บทที่ 8: ซินเดอเรลล่าไม้สักทอง
คืนวันงานกาล่าดินเนอร์ สมาคมผู้ส่งออกไทย ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล
ฉันยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ในห้องนอนเก่าๆ ของตัวเองที่บ้าน ความรู้สึกเหมือนกำลังจะออกรบมากกว่าไปงานเลี้ยง
"แม่เ้าโว้ย... นี่ลูกสาวแม่จริงๆ เหรอเนี่ย?" แม่ยกมือทาบอกเมื่อเห็นฉันเดินลงบันไดมา "สวยเหมือนดาราฮ่องกงเลยลูก!"
ฉันไม่ได้ไปเช่าชุดราตรีปักเลื่อมระยิบระยับจากร้านเวดดิ้งสตูดิโอ แต่ฉันเลือกที่จะขุด "ผ้าไหมสีดำมันขลับ" ของยายที่เก็บไว้ในหีบมาหลายสิบปี มาจ้างช่างฝีมือดีในตลาดตัดตามแบบที่ฉันวาดเอง
ชุดเดรสสายเดี่ยวเส้นเล็ก (Spaghetti Strap Slip Dress) ยาวกรอมเท้า ทรงตรงทิ้งตัวเข้ารูป เน้นความเรียบง่ายแต่คัตติ้งเนี๊ยบกริบ เผยให้เห็น่ไหล่และแผ่นหลังที่นวลเนียน ผ้าไหมสีดำขับผิวขาวจัดของบัวให้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันตา
ไม่มีสร้อยเพชร ไม่มีต่างหูระย้า ฉันเลือกทำผมทรงมวยต่ำเรียบแปล้ (Sleek Low Bun) แต่งหน้าโทนสีนู้ดน้ำตาล เน้นเขียนคิ้วให้คมและปัดขนตาให้งอนงาม ปากทาลิปสติกสีน้ำตาลอิฐเนื้อแมตต์ซึ่งเป็สีฮิตสุดๆ ของยุค 90s
แต่จุดเด่นที่สุดไม่ใช่ชุด... แต่เป็เครื่องประดับชิ้นเดียวบนร่างกายฉัน
ที่ข้อมือซ้าย ฉันสวม "กำไลข้อมือทรงเรขาคณิตขนาดใหญ่ (Cuff Bracelet)" ที่ทำจาก... ไม้สักทองขัดเงา ที่คัดลายสวยที่สุดจากโรงงาน ตัดขอบด้วยทองเหลือง มันดูดิบ แต่หรูหรา และทันสมัย มันคือการประกาศตัวตนว่าฉันคือใครโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
"หนูไปก่อนนะจ๊ะแม่" ฉันไหว้แม่ แล้วเดินออกไปขึ้นรถแท็กซี่ที่เรียกมารับ (รถกระบะโรงงานคงไม่เหมาะกับงานนี้)
...
โรงแรมโอเรียนเต็ล (Mandarin Oriental Bangkok)
แสงไฟสีส้มสุดคลาสสิกสาดส่องล็อบบี้อันโอ่อ่าของโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ รถเบนซ์ S-Class และ BMW Series 7 จอดเรียงรายส่งแเื่ระดับวีไอพี พรมแดงถูกปูลาดยาวั้แ่บันไดทางเข้าไปจนถึงห้องบอลรูม
ฉันก้าวลงจากรถแท็กซี่ รู้สึกขัดเขินเล็กน้อยที่พาหนะไม่เข้าพวก แต่ทันทีที่รองเท้าส้นสูงสีดำ 4 นิ้วแตะพรมแดง ฉันก็เชิดหน้าขึ้น สวมิญญา CEO หญิงผู้มั่นใจ เดินเข้างานราวกับเป็เ้าของโรงแรม
บริเวณโถงต้อนรับคลาคล่ำไปด้วยนักธุรกิจรุ่นใหญ่ในชุดทักซิโด และเหล่าคุณหญิงคุณนายในชุดราตรีผ้าลูกไม้ฟูฟ่องและเครื่องเพชรวูบวาบ
ฉันกวาดสายตามองหาเ้าภาพที่เชิญฉันมา...
แล้วฉันก็เห็นเขา
'กรณ์' ยืนเด่นเป็สง่าอยู่ตรงซุ้มถ่ายภาพ เขาสวมทักซิโดสีดำเข้ารูปหูกระต่ายสีเดียวกัน ผมที่เคยเซตเรียบแปล้ วันนี้ถูกเสยขึ้นเปิดหน้าผากเล็กน้อยให้ดูมีวอลลุ่ม ทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นดูอ่อนเยาว์ลงแต่ก็ยังคงความภูมิฐาน
เขากำลังยืนคุยกับชายสูงวัยท่าทางมีอิทธิพลสองสามคน ในมือถือแก้วแชมเปญ
ฉันสูดลมหายใจลึก แล้วเดินตรงเข้าไปหาเขา
"สวัสดีค่ะ คุณกรณ์"
เสียงทักทายของฉันทำให้วงสนทนาหยุดชะงัก ชายสูงวัยเ่าั้หันมามองฉันด้วยความสนใจ
แต่คนที่ชะงักที่สุด... คือกรณ์
เขาค่อยๆ หันมา... วินาทีที่สายตาของเขาปะทะกับฉัน ฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาคู่นั้นชัดเจน
จากสายตานักธุรกิจที่เฉียบคม มันกลายเป็สายตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น แก้วแชมเปญในมือเขาหยุดนิ่งค้างกลางอากาศ
เขากวาดสายตามองฉันั้แ่หัวจรดเท้า ช้าๆ... ไม่ใช่การมองที่หยาบคาย แต่เป็การมองที่เหมือนกำลังประเมินงานศิลปะชิ้นเอกที่คาดไม่ถึง
สายตาเขามาหยุดที่กำไลไม้สักบนข้อมือฉัน... แล้วมุมปากเขาก็กระตุกยิ้มขึ้น
"คุณ..." เสียงของเขาแ่ลงกว่าปกติ ก่อนจะกระแอมไอเล็กน้อยเพื่อเรียกเสียงกลับมา "คุณบัวบูชา"
"หวังว่าฉันจะแต่งตัวได้มาตรฐาน 'ลูกค้าวีไอพี' ของคุณนะคะ" ฉันยิ้มท้าทายเล็กน้อย
กรณ์ส่ายหน้าช้าๆ ยังคงจ้องหน้าฉันไม่วางตา
"เกินมาตรฐานไปไกลเลยล่ะ..." เขาพึมพำ
เขาหันไปแนะนำฉันกับผู้ใหญ่ในวง "ท่านครับ นี่คือคุณบัวบูชา เ้าของ 'ชัยเฟอร์นิเจอร์' ผู้ส่งออกของแต่งบ้านรายใหม่ที่กำลังมาแรงในตลาดยุโรปครับ"
"อ๋อ! ที่ลงนิตยสารเมืองนอกใช่ไหม หนูเก่งมากนะ อายุนิดเดียว" ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเอ่ยชม
"ขอบพระคุณค่ะ" ฉันไหว้อย่างนอบน้อม
กรณ์วางแก้วแชมเปญลง แล้วยื่นข้อศอกมาให้ฉัน
"งานจะเริ่มแล้ว... เข้าข้างในกันเถอะครับ"
ฉันสอดแขนเข้าไปคล้องแขนเขา ััได้ถึงกล้ามเนื้อแขนที่ตึงแน่นภายใต้เสื้อสูทเนื้อดี กลิ่นน้ำหอมผู้ชายที่ผสมกลิ่นบุหรี่จางๆ ของเขาลอยมาเตะจมูก มันเป็กลิ่นที่อันตราย... แต่เย้ายวนชะมัด
เราเดินเข้างานพร้อมกัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา โดยเฉพาะสายตาของสาวไฮโซหลายคนที่มองมาอย่างตั้งคำถามว่า 'นังนี่เป็ใคร ทำไมถึงมากับคุณกรณ์'
"ชุดสวยนะ..." จู่ๆ เขาก็กระซิบขณะเดินผ่านซุ้มประตู
"ขอบคุณค่ะ ผ้าไหมเก่าของยาย กับฝีมือช่างเย็บผ้าในตลาดน่ะค่ะ"
"หึ... ผมนึกว่าคุณไปเหมามาจากแคตวอล์กมิลานซะอีก" เขาเหน็บแนม แต่ฟังดูเหมือนคำชมมากกว่า "แล้วไอ้ที่ข้อมือนั่น..."
"ไม้สักจากโรงงานฉันเองค่ะ" ฉันยกข้อมือให้ดู "เศษไม้ที่คุณเคยบอกว่ามันรกโกดังไงคะ"
กรณ์หัวเราะหึๆ ในลำคอ เขาขยับแขนที่ฉันคล้องอยู่ให้กระชับขึ้นเล็กน้อย
"ร้ายกาจจริงๆ นะคุณ... แม้แต่ในงานเลี้ยง ก็ยังไม่วายขายของ"
"หน้าที่ของฉันคือสร้างมูลค่าเพิ่มนี่คะ" ฉันเงยหน้าสบตาเขา แสงไฟแชนเดอเลียร์สะท้อนในดวงตาคมกริบของเขา
"และดูเหมือนว่าคืนนี้... ฉันจะทำสำเร็จซะด้วย"
หัวใจฉันเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่เขามองตอบกลับมา มันไม่ใช่แค่แววตาของเ้าหนี้ที่พอใจลูกหนี้อีกต่อไปแล้ว
แต่มันคือแววตาของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายเขาเข้าอย่างจัง
