็อย่าไปฟังพวกนั้นพูดจาเหลวไหล มันก็แค่เรือนร้าง มีผีอะไรที่ไหนกัน ต่อไปอย่าไปใกล้ที่นั่นอีกก็พอ”
หยางหนิงลากเก้าอี้มาใกล้ๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “ซานเหนียง หากเป็แค่เรือนร้าง เหตุใดถึงไม่ให้ข้าเข้าไปเล่า? ข้าเห็นเรือนหลังนั้นเถาวัลย์ขึ้นเต็มไปหมด น่าจะให้คนเข้าไปจัดการนะ ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ที่นี่ก็เป็จวนเก่าของพวกเรา จะไม่ไปดูแลหน่อยคงไม่ดีหรอก”
กู้ชิงฮั่นเหมือนจะไม่ค่อยอยากจะพูดถึง หยางหนิงจึงพูดอีกว่า “ท่านไม่ยอมบอกข้า ข้าเองก็รู้สึกค้างคาใจ ซานเหนียง ท่านก็บอกข้าเถิด”
กู้ชิงฮั่นเห็นท่าทางของเขา ก็หัวเราะอย่างเจื่อนๆ “หึๆ” แล้วพูดว่า “มาทำหน้าทำตาน่าสงสารเช่นนี้” ลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ตอนที่ข้าแต่งเข้าจวน มาทำพิธีที่นี่ ตอนนั้นก็ได้มาพบเรือนหลังนั้นโดยบังเอิญ ตอนนี้ก็มีคนบอกกับข้าว่าที่นั่นมีผี แต่ว่าท่านเหล่าโหวก็เป็คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ ตระกูลฉีเป็ตระกูลใหญ่ จะมีผีได้อย่างไรกัน แต่ว่าตอนนั้นท่านเหล่าโหวก็ได้ออกกฎ ห้ามให้ผู้ใดเข้าใกล้เรือนหลังนั้นอีก และยังห้ามทุกคนเข้าไปในเรือนนั้นเป็อันขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องได้รับโทษหนัก”
“แล้วมันเพราะเหตุใดกัน? หากไม่ได้มีผี ก็ต้องมีสาเหตุอื่นอีกมิใช่หรือ?” หยางหนิงพูดว่า “ซานเหนียงรู้หรือไม่ว่าที่นั่นมักมีเสียงขลุ่ยดังออกมา?”
“ขลุ่ยอย่างนั้นหรือ?” ริมฝีปากสีแดงอ่อนของกู้ชิงฮั่นขยับเล็กน้อย มันดูยั่วยวนยิ่งนัก “คำพูดเหลวไหลเช่นนั้น เ้าก็ไม่ต้องไปเชื่อให้มันมากนัก ในเมื่อท่านเหล่าโหวสั่งไว้ว่าห้ามเข้าใกล้ที่นั่น มันก็ถือว่าเป็กฎของบ้านตระกูลฉี ไม่ต้องไปถามหาสาเหตุหรอก ทำตามกฎก็พอ” เห็นสีหน้าหยางหนิงเหมือนผิดหวัง ก็ลังเล แล้วก็พูดว่า “แต่ว่าอาสามของเ้าก็เคยแอบบอกกับข้าว่า เรือนหลังนั้นเหมือนจะเคย...เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งตาย ตอนตายเหมือนจะตายอย่างอาฆาต หลังจากนั้นเรือนหลังนั้นก็ถูกปิดตาย จากนั้นก็เริ่มมีข่าวลือออกมามากมาย”
“ผู้หญิงหรือ?” หยางหนิงรีบถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็ใครหรือ?”
กู้ชิงฮั่นส่ายหัวแล้วพูดว่า “อาสามของเ้าไม่ได้พูดอะไรมาก เขาไม่อยากพูดถึงเื่เรือนหลังนั้น มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น” นางยกมือขึ้นมา “เ้าออกไปได้แล้ว อย่ามากวนข้าตรวจบัญชี”
หยางหนิงรู้ว่าต่อให้ถามต่อไป กู้ชิงฮั่นคงไม่มีทางพูดอีก แล้วตัวกู้ชิงฮั่นเองก็ไม่ค่อยรู้เื่ของเรือนนั้นสักเท่าไหร่ เขาลุกขึ้น แต่ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จากนั้นก็หันไปถามว่า “ซานเหนียง ท่านตรวจบัญชีพวกนี้ ไม่รู้สึกว่ามันยุ่งยากหรือ? ข้าดูแล้วมันเหมือนดูยุ่งเหยิงไปหมด”
กู้ชิงฮั่นเหลือบไปมองหยางหนิง แล้วขมวดคิ้ว “แต่ก่อนเ้าไม่เคยแตะบัญชีพวกนี้เลย รู้ได้อย่างไรว่ามันยุ่งเหยิง บัญชีก็แบบนี้ ละเอียดๆ ไว้ก่อนเป็ดีที่สุด มันจะยุ่งยากได้อย่างไรกัน?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าบัญชีมันยุ่งเหยิง แต่หมายถึงวิธีบันทึกของบัญชีต่างหากเล่า” หยางหนิงคิดไปครู่หนึ่ง แล้วหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาเล่มหนึ่ง พลิกดูสองสามหน้า แล้วหยิบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง จากนั้นก็หยิบพู่กันออกมา แล้วเขียนอะไรลงไปในกระดาษแผ่นนั้น กู้ชิงฮั่นไม่รู้ว่าหยางหนิงกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ ขณะที่กำลังแปลกใจ ก็เห็นหยางหนิงวาดอะไรบางอย่างออกมาคล้ายกับแหปลา กู้ชิงฮั่นแปลกใจยิ่งนัก
จากนั้นนางก็เห็นหยางหนิงใส่ตัวเลขลงไปในตารางแหปลานั้น จากนั้นก็หยิบสมุดบัญชีขึ้นมา แล้วเริ่มใส่ตัวเลขลงไป กู้ชิงฮั่นไม่รู้จักตัวเลขอารบิกที่หยางหนิงเขียน แต่รู้สึกแปลกใจไม่น้อย จึงลุกขึ้นมาแล้วเขยิบมาใกล้ๆ หยางหนิง แล้วโค้งตัวลงดู
หยางหนิงท่าทางดูนิ่งเฉยยิ่งนัก หลังจากนั้นไม่นาน ก็วางพู่กันลง แล้วเหลือบไปมองกู้ชิงฮั่น เขาเห็นหน้าอกของนาง เห็นว่าหน้าอกของนางไม่มีเนินอกโผล่ออกมาเลย แสดงว่าต้องใช้อะไรรัดเอาไว้แน่ๆ เขากลัวว่าจะส่งผลเสียต่อหน้าอกของนาง อยากจะถามนางมากว่าอึดอัดบ้างหรือไม่
กู้ชิงฮั่นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหยางหนิงคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ นางสนใจแค่กระดาษที่หยางหนิงวาดออกมาเท่านั้น จากนั้นนางก็ถามด้วยความสงสัยว่า: “นี่คือสิ่งใดรึ?”
นางเกิดในตระกูลใหญ่ รู้จักภาพวาดมาก็เยอะ คิดแค่ว่าหยางหนิงกำลังวาดรูปอยู่ แต่ว่าเหตุใดมันถึงไม่ได้มีความสวยงามเลยแม้แต่น้อย
“นี่คือตัวเลข ตัวหนังสือ้านี้คือความหมายของตัวเลข” หยางหนิงอธิบายว่า “ขวาสุดคือตัวเลขหลักหน่วย ซ้ายมาคือหลักสิบ แล้วก็หลักร้อย...!”
หยางหนิงสอนด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย ตัวเลขอารบิกเรียนง่าย อีกอย่างกู้ชิงฮั่นก็เป็คนฉลาด แค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่เพียงเข้าใจั้แ่ศูนย์ถึงเก้า แม้แต่หลักหน่วยร้อยพันก็เข้าใจได้เป็อย่างดี พอหยางหนิงอธิบาย กู้ชิงฮั่นก็ใ นี่เป็สิ่งที่นางไม่เคยเรียนมาก่อน เมื่อหยางหนิงอธิบายจบ กู้ชิงฮั่นยังไม่ทันได้สติคืนมา ครู่หนึ่งก็ใแล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ นี่...นี่เ้าคิดเองหรือ?”
“ข้าเห็นท่านตรวจบัญชีลำบาก จึงคิดเล่นๆ ออกมา” หยางหนิงคิดว่าหากบอกไปว่านี่เป็ตัวเลขอารบิก เกรงว่านางจะคิดว่าเขาโดยผีสิงแน่ๆ “ซานเหนียงท่านดูสิ นี่คือตารางแผ่นหนึ่ง ไม่ถึงครึ่งกระดาษ ก็สามารถดึงเอาบัญชีห้าหกหน้าออกมาได้แล้ว อีกทั้งมันก็ดูเข้าใจง่ายด้วย”
“นี่เรียกว่าตารางหรือ?” กู้ชิงฮั่นเหมือนจะเข้าใจความหมายของตารางกับอารบิกดี ก็หยิบตารางแผ่นนั้นขึ้นมาดู เมื่อตรวจสมุดบัญชีอย่างละเอียด สีหน้าของนางก็ใมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วถามซ้ำว่า “นี่...นี่เ้าคิดออกมาเองจริงๆ หรือ?”
หยางหนิงบิดหัวไปมา รู้ว่าตอนนี้กู้ชิงฮั่นรู้สึกใมาก เขาแอบคิดในใจว่าตัวเลขอารบิกก็คงยังมาไม่ถึง เขาจึงไม่กลัวที่จะถูกจับได้ แล้วพูดว่า “เพียงแค่คิดเรื่อยเปื่อยออกมาเท่านั้น ซานเหนียง ท่านคิดว่าวิธีนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
กู้ชิงฮั่นสีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ แล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์ เ้าฉลาดจริงๆ วิธีเช่นนี้เ้าก็คิดออกมาได้” นางมองไปที่ตาราง พูดอย่างดีใจว่า “วิธีของเ้ามันดูง่ายยิ่งนัก หากใช้วิธีนี้แต่แรก ก็ไม่ต้องเสียเวลากว่าครึ่งวัน”
หยางหนิงได้รับการยอมรับจากกู้ชิงฮั่น ในใจก็สบายใจขึ้น จากนั้นก็พูดว่า “ซานเหนียง วิธีนี้ไม่เพียงบันทึกบัญชีได้ แต่ยังสามารถทำเป็รหัสได้ด้วย”
“รหัสหรือ?” กู้ชิงฮั่นพูดด้วยความแปลกใจ “หมายความว่าอย่างไรหรือ?” นางรู้แค่ว่าั้แ่หยางหนิงหายดี เขาก็ดูฉลาดขึ้น มีศัพท์อะไรแปลกๆ เยอะแยะมากมายที่ไม่เข้าใจความหมาย
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ต่อไปหากข้าออกไปข้างนอก แล้วเขียนจดหมายให้ท่าน เพื่อไม่ให้คนอื่นสวมรอย ก็อาจจะเขียนรหัสที่เป็ความลับของพวกเรา ท่านก็จะได้รู้ว่าเื่นั้นหรือคนนั้นจริงหรือหลอก หากซับซ้อนอีกหน่อย ตัวเลขพวกนี้ก็เป็ตัวอักษรได้ด้วย คนอื่นดู ก็จะไม่เข้าใจความหมาย แต่ว่าพวกเราจะเข้าใจกันเอง”
กู้ชิงฮั่นทำตาโต แล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ทำอย่างไรหรือ?”
หยางหนิงหยิบพู่กันออกมา ใช้กระดาษเขียนตัวเลขออกมาแถวหนึ่ง แล้วยื่นให้กับกู้ชิงฮั่นดู แล้วพูดว่า “นี่เป็รหัสแบบง่ายๆ ซานเหนียงแยกออกหรือไม่?”
กู้ชิงฮั่นดู หยางหนิงสอนตัวเลขสิบหลักให้กับนาง นางจับได้แม่นมาก แล้วก็พูดว่า “ห้า สอง ศูนย์ หนึ่ง สาม หนึ่ง สี่” แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างสงสัย “หนิงเอ๋อร์ ตัวเลขพวกนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ?”
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ซานเหนียง ท่านฉลาดนัก แต่รหัสง่ายๆ เช่นนี้ท่านดูไม่ออกหรือ? ลองอ่านติดๆ กันดูสิ มันก็หมายความว่าข้ารักท่านชั่วชีวิตอย่างไรเล่า”
กู้ชิงฮั่นใ จากนั้นหน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา แล้วก็ทิ้งกระดาษไป
หยางหนิงเห็นเช่นนั้น แล้วก็พูดว่า “ซานเหนียง นี่มันแบบง่ายๆ ยังมี...!”
“หนิงเอ๋อร์ เดี๋ยวนี้เ้ากล้ามากเกินไปแล้วนะ” กู้ชิงฮั่นหน้านิ่งไป “คำพูดบ้าบอเช่นนี้ ต่อไปห้ามพูดเหลวไหลอีกนะ”
“ซานเหนียง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้า...!”
“ข้าไม่ได้หมายถึงแค่เื่รหัสนี่” กู้ชิงฮั่นสีหน้าจริงจัง “หลังจากที่เ้ากลับเมืองหลวง ราชสำนักก็จะต้องมีราชโองการแต่งตั้งเ้าเป็จิ่นอีโหว จะพูดจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่เพียงต้องระวังเหล่าขุนนาง หรือต่อให้อยู่ในจวนโหว ก็จะทำอะไรเช่นนี้ไม่ได้แล้ว” นางหยุดไปครู่หนึ่ง นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ข้าเป็แม่สามของเ้า ต่อหน้าข้า เ้าจะมาพูดอะไรเหลวไหลไม่ได้ ยิ่งจะมาไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ไม่ได้ จะมาทำตัวรุ่มร่ามไม่ได้ ยิ่งอยู่ข้างนอกยิ่งต้องระวังให้มาก?”
หยางหนิงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้ชิงฮั่นจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ เขาเป็คนฉลาด รู้อยู่แล้วว่า คนสวยๆ อย่างกู้ชิงฮั่น มีผลต่อเขามาก เขาชื่นชมกู้ชิงฮั่นยิ่งนัก เคารพนางยิ่งนัก ถึงแม้รูปลักษณ์ของเขาจะเป็แค่เด็กสิบหกสิบเจ็บ แต่ิญญาของเขามันคือผู้ใหญ่เต็มวัย หากจะบอกว่าไม่คิดอะไรกับกู้ชิงฮั่นเลย มันก็จะดูโกหกไป แต่เขาเคารพกู้ชิงฮั่นมากจริงๆ ปกติแล้วจะพูดจะทำอะไรก็จะระวังตัวมากขึ้น
เขาเองก็มองออก ั้แ่ครั้งที่แล้ว กู้ชิงฮั่นอ่อนไหวกับความสัมพันธ์ของพวกเรามาก มันมีความรู้สึกเหมือนห่างเหินเสียหน่อย ในใจของกู้ชิงฮั่นกังวลกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างสองคนก่อนหน้านี้ จะทำให้เกิดปัญหาตามมา
แต่ว่าวันนี้ล้อเล่นแค่นิดๆ หน่อยๆ จริงๆ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ใครจะคิดว่ากู้ชิงฮั่นจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ มันทำให้หยางหนิงรู้สึกแปลกใจ
กู้ชิงฮั่นเห็นหยางหนิงขมวดคิ้ว คิดว่าท่าทีของนางทำให้หยางหนิงเสียใจ ลึกๆ แล้วนางรักและเป็ห่วงหยางหนิงมาก ก็เริ่มพูดจาน้ำเสียงอ่อนลงว่า “ซานเหนียงหวังดีกับเ้า เ้าเป็ลูกชายคนโตของตระกูลฉี เป็ผู้สืบทอดของจิ่นอีโหว มีสายตาคนมากมายจับจ้องมาที่เ้า หากเ้าทำอะไรผิดพลาดไปแม้แต่น้อย ไม่เพียงจะนำภัยมาสู่ตัวเ้าเอง ทั้งตระกูลฉีก็จะเดือดร้อนไปด้วย หนิงเอ๋อร์ เ้าเข้าใจหรือไม่?”
หยางหนิงคิดในใจว่าข้าไม่ใช่จิ่นอีโหวซื่อจื่อตัวจริงเสียหน่อย ไม่แน่วันหนึ่งอาจจะหายตัวไปเลยก็ได้ หากบอกว่าปกป้องเ้าคนเดียวยังว่าไปอย่าง แต่บอกว่าทั้งตระกูลฉี มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย แต่ในตอนนี้เขาก็ทำได้แค่พยักหน้า แล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
กู้ชิงฮั่นรู้สึกว่าบรรยากาศมันเริ่มเงียบแปลกๆ จึงยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าวันนี้วิธีที่หนิงเอ๋อร์สอนซานเหนียงนั้น มันดีมากจริงๆ ต่อไปเวลาซานเหนียงตรวจบัญชี ก็ไม่ต้องลำบากแล้ว เ้าช่วยซานเหนียงได้เยอะเลยทีเดียว”
“บัญชีของที่นี่เป็อย่างไรบ้าง?” หยางหนิงถาม “มีช่องโหว่อะไรบ้างหรือไม่?”
กู้ชิงฮั่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “รายรับรายจ่ายของจวนเก่า ละเอียดชัดเจนดีมาก ไม่มีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องเลย ในบัญชีเองก็มีการบันทึกการเก็บภาษีของปีนี้ด้วย มันละเอียดยิ่งนัก ดูจากบัญชีแล้ว ก็เก็บในอัตราสองส่วนเท่านั้น” นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ส่วนเื่ที่ส่งภาษีไปเมืองหลวงั้แ่เดือนเก้าเอง ก็มีบันทึกอยู่ในสมุดบัญชีนี้อย่างละเอียด”
หยางหนิงเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามเสียงเบาๆ ว่า “บัญชีพวกนี้จะเป็ของปลอมหรือไม่? พวกเขาทำขึ้นเพื่อป้องกันคนของจวนจิ่นอีโหวที่มาอย่างกะทันหัน ดังนั้นจึงทำบัญชีปลอมขึ้นมาเอาไว้ล่วงหน้าหรือไม่?”
“ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้” กู้ชิงฮานพูดเบาๆ “ข้าก็กำลังคิดอยู่ว่าบัญชีนี้จะเป็ของปลอมหรือเปล่า ดังนั้นก็พยายามหาเงื่อนงำอยู่ แต่ว่าก็ยังไม่เจออะไร”
หยางหนิงพูดเบาๆ ว่า “พวกเขาบอกว่าตอนที่ส่งเงินภาษีไปที่เมืองหลวง ท่านเ้าเมืองของเจียงหลิงได้ส่งทหารคุ้มกันไป เดี๋ยวรอฉีเฟิงกลับมาตอนค่ำ พวกเราค่อยส่งเขาไปสืบเื่นี้ ข้าสามารถใช้ฐานะของจิ่นอีโหวซื่อจื่อ เรียกเหล่าหัวหน้าพื้นที่มา อธิบายให้ชัดเจน หากจวนเก่านี้มีการโกงจริงๆ เมื่อพวกหัวหน้าพื้นที่มาถึง มันก็ง่ายที่จะถูกเปิดโปง”