“ให้ข้าพาหงหนิงไปพบหลี่ซิ่วไฉเองเถิด ครั้งนี้ได้เงินมาสิบตำลึงเงิน ข้าวางแผนไว้ว่าจะส่งหงหนิงไปเรียนกับหลี่ซิ่วไฉ ตอนแรกคิดว่าไว้หงป๋อหายดีแล้วจะส่งไปเรียนหนังสือเช่นกัน แต่หงป๋อบอกว่าอยากเรียนวิชาแพทย์ เช่นนั้นไว้พวกเราเข้าเมืองวันใดค่อยไปหาตำราแพทย์สักสองเล่มมาให้เขาอ่านเสียก่อน”
ทั้งสองกลับเข้าห้อง หลินหวั่นชิวบอกแผนของตัวเองให้เจียงหงหย่วนฟัง บ้านตระกูลหวางกับตระกูลจ้าวยังไม่เท่าไร แต่หลินหวั่นชิวกลัวว่าหากเจียงหงหย่วนเป็คนไปพบหลี่ซิ่วไฉเอง หน้าตาของเขาจะทำให้อีกฝ่ายกลัวเสียก่อน
ท่าทีที่นางวางแผนอนาคตให้สองพี่น้องตระกูลเจียงทำให้เจียงหงหย่วนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกอิจฉา อยากรับความห่วงใหญ่จากภรรยาตัวน้อยแทนน้องชายทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว
“อืม ทำตามที่เ้าเห็นสมควรเถิด!” เจียงหงหย่วนพูด เขายื่นตั๋วเงินสองสามใบให้หลินหวั่นชิวหลังจากที่พูดจบ “เ้าเก็บเงินพวกนี้ไว้ ยังมีหนังเสืออีกผืนกับน้ำมันกระดูกเสือ ข้าคิดว่าจะเก็บหนังเสือไว้ เข้าหน้าหนาวแล้วค่อยทำเป็พรมให้เ้า จะได้อุ่นๆ ส่วนน้ำมันกระดูกเสือเอาไปขายในอำเภอ เงินที่ได้จะให้เ้าเก็บเช่นเดิม จริงสิ อีกไม่กี่วันข้าต้องไปทำงานที่บ่อนพนันในอำเภอ ได้เงินเดือนเดือนละยี่สิบตำลึง”
ตอนแรกหลินหวั่นชิวจะถามเจียงหงหย่วนว่าไปเอาเงินหลายร้อยตำลึงมาจากที่ใด แต่เมื่อได้ยินว่าเขาจะไปทำงานที่บ่อนพนัน ทั้งยังได้เดือนถึงยี่สิบตำลึงก็คิดเป็ห่วงขึ้นมา “ทำงานที่บ่อน? ที่นั่นอันตรายหรือไม่? ท่านไปทำหน้าที่ใด? เทียบกับล่าสัตว์แล้วสิ่งใดอันตรายกว่า?”
“ทำหน้าที่เป็ผู้ดูแล คอยดูแลความเรียบร้อยในบ่อน หากมีหนี้ก็ออกไปทวง ทวงหนี้แล้วได้ส่วนแบ่งหนึ่งส่วน แต่ข้าคิดว่าส่วนแบ่งนี้คงต้องเอาไปแบ่งพวกลูกน้องอีก ส่วนเื่อันตราย…ไม่มีผู้ใดเปิดบ่อนได้โดยไร้คนหนุนหลัง เทียบกับบนูเาแล้ว ในบ่อนน่าจะปลอดภัยกว่า วางใจเถิด ข้ายังไม่ได้ลิ้มรสชาติของเ้าเลย ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก”
เจียงหงหย่วนจ้องหลินหวั่นชิวตาเป็มันในขณะที่พูด สายตาเอาแต่เคลื่อนไปทางหน้าอกนาง โรคจิตเป็ที่สุด
เอาอีกแล้ว!
หลินหวั่นชิวกลอกตาในใจ หลังจากที่ได้อยู่กับเจียงหงหย่วนมาระยะหนึ่ง นางพอจะเข้าใจสิ่งใดบางอย่างแล้ว หมอนี่จะตายหากไม่ได้พูดทะลึ่ง!
นางทำเป็ไม่ได้ยินประโยคสุดท้าย คิดในใจว่างานของเจียงหงหย่วนเหมือนหัวหน้าผู้ดูแลความปลอดภัย เป็หัวหน้าผู้ดูแลความปลอดภัยควบรวมกับหัวหน้าคนทวงหนี้ ในสมัยโบราณน่าจะเรียกว่าหัวหน้าอันธพาล
“เื่นี้ข้าไม่ค่อยรู้เื่ ท่านตัดสินใจเองเถิด ขอเพียงไม่อันตรายเป็พอ จริงสิ ท่านเอาหนังเสือไปขายเถิด ข้าชอบพรมปุยฝ้ายนุ่มๆ มากกว่า” หลินหวั่นชิวมองตั๋วเงินที่เจียงหงหย่วนมอบให้ เก็บพวกมันลงในกล่องไม้ใบนั้นต่อหน้าเขา
“ได้ ตามที่เ้าว่า” เจียงหงหย่วนหยิบห่อผ้าใบเล็กมาให้นางอีกใบ “ในนี้มีเงินก้อนหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงเงิน เ้าเก็บไว้”
“ท่านไปเอาเงินเยอะแยะขนาดนี้มาจากที่ใด?” ทั้งที่ตอนไปทิ้งเงินไว้ให้นางแค่ยี่สิบเหรียญทองแดง แต่ขากลับกลับมีเงินถึงสี่ร้อยแปดสิบตำลึง หลินหวั่นชิวอดสงสัยไม่ได้
ตามหลักแล้วเขาต้องล่าสัตว์และไปขายในอำเภอก่อนจึงจะมีเงิน
แต่นี่…
“ข้าไม่ได้ล่าได้แค่เสือ แต่ยังมีหมีหนึ่งตัวและหมูป่าสามตัว ขณะเดียวกันช่วยชีวิตคนอีกสองคน สองคนนี้ขอซื้อสัตว์ที่ล่าได้ไปเสียหมด เงินพวกนี้มาจากพวกเขา งานที่บ่อนพนันมาจากพวกเขาเช่นกัน”
เขาไม่ได้ขนหมูป่ากลับมา แต่เก็บไว้ในกระท่อมไม้บนเขาและทำสัญลักษณ์ระหว่างทาง หลิวเฉียงบอกว่าที่ค่ายทหารขาดแคลนเนื้อจึงขอซื้อไป ไว้จะส่งคนมาเอาเอง ไม่ต้องให้เจียงหงหย่วนกลับไปอีกรอบ
เขาเล่าเหมือนเป็เื่เล็กน้อย
ทว่าหลินหวั่นชิวกลับตาค้างปากค้าง
นางคิดว่าแค่ล่าเสือได้สักตัวก็สุดยอดมากแล้ว ไม่รู้ต้องออกแรงมากขนาดไหน
อู่ซงในเื่ร้อยแปดผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซานต้องดื่มสุราให้ตัวเองเมา ให้รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุดในฟ้าดินก่อนถึงจะกล้าขึ้นไปล่าเสือที่สันเขาจิ่งหยาง
แต่นี่เจียงหงหย่วนล่าทั้งเสือทั้งหมี แล้วยังมีหมูป่าอีกสามตัว…
บุรุษผู้นี้…
ช่าง…
อาจหาญยิ่งนัก!
จริงสิ เขายังช่วยคนที่แค่เอ่ยปากก็มอบตำแหน่งผู้ดูแลในบ่อนพนันให้เขาได้อีกสองคน หลินหวั่นชิวไม่รู้แล้วว่าควรสรรหาคำใดมาบรรยายบุรุษตรงหน้า
เหตุการณ์ตอนนั้นคงจะอันตรายมากสินะ?
“เช่นนั้นท่านาเ็หรือไม่?” เสือ หมี หมูป่า…ไม่มีสัตว์ตัวใดรับมือง่ายทั้งนั้น
เจียงหงหย่วนยักคิ้วตอบด้วยความภูมิใจ “วางใจเถิด ข้าไม่าเ็! สามีของเ้าเก่งกาจยิ่งนัก ทั้งบนูเาและบนเตียง!”
หลินหวั่นชิว “…”
หนังหน้านี่…หนายิ่งกว่าพื้นผิวโลก
นางชำเลืองตามองเจียงหงหย่วน “เ้าไม่กลัวข้าหอบเงินหนีหรือ?”
เจียงหงหย่วนตอบอย่างสบายๆ “ไม่กลัว เ้าที่คิดแต่จะเข้าหอกับข้าทั้งวันจะหนีได้อย่างไร? หลังเข้าหอแล้วยิ่งไม่มีทางหนี ได้ลิ้มลองความยิ่งใหญ่ของข้าแล้วเ้าหนีไม่รอดหรอก”
หึหึ ภรรยาตัวน้อยวางแผนเพื่อครอบครัวเช่นนี้ นางจะกล้าหนีได้อย่างไร?
สมองนางไม่ได้มีแต่กากเต้าหู้เหมือนสตรีสองคนก่อนหน้านี้
และตามหลักแล้ว ชีวิตที่บ้านตระกูลเจียงดีกว่าตอนอยู่บ้านตระกูลหลินมาก เจียงหงหย่วนยิ่งวางใจมากเช่นกัน
หลินหวั่นชิวน้ำตาไหลด้วยความขมขื่น นางผิดไปแล้ว นางไม่ควรปากมากเอง!
เดิมทีจะให้เจียงหงหย่วนพกเงินติดตัวไว้ป้องกันตัว แต่ตอนนี้หลินหวั่นชิวกลับเก็บเงินทั้งหมดลงในกล่องและลงแม่กุญแจ
นางซื้อแม่กุญแจนี้มาจากเสียนอวี๋ หึหึ…เจียงหงหย่วนไม่มีกุญแจ
ปล่อยให้เขาจนตายไปเลย!
(เจียงหย่วนคิดเมื่อเห็นการกระทำของนาง “…เหตุใดข้าถึงต้องใช้กุญแจ เพียงเอามีดมาฟันกล่องก็สิ้นเื่แล้ว แม่กุญแจเป็เพียงของตกแต่งเท่านั้น!”)
“เอาล่ะ ข้าจะพาหงหนิงไปหาท่านอาจารย์เสียก่อน” หลินหวั่นชิวพูดจบก็เดินออกไป ขืนยังอยู่กับเจียงหงหย่วนต่อ นางกลัวว่าตัวเองจะโมโหจนปอดะเิ
เจียงหงหย่วนไม่ขัดขวาง และปีนขึ้นเตียงไปนอน
อยู่ข้างนอกได้นอนสบายที่ใดกัน ไม่สู้กลับมานอนที่บ้านตัวเอง อีกอย่าง หมอนกับผ้าห่มล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นของภรรยาตัวน้อย…
หลินหวั่นชิวปิดประตู หยิบไข่ไก่จำนวนหนึ่งกับเนื้อเสือหนักประมาณห้าชั่งอีกหนึ่งชิ้นมาจากห้องครัว จากนั้นจึงพาเจียงหงหนิงไปหาหลี่ซิ่วไฉที่หมู่บ้านข้างๆ
หนึ่งคือขอบคุณหลี่ซิ่วไฉ หากไม่มีเขาคงไม่ได้เงินสิบตำลึง
สองคือจ่ายค่าเล่าเรียน เจียงหงหนิงจะได้เข้าเรียนเร็วหน่อย
การไปโรงเรียนส่วนตัวครั้งนี้ต่างจากคราวก่อน คราวก่อนพี่สะใภ้พาเขาไปทวงความยุติธรรม แต่คราวนี้พาเขาไปสมัครเรียน
เจียงหงหนิงดีใจจนเดินแกว่งมือแกว่งเท้าไปทางเดียวกัน ทำเอาหลินหวั่นชิวมีความสุขไปด้วย
ยังดีที่ระหว่างทางต้องใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วยาม หลินหวั่นชิวคุยกับเจียงหงหนิง ใจที่ประหม่าของเด็กคนนี้ถึงจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง
มาถึงโรงเรียนส่วนตัว เด็กรับใช้เห็นพวกนางมาก็คิดว่ามาหาเื่ท่านอาจารย์อีก คิ้วขมวดทันที
“พวกเ้ามาเพื่อเหตุใด! ท่านอาจารย์ช่วยเอาเงินสิบตำลึงให้พวกเ้าแล้ว ยังจะ้าสิ่งใดอีก ใจคนไม่รู้พอยิ่งกว่างูกลืนช้าง! จะละโมบเกินไปเสียแล้ว ออกไปๆ อย่าทำโรงเรียนพวกข้าสกปรก!”
รอยยิ้มหลินหวั่นชิวแข็งค้างบนใบหน้า นางพูดกับเด็กรับใช้ว่า “พวกข้าไม่ได้มาหาเื่ รบกวนให้เ้าช่วยแจ้งท่านอาจารย์ด้วย พวกข้าอยากเจอท่านอาจารย์ เพื่อขอบคุณเขา”
เด็กรับใช้ไม่ขยับเขยื้อน จะเอ่ยปากไล่อีกรอบ
จังหวะนี้เองที่หลี่ซิ่วไฉเดินออกมาเพราะได้ยินเสียง เขาขมวดคิ้วเช่นกันเมื่อเห็นหลินหวั่นชิว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้