เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าที่แสดงถึงความตกตะลึงและดวงตาที่จ้องมองมาของหลงโม่หยา ทันใดนั้นเขาก็พบว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ดูเหมือนจะมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในสภาแวดล้อมอันมืดสนิทนี้ได้เช่นกัน.......... แต่เมื่อคิดดูแล้วหลงโม่หยาก็อยู่ที่นี่มานานหลายพันปีแล้ว เขาจะไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้อย่างไร
หลงโม่หยาไม่ได้มองไปที่เย่เทียนเซี่ย แต่เขากลับมองไปยังผลึกเทพัที่แตกสลายลงไป เขาคุ้มครองมันมานานหลายพันปี อีกทั้งมันยังเป็สิ่งล้ำค่าที่มีค่าสูงสุดของเผ่าัจนสามารถพูดได้ว่าเป็หินที่ชาวเผ่าัศรัทธาเป็อย่างมาก...... แต่วันนี้ ตรงหน้าของเขาตอนนี้...... มันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเย่เทียนเซี่ยหลงโม่หยาก็หันหน้ากับมาช้าๆแล้วมองไปที่เย่เทียนเซี่ย ดวงตาแข็งกร้าวของเขาสั่นสะไหว....... แต่ในสายตาของเขานั้นเย่เทียนเซี่ยกลับมองไม่เห็นแววตาโกรธแค้นที่ผลึกเทพัหายไปเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็ความตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาล้วนๆ
“แตกแล้ว.......หายไปแล้ว....... ผลึกเทพั.....หายไปแล้ว.......” เสียงเขาพึมพำออกมาเหมือนิญญาหลุดออกจากร่าง สำหรับเขาที่มีความเชื่อว่าจะต้องปกป้องผลึกเทพัแล้ว ผลลัพธ์เช่นนี้เขาจะยอมรับได้อย่างไร
ทันใดนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง ดวงตาที่เหมือนิญญาหลุดออกจากร่างค่อยๆตื่นขึ้นจากภวังค์ เขามองมาที่เย่เทียนเซี่ยและพูดออกมาช้าๆ “ในประวัติศาสตร์ของเผ่าัเราผู้ที่มีคุณสมบัติแห่งแสงสว่างและความมืดนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย และทุกครั้งที่พวกเขาปรากฏตัวออกมาสักคนก็จะต้องกลายเป็ผู้นำของชาวเผ่าั และัที่มีพลังของความมืดและแสงสว่างในเวลาเดียวกันนี้ก็ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์......... ผลึกเทพัก็แตกสลายไปแล้วเพราะเ้า มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำลายผลึกเทพัให้แตกสลายไปได้........ นั่นก็คือพลังของเ้าจะต้องแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดจนทำให้มันแตกสลายไปได้ หรือไม่อย่างนั้นก็จะต้องมีศักยภาพมากเกินกว่าที่มันจะรับไหวจนทำให้มันแตกสลายเป็ผุยผงเช่นนี้......... แม้ข้าจะไม่รู้ว่าการที่มนุษย์ที่มีสายเืัแค่ครึ่งเดียวเช่นเ้าปรากฏตัวขึ้นมาจะหมายความว่าอะไรก็ตาม...........”
เย่เทียนเซี่ยนิ่งงัน ในตอนแรกที่เขาได้ยินชื่อหุบเขาัซ่อนแห่งนี้จากข่งซิวซึ่งเป็ปรมาจารย์เวทมนต์แห่งเมืองเทียนเฉิน หัวใจของเขาก็มีความหวังขึ้นมาอย่างแรงกล้า แต่เขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้มายังสถานที่สุดพิเศษภายในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้ และยังสามารถเปลี่ยนอาชีพได้อย่างราบรื่นสุดๆอีกด้วย........ มันเป็อาชีพที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากผู้เล่นทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง และระดับความแข็งแกร่งของอาชีพนี้ยังห่างไกลจากที่เขาจินตนาการและคาดเดาเอาไว้เสียอีก
ภายใต้ใบหน้าสงบนิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจเขากลับเพิ่มมากขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ ตอนนี้เย่เทียนเซี่ยบรรลุจุดประสงค์ที่เขามายังสถานที่แห่งนี้แล้ว ตอนนี้ต่อให้หลงโม่หยาจะพูดอะไรก็ล้วนไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้ว เย่เทียนเซี่ยแสดงสีหน้าขอโทษโดยไม่อาจบอกได้ว่าเป็ความจริงหรือเสแสร้งก่อนจะพูดออกมา “ผลึกเทพัน่าจะสำคัญต่อเผ่าัของพวกคุณมากสินะครับ...... ไม่คิดเลยว่ามันจะแตกไปเพราะผม”
“ผลึกเทพัสำคัญต่อเผ่าัของเรายิ่งกว่าที่เ้าจินตนาการเอาไว้เสียอีก แต่... มิน่าล่ะเ้าถึง.....” ทันใดนั้นหลงโม่หยาก็เหมือนจะคิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาแข็งค้างจากนั้นก็เปลี่ยนไป “ผลึกเทพัหายไปแล้ว จิ้งจอกทมิฬ........ แล้วจิ้งจอกทมิฬที่อยู่ข้างในมันหายไปไหนล่ะ!?”
เสียงของเขาเพิ่งจะสิ้นสุดลง เขาก็รวบรวมสติแล้วสายตาของเขาก็มองไปยังข้างๆเท้าของเย่เทียนเซี่ย ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นได้ในที่มืดเช่นกัน แม้ว่ามันจะหลบซ่อนอย่างดีอยู่หลังเท้าของเย่เทียนเซี่ย แต่ปลายหางสีขาวราวกับหิมะที่โผล่ออกมาเล็กน้อยก็แสดงให้เขาเห็นว่ามันยังคงมีชีวิตอยู่
เมื่อหลงโม่หยาพบมันก็เป็เวลาเดียวกับที่เย่เทียนเซี่ยเห็นมันเข้าพอดี จิ้งจอกหิมะที่เคยอยู่ในผลึกเทพัตัวนั้นกำลังหลบอยู่ข้างเท้าของเย่เทียนเซี่ย มันใช้ขาของเขาปกปิดร่างของมันเอาไว้ เมื่อดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองไปที่มันเ้าจิ้งจอกน้อยก็รู้ว่าตัวเองถูกค้นพบเข้าแล้ว มันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังใบหน้าที่มองมาที่มันด้วยความสงสัยของเย่เทียนเซี่ย ดวงตาสีดำคู่นั้นมีแววตาข้อร้องปรากฏอยู่ข้างใน
บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนเป็กดดันในทันที จิติญญาทั่วร่างของหลงโม่หยาเครียดขึงขึ้นมาเหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ การคงอยู่ของจิ้งจอกทมิฬนั้นไม่มีสิ่งสีชีวิตใดล่วงรู้ แต่ภายในเผ่าัของเขากลับมีตำนานอันน่ากลัวเกี่ยวกับมัน มอนสเตอร์ที่เทพัผู้แข็งแกร่งที่สุดต้องใช้พลังทั้งหมดและชีวิตของเขาผนึกมันไว้ แต่เขากลับทำได้แค่ผนึกมันไว้เพราะเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะฆ่ามันได้ เท่าที่รู้ความน่ากลัวของมันอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก
อย่างไรก็ตามไอพลังที่พุ่งพล่านออกมาอย่างรวดเร็วของหลงโม่หยาก็ค่อยๆลดลงอย่างช้าๆ เพราะเมื่อพลังของเขาล็อกเป้าไปที่จิ้งจอกทมิฬตัวนั้นแล้ว เขาก็พบว่าพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของมันน้อยมากจนน่าสงสาร มันมีน้อยยิ่งกว่ามอนสเตอร์เลเวล 10 ที่อ่อนแอซะอีก พลังเช่นนี้ไม่มีทางคุกคามเขาได้แน่นอน
ดวงตาของจิ้งจอกน้อยในเวลานี้ััได้ถึงจังหวะหัวใจของเย่เทียนเซี่ย เพราะดวงตาที่น่าสงสารที่มีทั้งความใ ความหวาดกลัว และการขอร้องคู่นั้นช่างเหมือกับดวงตาของกั่วกัวตอนที่เธอร้องอยากกินอมยิ้มไม่มีผิด เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจิ้งจอกน้อยจะมีท่าทางราวกับได้ยินเสียงหัวใจของเขา......... เพราะเ้าจิ้งจอกตัวนั้นมันได้ส่งเสียงออกมา ท่ามกลางสติรับรู้ที่ลางเลือนเขาเหมือนจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวที่น่าสงสารจ้องมองมาที่เขา และหวังจะได้รับการปกป้องจากเขา.............
ก่อนที่หลงโม่หยาจะทำการโจมตีออกไปเย่เทียนเซี่ยก็พุ่งตัวออกมาแล้วอุ้มมันขึ้นมาจากพื้นเสียก่อน ในตอนนั้นเองเขาถึงได้มองเห็นสีสันและความสุขในดวงตาของจิ้งจอกน้อย มันขดตัวลงและพยายามจะมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาราวกับจะให้ร่างทั้งร่างของมันแทรกผ่านเข้าไปในกายของเขา
จิ้งจองหิมะทมิฬ : เลเวล 0, พลังชีวิต 100, ที่มาไม่ชัดเจน มันเพิ่งหลุดออกมาจากผลึกเทพัที่ถูกเทพัผนึกเอาไว้เมื่อเจ็ดสิบล้านปีก่อน มีรูปร่างสวยงาม นิสัยเชื่องและจะไม่ทำการโจมตีสิ่งมีชีวิตก่อน
ทักษะ : ไม่มี, จุดอ่อน : ไม่มี
เมื่อดวงตาของเย่เทียนเซี่ยมองไปที่เ้าจิ้งจอกน้อยข้อมูลของมันที่ปรากฏขึ้นในสมองของเขาทำให้เขาแสดงอาการตกตะลึงออกมาชัดเจน....... เลเวล 0 มีพลังชีวิตแค่ 100 หน่วย........ จิ้งจอกน้อยที่สามารถถูกเขาฆ่าตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวตัวนี้จะเป็ตัวเดียวกันกับจิ้งจอกทมิฬที่ทำให้เทพัผู้แข็งแกร่งสิ้นหวังจริงหรือ?
ไม่ใช่แน่.......... ถูกผนึกนานเจ็ดสิบล้านปี........อยู่ในผลึกเทพัมาโดยตลอดแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ จิ้งจอกน้อยตัวนี้ดูจากภายนอกก็ออกจะไม่มีพิษไม่มีภัยแท้ๆ
“วางมันลงซะ ข้าจำเป็ต้องฆ่ามัน” หลงโม่หยาที่กำลังเตรียมตัวจะปลดปล่อยการโจมตีถึงชีวิตใส่จิ้งจอกทมิฬยั้งมือไว้ครึ่งทางเนื่องจากกลัวว่าจะทำร้ายเย่เทียนเซี่ยไปด้วย เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะพูดออกมา
เย่เทียนเซี่ยส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะยกยิ้มแล้วตอบกลับไป “ผู้เฒ่าหลง ด้วยพลังของท่าน ท่านก็น่าจะรับรู้ได้ว่าพลังของมันอ่อนแอมาก อ่อนแอยิ่งกว่าผมซะอีก ต่อให้มันเป็จิ้งจอกที่ชั่วร้ายก็คงไม่สามารถทำอันตรายใครได้ คงไม่มีความจำเป็ที่จะเอาชีวิตมันหรอกมั้งครับ อีกอย่างท่านก็เป็ัที่มีพลังอยู่ในระดับอสูร์ ท่านที่มีพลังอันแข็งแกร่งจะลงมือทำร้ายสัตว์ที่อ่อนแอเช่นนี้ได้เหรอครับ แล้วก็ท่านไม่คิดว่ามันน่ารักบ้างเหรอครับ?”
จิ้งจอกน้อยเงยหน้ามองเย่เทียนเซี่ย ดวงตาของมันแสงออกถึงความขอบคุณต่อเย่เทียนเซี่ย
“เ้าผิดแล้วล่ะ” หลงโม่หยาส่ายหน้าก่อนจะพูดออกมาเสียงต่ำ “ถ้ามันไม่ใช้จิ้งจอกที่ชั่วร้าย ตอนนั้นเทพัคงไม่ใช้ชีวิตของเขาผนึกมันเอาไว้หรอก ถ้ามันอ่อนแอจริง ทำไมมันถึงทำให้เทพัต้องใช้พลังของเขาถึงระดับนั้นได้ และจะเป็ไปได้ยังไงที่มันจะมีชีวิตอยู่มาได้นานถึงขนาดนี้ภายในผลึกเทพั ตอนนี้พลังของมันยังคงอ่อนแอก็เพราะมันถูกผลึกเทพัผนึกเอาไว้ถึงเจ็ดสิบล้านปีเต็มๆ และใน่เวลาหลายปีมานี้มันต้องใช้พลังและร่างกายอดทนต่อการกัดกร่อนของพลังในผลึกเทพั พลังของจิ้งจอกทมิฬจึงค่อยๆสูญสลายไปท่ามกลางการต่อต้านจนมาถึงวันนี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเวลาเจ็ดสิบล้านปีก็ยังคงไม่อาจพรากชีวิตของมันไปได้ พลังของมันในตอนนั้นจะต้องแข็งแกร่งกว่าในตำนานมากแน่ๆ......”
สีหน้าของหลงโม่หยาดูภูมิใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความศรัทธาก่อนจะพูดออกมาช้าๆ “จิ้งจอกที่ชั่วร้ายเช่นนี้หลังจากหนีออกมาจากผลึกเทพัจะต้องฟื้นคืนพลังอย่างรวดเร็วแน่นอน หากรอให้ถึงวันที่มันฟื้นคืนพลังที่เคยมีขึ้นมาได้ เช่นนั้นจะมีใครกำราบมันลงได้....... ถึงเวลานั้นบางทีอาจจะเกิดเื่เลวร้ายที่ไม่อาจย้อนกลับได้เพราะมันก็เป็ได้ เ้าวางมันลงเถอะ ข้าจำเป็ต้องสังหารมัน”
เย่เทียนเซี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของหลงโม่หยา ในข้อมูลที่แนะนำจิ้งจอกน้อยตัวนี้ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามัน “มีรูปร่างสวยงาม มีนิสัยเชื่องและจะไม่ทำการโจมตีสิ่งมีชีวิตก่อน ” จิ้งจอกน้อยแบบนี้จะเป็จิ้งจอกที่มีจิตใจอันชั่วร้ายได้อย่างไร และหากพูดถึงลักษณะภายนอกของมันแล้วก็ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่า “ชั่วร้าย” เลยแม้แต่น้อย
เย่เทียนเซี่ยกอดจิ้งจอกน้อยไว้ในอ้อมอกแน่น บางทีอาจจะเป็เพราะเสียงร้องขอความช่วยเหลือในตอนแรกและสายตาน่าสงสารของมันก่อนหน้านี้ได้ประทับอยู่ในใจของเขาแล้วก็เป็ได้ เขาพบว่าตัวเองไม่อาจยอมให้จิ้งจอกน้อยที่อยู่ตรงหน้าตายไปได้ เมื่อเขาตัดสินใจที่จะปกป้องอะไรบางอย่างไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำให้เขาถอยไปได้แม้เพียงก้าวเดียว เย่เทียนเซี่ยยังคงส่ายหน้าไม่หยุด “ผมเชื่อการตัดสินใจของตัวเอง มันไม่มีทางเป็จิ้งจอกที่ชั่วร้ายได้หรอกครับ แต่มันคือสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารที่ถูกผนึกไว้นานหลายปีต่างหาก สิ่งที่มัน้าก็คือการปกป้องและความเมตตา ไม่ใช่การทำร้าย ผมเชื่อว่าการที่มันถูกเทพัผนึกไว้โดยแลกกับพลังและชีวิตของเขาน่าจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่นะครับ”
หลงโม่หยาขมวดคิ้วขึ้นมา น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น และสายตาของเขาก็ยังจ้องมองไปที่เย่เทียนเซี่ย “พลังแห่งความมืดและแสงสว่างปรากฏขึ้นมาในร่างของเ้าในเวลาเดียวกัน เ้ามีพลังัอันแปลกประหลาดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พลังของเ้าแม้แต่ผลึกเทพัที่เทพัหลอมขึ้นมาในตอนนั้นก็ยังแตกสลาย เ้าที่เป็เช่นนี้ทำให้ข้าแปลกใจ ทำให้ข้าหวังว่าจะได้มองเห็นอนาคตของเ้า ถ้าเป็ไปได้ข้าก็อยากจะมอบความช่วยเหลือทุกอย่างที่ข้าจะสามารถทำได้ให้แก่เ้า...... ดังนั้นข้าจึงไม่อยากทำร้ายเ้า แต่เ้ายังคงเด็กมากนัก ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากไป เ้าที่เป็เช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วจะต้องสูญเสียอย่างมากมายเป็แน่”
“หึ ผมไม่เคยเสียใจกันสิ่งที่ตัวเองได้เลือกไปแล้ว” เย่เทียนเซี่ยยักไหล่แล้วพูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก มือหนึ่งกอดจิ้งจอกหิมะเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ลูบไล้ร่างที่เต็มไปด้วยขนของมันไปมา ัันุ่มลื่นอันน่าอัศจรรย์ทำให้เขาตัดใจวางมันไม่ลง จิ้งจอกน้อยดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับการลูบไล้ของเขา มันนอนนิ่งในอ้อมกอดของเขาอย่างสัตว์เชื่องๆ
หลงโม่หยาเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมา “รูปลักษณ์ภายนอกสามารถหลอกคนได้ ความรู้สึกของตนเองก็ยังสามารถหลอกตัวเองได้เช่นกัน เ้าแน่ใจขนาดไหนถึงเชื่อว่ามันไม่ใช่จิ้งจอกที่ชั่วร้าย? อะไรทำให้เ้าคิดว่าการที่มันถูกผนึกไว้ในตอนนั้นจะมีเหตุผลอื่นอีก แม้จะมีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งในห้าที่มันจะเป็จิ้งจอกที่ชั่วร้าย แต่ด้วยความสามารถอันน่ากลัวของมัน ความเป็ไปได้หนึ่งในห้าก็ไม่อาจยินยอมได้ ไม่อย่างนั้นใครจะเป็คนรับผิดชอบกับผลลัพธ์อันน่ากลัวต่อจากนี้กันล่ะ......... เป็เ้าหรือเป็ข้า!”
เย่เทียนเซี่ยยื่นมือขวาออกมาช้าๆ แสงสว่างก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งก็รวมตัวอยู่กลางฝ่ามือของเขา และแล้วความรู้สึกกดดันมหาศาลพุ่งมาทางเย่เทียนเซี่ยทันที “วางมันลง!”
เย่เทียนเซียส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล “ปล่อยมันไปเถอะครับ ผลที่จะตามมาทั้งหมดต่อจากนี้ผมจะรับผิดชอบเอง...... ถ้ามันจะมีผลอะไรเกิดขึ้นจริงๆหลังจากนี้”
