"พรุ่งนี้จะลองไปสอบถามเถ้าแก่ฟางดูสักหน่อย ว่ามีร้านขายยาร้านไหนขายสมุนไพรราคายุติธรรมบ้าง แล้วเอาเห็ดหลิงจือเ่าั้ไปขายให้หมด"
"ข้าซื้อผ้าเนื้อหยาบมาแล้ว คืนนี้จะเย็บสินค้าตัวอย่างออกมา ท่านว่างอยู่ก็ช่วยเหลากระดุมไม้ให้ข้าหน่อย ทำเสร็จจะได้ไปร้านค้าของสกุลเมิ่ง"
เซวียเสี่ยวหรั่นช่วยเช็ดผมให้เขา ปากก็พูดไปเรื่อยๆ เหมือนปรกติ
"ถึงเวลา ข้าจะไปร้านค้าสกุลเมิ่งกับเ้า" เหลียนเซวียนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยออกมา
"อ้าว ท่านจะไปด้วยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นประหลาดใจ วันนั้นฟังเขาพูดแล้ว เธอก็รู้สึกว่าเหลียนเซวียนน่าจะเป็คนจากตระกูลใหญ่มียศถาบรรดาศักดิ์ ซึ่งไม่มีทางไปเกลือกกลั้วกับเื่การค้าด้วยตนเอง
เมื่อเขาปฏิเสธว่าเป็จอมยุทธ์ เช่นนั้นก็เป็ไปได้ถึงแปดเก้าส่วนว่าจะเป็ลูกหลานของตระกูลใหญ่ของแคว้นฉี
"อื้ม ข้าจะไปเป็เพื่อน เผื่อเ้าจะถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว" เหลียนเซวียนยิ้มมุมปาก
"เหลวไหล ข้าเป็คนถูกหลอกง่ายเสียที่ไหน" เซวียเสี่ยวหรั่นแค่นเสียงหึ
"อ้อ ไม่ต้องให้ข้าไปเป็เพื่อน?" เหลียนเซวียนย้อนถามเรียบๆ
"เอ้อ... ให้ท่านไปด้วยก็ได้" เซวียเสี่ยวหรั่นคิดใคร่ครวญแล้ว มีเขาไปช่วยเสริมความกล้า ย่อมดีแน่นอน
เหลียนเซวียนหัวเราะ รู้แก่ใจอยู่ว่านางต้องไม่ปฏิเสธ
ผมของเขาแห้งไปครึ่งหนึ่งแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็วางผ้าลง "ข้าจะเอาเห็ดหุยซินออกมาตาก"
เห็ดหุยซินใส่อยู่ในกระเป๋าสะพายของเหลียนเซวียน เซวียเสี่ยวหรั่นรื้อมันออกมาใส่กระบุงที่เปิดไว้ให้ลมผ่านได้
"นอนบนรถม้ามาหลายวัน ในที่สุดก็ได้นอนเตียงเสียที ท่านพักผ่อนเร็วหน่อยเล่า ข้าจะไปดูเสี่ยวเหล่ยกับอาเหลย"
เซวียเสี่ยวเหล่ยกำลังอาบน้ำกับอาเหลย เขาอาบน้ำเสร็จก็เอาน้ำอุ่นที่เหลืออาบให้อาเหลย
อาเหลยได้รับการดูแลจากเซวียเสี่ยวเหล่ยตลอดการเดินทาง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งแน่นแฟ้น มันจึงยอมให้เขาถูตัวให้
"อาเหลย พี่เสี่ยวเหล่ยอาบน้ำให้ เ้ามีความสุขล่ะสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นค้นผ้าเช็ดตัวของอาเหลยออกมา รอให้มันอาบน้ำเสร็จก็เช็ดตัวให้
"เจี๊ยกๆ" อาจเป็เพราะเจอกับโจรป่าคราก่อนหรือไม่ก็สุดรู้ อาเหลยะเืใจอย่างแรง ่นี้เลยเชื่อฟังเป็พิเศษ
ยามถูกล่ามก็ไม่ดึงเชือกออก แต่จ้องตาแป๋วชวนให้คนรู้สึกเวทนาสงสาร
เซวียเสี่ยวหรั่นแปรงขนให้มันอย่างทะนุถนอม
"พี่สาว ข้าเอง" เซวียเสี่ยวเหล่ยคิดจะรับผ้าเช็ดตัวมา
"ไม่เป็ไร ขอบใจนะเสี่ยวเหล่ย ที่ช่วยดูแลอาเหลยมาตลอดทาง" เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเซวียเสี่ยวเหล่ยเหมือนเดิม
"มะ... ไม่ต้องเกรงใจ นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว" เซวียเสี่ยวเหล่ยรู้สึกทำตัวไม่ถูก
แม้จะบอกว่าทั้งสองต่างยอมรับความสัมพันธ์พี่น้อง แต่่เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันสั้นเกินไป เซวียเสี่ยวเหล่ยเดิมทีก็เป็เด็กมีสัญชาตญาณระวังตัวแรงกล้า ใช่ว่าจะสร้างสายสัมพันธ์พี่น้องให้สนิทชิดเชื้อได้ในเวลาอันสั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่รีบร้อน ต่อไปยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกมาก หัวใจคนเราเป็แค่ก้อนเนื้อ เธอเชื่อว่าจะค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ยามเย็น เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาก็ร่วมหารือกันเกี่ยวกับการตัดเย็บกระเป๋า
ไม่มีมืออาชีพอย่างซีมู่เซียงช่วยเหลือ ฝีมือการตัดเย็บของพวกนางก็ไม่ได้ดีมาก จึงต้องเสียเวลาไปไม่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นวางแผนทำกระเป๋าถือ กระเป๋าคาดอก กระเป๋าสะพาย กระเป๋าเครื่องประทินผิว และกระเป๋าใส่เงินปลีกอย่างละใบ
ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบที่ซื้อมา เธอเลือกสีสันสดใสหน่อยเช่น สีชมพู สีส้ม สีม่วง สีน้ำเงิน และสีเทาเข้มเป็ต้น
ทำตัวอย่างออกมาก่อน ผลลัพธ์จะเป็อย่างไรค่อยว่ากัน
ถึงอย่างไรผ้าเนื้อหยาบราคาก็ไม่สูง ทำเสียก็ไม่เสียดายมากนัก
วันรุ่งขึ้น เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาก็เก็บตัวเย็บกระเป๋าอยู่ในห้องทั้งวัน
เหลียนเซวียนเห็นนางเอาจริงเอาจังมาก จึงรับหน้าที่ขายเห็ดหลิงจือให้เอง
เซวียเสี่ยวหรั่นยัดเห็ดหลิงจือเ่าั้ไว้ในกระเป๋าสะพายหลังของเซวียเสี่ยวเหล่ย แล้วให้เขาออกไปกับเหลียนเซวียน
รอพวกเขากลับมาก็เป็เวลา่เที่ยงพอดี
เซวียเสี่ยวหรั่นได้ยินความเคลื่อนไหว ก็วางเข็มกับด้ายแล้วออกไปต้อนรับ
"เป็อย่างไรบ้าง ขายออกไหม" เธอจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังของเหลียนเซวียนอย่างตื่นเต้น จึงมิได้สังเกตกว่าเขาให้เซวียเสี่ยวเหล่ยประคอง โดยที่มิได้ถือไม้เท้ากลับมาด้วย
"พี่สาว ขายออกขอรับ ขายได้ราคาดีเสียด้วย" ใบหน้าของเซวียเสี่ยวเหล่ยเต็มไปด้วยความตื้นเต้น ยามหันไปมองเหลียนเซวียนยังฉายแววเลื่อมใส อย่างเด่นชัด
เซวียเสี่ยวเหล่ยดวงตาทอประกายวาววับ
วิ่งเข้ามาอยู่ข้างกายเหลียนเซวียนแล้วช่วยประคองแขนเดินไปที่ห้องพัก
หลังจากนั่งลง ก็รินน้ำชาให้ทั้งสองคน แล้วเริ่มสอบถามรายละเอียด
เซวียเสี่ยวเหล่ยเห็นเหลียนเซวียนค่อยๆ จิบชา แต่ไม่เปล่งเสียง เขาก็เลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแทน
เริ่มจากเหลียนเซวียนไปสอบถามเถ้าแก่ฟางถึงร้านขายยาที่รับซื้อสมุนไพร ก่อนที่จะเลือกร้านขายยาซูจี้ซึ่งมีชื่อเสียงค่อนข้างดีงาม
ร้านขายยาซูจี้อยู่ไกลหน่อย พวกเขาต้องเสียเวลาอยู่นาน
จะว่าไปแล้วก็ช่างประจวบเหมาะยิ่ง ขณะที่พวกเขาไป ก็พบกับนายน้อยซูจี้ซึ่งมาตรวจบัญชีร้านอยู่พอดี ผู้ดูแลร้านยารีบร้อนจะไล่พวกเขาออกไป จึงมองเห็ดหลิงจือเ่าั้แบบขอไปที แล้วให้ราคาค่อนข้างต่ำ
"เห็ดหลิงจือดำดอกนี้มีขนาดใหญ่ น้ำหนักพอดี ลักษณะภายนอกสมบูรณ์ ส่วนปลายที่แตกแขนงออกมามีลักษณะคล้ายแส้ ผนังหนา สีเข้ม เนื้อเรียบลื่น ก้านสมบูรณ์แบบ จัดเป็ของชั้นเลิศ เถ้าแก่ให้ราคาต่ำมาเช่นนี้ดูจะไม่เป็ธรรม"
เสียงมั่นคงหนักแน่นของเหลียนเซวียนดังก้องอยู่ในห้องโถง ทำเอาคนรอบข้างต่างตื่นตระหนก
ผู้ดูแลร้านผู้นั้นหน้าแดงก่ำ หลังจากพิจารณาใหม่อีกรอบ ก็ยอมรับความสะเพร่าของตนเอง
นายน้อยซูจี้ตั้งใจเข้ามาขอขมา แต่กลับสะดุดตาไม้เท้าของเหลียนเซวียน
เขาจดจ้องไม้เท้าคู่นั้นอยู่นาน ดวงตาฉายแววประหลาดใจแกมรู้สึกทึ่ง
"แล้วอย่างไรต่อ?" เซวียเสี่ยวหรั่นถามอย่างใจร้อน อันที่จริงเธออยากถามว่าขายได้เท่าไรมากกว่า
"หลังจากนั้น นายน้อยผู้นั้นก็เชิญพวกเราไปที่ห้องรับแขก กล่าวขอขมาพลางจ้องไม้เท้าไม่วางตาเลยขอรับ" เซวียเสี่ยวเหล่ยนึกถึงนายน้อยผู้นั้นที่เอาแต่จ้องไม้เท้าเขม็ง ตอนนี้ก็ยังรู้สึกขบขันไม่หาย
แต่เื่นี้พอเข้าใจได้ นายน้อยของร้านขายยาย่อมมองเห็นประโยชน์ของไม้เท้าค้ำยันแบบนี้ต่อผู้ป่วยที่ได้รับาเ็ขาหัก
"แล้วอย่างไรต่ออีก?" เซวียเสี่ยวหรั่นร้อนใจจะแย่แล้ว
เหลียนเซวียนยกยิ้มน้อยๆ "หลังจากนั้นก็ขายเห็ดหลิงจือได้สองร้อยตำลึง ส่วนไม้เท้าก็เอาไปแลกยาชุดสิบวัน"
"เอาไม้เท้าไปแลกยาสิบวัน?" เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งงัน แต่เพียงพริบตาก็นึกขึ้นได้ "นะ... นะ... นั่นคือยารักษาตาของท่าน?"
เหลียนเซวียนผงกศีรษะน้อยๆ
"กรี๊ด" เซวียเสี่ยวหรั่นกรีดร้องอย่างตื่นเต้น แทบลุกขึ้นะโ
"ไหนบอกว่ายารักษาตาแพงมากมิใช่หรือ ราคาไม้เท้าคู่เดียวสูงถึงเพียงนี้เชียว?"
แม้เสียงร้องจะบาดหู แต่เหลียนเซวียนกลับทอยิ้ม รู้อยู่แก่ใจว่านางต้องดีใจมาก
"ไปซื้อยาที่ร้านย่อมแพง แต่ร้านของพวกเขามีสวนสมุนไพรเป็ของตนเอง ต้นทุนไม่ได้สูงมาก ยาสิบวันแลกกับไม้เท้าไม่นับว่าเสียเปรียบ"
เหลียนเซวียนเองก็ไม่นึกว่าไปร้านขายยาครานี้จะโชคดีเช่นนี้
เดิมทียังปวดหัวกับเื่นี้อยู่ แต่หนนี้นับว่าเป็ความดีความชอบของนาง ถึงแก้ปัญหาได้
