หลี่ลั่วเพิ่งกินข้าวเสร็จ เขาจึงพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้หวายในห้องหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง บนเก้าอี้หวายปูด้วยผ้าห่มบางๆ หลี่ลั่วนอนอยู่บนนั้นแล้วห่มด้วยผ้าห่มอีกผืนหนึ่ง เก้าอี้หวายนั้นวางไว้ข้างหน้าต่าง เมื่อลมพัดมา กลิ่นความสดชื่นของธรรมชาติในบริเวณลานบ้านก็จะถูกพัดเข้ามาด้วย หยวนโม่อยู่ข้างๆ คอยพัดวีให้เบาๆ สภาพอากาศในเดือนห้าร้อนอบอ้าวเล็กน้อย แต่ถ้าไม่ห่มผ้าห่ม นางกังวลว่าเสี่ยวโหวเหฺยของพวกนางจะจับไข้เอาได้
หญิงสาวในเรือนชั้นในนั้นต่างมีเรือนของตนเป็สัดเป็ส่วน แม้ว่าเรือนเหล่านี้จะไม่ได้เชื่อมต่อกัน แต่ก็อยู่ใกล้กันมาก นอกเสียจากเรือนของหลี่หลิน เรือนของหลี่หลินนั้นมีขนาดใหญ่ที่สุด และยังหันหน้าไปทางทิวทัศน์ที่ดีที่สุดด้วย
ณ เรือนหยวนหม่าน ที่นี่คือเรือนของหลี่หม่าน
“ว้าว ไข่มุกบูรพานี้ทั้งใหญ่ทั้งแวววาว มิเสียแรงที่เป็สิ่งของพระราชทาน” หลี่หม่านสวมไว้บนข้อมือ “งดงามหรือไม่?” นางถามอาฟางสาวใช้ข้างกาย
“งดงามเ้าค่ะ ผิวของคุณหนูขาวผ่อง มือก็เรียวยาว ไม่มีผู้ใดจะสวมได้งดงามเท่ากับคุณหนูอีกแล้วเ้าค่ะ” อาฟางเป็คนฉลาดและรู้จักพูดจา
หลี่หม่านมีสีหน้าเต็มไปด้วยความผยอง แล้วมองไปทางผิงอัน “เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณน้องหกแล้ว”
ผิงอันโค้งกายยิ้มๆ “บ่าวจะเรียนเสี่ยวโหวเหฺยให้เ้าค่ะ เช่นนั้นบ่าวขอตัวก่อนเ้าค่ะ”
“ไปเถิด” เมื่อผิงอันจากไป หลี่หม่านก็ไปหาภรรยาหลี่ฮุย
เมื่อภรรยาหลี่ฮุยเห็นกำไลข้อมือบนมือของหลี่หม่านก็ชมชอบยิ่งนัก “งดงามมาก อย่าได้พูดถึงว่าไข่มุกบูรพาประเมินค่ามิได้เลย ต่อให้เป็กำไลข้อมือที่ทำมาจากเงินบริสุทธิ์ก็เกรงว่าก็น่าจะมีน้ำหนักราวๆ สิบห้าตำลึงแล้ว แต่กำไลข้อมือนี้พี่น้องผู้หญิงในสกุลทุกคนต่างก็มีอยู่ในมือ พรุ่งนี้เ้าก็สวมกำไลข้อมือนี้กับหลินเจี่ยเอ๋อร์รับรองแขกผู้หญิงเถิด”
“จริงดังที่ท่านแม่กล่าวไว้ ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ”
ณ เรือนหยวนเซ่อ
“น้องหกของเ้ามีใจแล้ว” หลี่หยางซื่ออุทาน บุตรอนุคนนี้ของนางนั้นมิอาจมองข้ามได้เลยจริงๆ มารยาท การพูดคุยสนทนา และพฤติกรรมส่วนตัว ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ผ่านการไตร่ตรองอย่างละเอียดทั้งสิ้น ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อ่อนแอ นอกจากวันแรกที่มาถึงแล้วไปคารวะยามเช้าที่เรือนของหลี่เหล่าไท่ไท่ จากนั้นก็ไม่ได้ไปอีก ซ้ำเหล่าไท่ไท่ยังต้องเสแสร้งแกล้งทำให้ดูเป็หญิงชราที่มีเมตตาอย่างยิ่ง
หากลั่วเกอเอ๋อร์เป็เพียงคุณชายธรรมดาๆ ของจวนโหว เกรงว่าเหล่าไท่ไท่คงจะอาละวาดไปนานแล้ว แต่ลั่วเกอเอ๋อร์เป็เ้านายของจวนโหว ต่อให้เขาอายุยังน้อยแต่ก็เป็ผู้นำครอบครัวของจวนโหว เป็โหวเหฺยที่ได้รับพระราชทานชื่อ ดังนั้นความโกรธของเหล่าไท่ไท่ในครั้งนี้ ก็คงได้แต่กลืนลงท้องไปเสีย
“ใช่แล้วเ้าค่ะ ขนาดพี่ิเขายังคิดถึง ท่านแม่ ข้าชมชอบน้องหกยิ่งนักเ้าค่ะ” หลี่หลินพูด
“เขาเป็น้องชายที่ใกล้ชิดที่สุดของเ้า เ้าชมชอบเขา เขาชมชอบเ้า ย่อมเป็เื่ที่ดี” หลี่หยางซื่อพูด “เขาให้เ้าไปส่งมอบของขวัญ ก็คือ้าให้เ้าแสดงต่อหน้าผู้อื่นว่าครอบครัวเรานั้นดี ลูกแม่ เ้าต้องจดจำไว้ให้ดี ต่อไปเ้าจะต้องออกเรือนไป แต่ไม่ว่าเ้าจะออกเรือนไปเช่นใด บิดาของเ้าไม่อยู่แล้ว พี่ชายน้องชายของครอบครัวมารดาเป็ขุนเขาที่ให้เ้าพึ่งพิงได้เสมอ เ้ามีนิสัยอ่อนโยน หากไม่มีแรงสนับสนุนจากพี่ชายน้องชายจากครอบครัวฝ่ายมารดา เ้าจะยืนขึ้นมาในครอบครัวสามีเ้าได้ยากยิ่ง ลั่วเกอเอ๋อร์เป็เ้านายของจวนโหว และยังเป็ที่พึ่งในอนาคตของเ้าด้วย”
“ท่านแม่ ท่านพูดอันใดกันเ้าคะ?” หลี่หลินหน้าแดงก่ำ “ต่อไปข้าจะไม่ออกเรือน ข้าจะอยู่เป็เพื่อนท่าน ทุบหลังให้ท่าน”
“อย่าพูดเช่นนี้” หลี่หยางซื่อหัวเราะ
หลังจากหลี่หลินกลับออกไป หลี่หยางซื่อก็ให้จี้หมัวมัวเปิดคลังของจวนโหว ที่จริงแล้วจวนโหวไม่มีรากฐานอันใด หลี่ซวี่จากไปเร็วยิ่งนัก ข้างในคลังนั้นนอกจากสิ่งของพระราชทานเมื่อครั้งหลี่ซวี่ได้รับบรรดาศักดิ์โหวเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็แทบจะไม่มีสิ่งของอันใดที่มีค่าอีก แต่ผ้าเนื้อดีหลายพับนั้นยังพอมีอยู่ ม้วนผ้าเหล่านี้นางเองยังตัดใจไม่ได้ที่จะนำมาใช้ วันนี้นางเบิกออกมาหลายพับและให้คนเอาไปตัดเสื้อใหม่ให้หลี่ลั่ว
วันถัดมา
แขกกลุ่มแรกที่มาเยือนจวนจงหย่งโหวคือแขกจากจวนจงกั๋วกง ในฐานะที่เป็ญาติที่สนิทที่สุด จงกั๋วกงฮูหยินจึงมาด้วยตนเองในวันนี้ ความหมายในอีกแง่หนึ่งก็คือนางเป็ญาติผู้ใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุด พวกเขามาถึงก่อนเวลามาก ทั้งยังสามารถช่วยรับรองแขกได้อีกด้วย
หลี่หยางซื่อประคองหลี่เหล่าไท่ไท่ออกมายืนรอที่หน้าประตูจวนนานแล้ว อีกด้านหนึ่งคือภรรยาหลี่ฮุยและภรรยาหลี่ฮ่าว ด้านหลังที่ติดตามมาก็คือเจี่ยเอ๋อร์และเกอเอ๋อร์ หลี่ลั่วเป็ผู้นำครอบครัวของจวนโหว เขาทำหน้าที่รับรองซื่อจื่อหลี่เฉิน ส่วนจงกั๋วกงไม่ได้มาร่วมงานด้วย และหากว่ากันตามลำดับาุโของซื่อจื่อ หลี่เฉินย่อมไม่มีความจำเป็ให้หลี่เหล่าไท่เหฺยออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“พี่สะใภ้มาแล้วหรือเ้าคะ”
“คารวะป้าสะใภ้”
“คารวะอาสะใภ้”
“รีบลุกขึ้นเถิด” จงกั๋วกงฮูหยินคล้องแขนเข้ากับแขนของหลี่เหล่าไท่ไท่ยิ้มๆ หลี่หยางซื่อยืนอยู่ข้างๆ หลี่เหล่าไท่ไท่ ซื่อจื่อฮูหยินหลี่หลินซื่อยืนอยู่ข้างๆ จงกั๋วกงฮูหยิน คนทั้งกลุ่มพากันเดินไปยังเรือนว่านโซ่ว
หลี่หลินที่อยู่ด้านหลังค่อยๆ เดินมาถึงข้างกายหลี่จือ “พี่หญิงจือ พี่ิ” หลี่จือและิเจี๋ยเอ๋อร์ยืนอยู่ด้วยกัน หลี่หลินคล้องแขนกับมือของหลี่จือ แขนเสื้อจึงม้วนขึ้นไปเล็กน้อย แขนขาวดุจหยกขาวโผล่ออกมาครึ่งหนึ่ง กำไลข้อมือไข่มุกบูรพาบนข้อมือจึงปรากฏแก่สายตาของหลี่จือ
“เป็กำไลข้อมือที่งดงามนัก” หลี่จือพูดอย่างตกตะลึง
ิเจี๋ยเอ๋อร์ได้ยินเสียงของนาง จึงอดไม่ได้ที่จะมองตามไป “ข้าไม่เคยเห็นไข่มุกที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อนเลย”
“นี่เป็ไข่มุกบูรพาิโหลวพระราชทาน ดูเหมือนจะเป็เครื่องบรรณาการจากแคว้นิโหลว ฝ่าาพระราชทานให้แก่น้องหก น้องหกนำมาทำเป็กำไลข้อมือและมอบให้กับข้า” หลี่หลินอธิบาย จากนั้นจึงแอบไปกระซิบกระซาบข้างหูหลี่จือ
หลี่จือฟังแล้วดวงตาทอประกายวาบ นางหันไปกระซิบกระซาบข้างหูิเจี๋ยเอ๋อร์ ิเจี๋ยเอ๋อร์ฟังแล้วใบหน้าพลันแดงก่ำ สายตาของนางเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ จากนั้นไปหยุดอยู่บนร่างของหลี่หง แขกผู้ชายด้านนั้นเป็หลี่ลั่วและหลี่หงที่ทำการรับรอง นางจึงเพียงแค่แอบมองครู่หนึ่ง ไม่เช่นนั้นจะทำให้คนอื่นรู้สึกได้ว่านางวางตัวไม่เหมาะสม แต่เพียงแค่แวบเดียวนางก็พบว่าหลี่หงในวันนี้ต่างจากผู้อื่น ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา แต่เป็เพราะ...วันนี้หลี่หงไม่ได้ใช้ไม้เท้า และท่าทางการเดินเหินของเขาก็ไม่เหมือนคนพิการแล้ว นี่มันเกิดเื่อันใดขึ้น?
ด้วยเหตุที่ตกตะลึง สายตาของนางจึงดูแล้วกระตือรือร้นเกินไป
หลี่หงจึงมองกลับมาตามสายตาของนาง จากนั้นยิ้มให้นางอย่างสุภาพอ่อนโยน ที่จริงเมื่อสักครู่เขามองเห็นิเจี๋ยเอ๋อร์แล้ว วันนี้นางแต่งกายมาอย่างตั้งใจ ดังนั้นจึงงดงามเป็พิเศษ
ทั้งคู่ต่างก็รีบเคลื่อนย้ายสายตาออกไป เพียงแต่หัวใจนั้นเต้นรัวตุบๆ ไม่หยุดเลยทีเดียว
ทางด้านแขกฝั่งผู้ชาย หลี่ลั่วและหลี่หงได้พาพวกเขาไปที่หลี่เหล่าไท่เหฺย วันนี้คนจากจวนจงกั๋วกงมาร่วมงานไม่น้อยเลย มีซื่อจื่อ หลี่เฉิน อายุสามสิบเก้าปี (มาพร้อมกับซื่อจื่อฮูหยินหลี่หลินซื่อ, บุตรชายคนโต หลี่เจ๋อ อายุสิบแปดปี และบุตรสาวคนโต หลี่จือ อายุสิบห้าปี) ครอบครัวบุตรสาวคนที่สองของจงกั๋วกง หลี่ิิ่ อายุสามสิบหกปี (มาพร้อมกับสามี หยางเหนียน อายุสามสิบเจ็ดปี และบุตรชายคนโต หยางโม่ อายุสิบหกปี) ครอบครัวบุตรชายของอนุภรรยา หลี่ต้าน อายุสามสิบเจ็ดปี มีบุตรสาวหลี่เทียน อายุสิบสามปีมาเป็ตัวแทน (หลี่ต้านถึงแก่กรรมไปแล้ว ภรรยาของเขาเป็หญิงม่าย วันนี้จึงมาเพียงบุตรสาว) และครอบครัวบุตรชายของอนุภรรยา หลี่สือ อายุสามสิบหกปี (มาพร้อมกับภรรยาหลี่สือ, บุตรสาวคนโต หลี่ซี อายุสิบสี่ปี และบุตรชายคนโต หลี่หยาง อายุสิบเจ็ดปี)
ตามลำดับาุโในจวนกงกั๋วกงนั้น หลี่เจ๋อถือว่าเป็คุณชายใหญ่ หลี่หยางคือคุณชายรอง หลี่ต้านคือคุณชายสาม หลี่จือถือเป็คุณหนูใหญ่ หลี่ซีคือคุณหนูรอง หลี่เทียนคือคุณหนูสาม
“ไฉนซานถังเกอไม่ได้มาเล่า?” หลี่ลั่วถามถึงหลี่ต้าน
“เขาจะมาถึงช้าหน่อย” หลี่เจ๋อตอบ
หลี่เหล่าไท่เหฺยอายุมากแล้ว กับเด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีเหล่านี้เขาไม่รู้จะพูดคุยเื่อันใดด้วย ความสัมพันธ์ของเขาที่มีต่อหลี่ซวี่บุตรชายในสายเืนั้นแทบจะไม่มีเลย แล้วนี่ยังเป็รุ่นหลานของครอบครัวอีกหลายเรือนอีก ดังนั้นจึงมีเพียงซื่อจื่อหลี่เฉิน หลานเขยหยางเหนียน และหลานชายหลี่สือที่อยู่คุยกับเขา ส่วนคนอื่นๆ ได้ให้หลี่ลั่วและหลี่หงพาจากไป
หลี่ลั่วนำไปที่เรือนโฉวงจี๋
พูดขึ้นมาแล้ว ครั้งก่อนที่คนเหล่านี้ได้มายังจวนจงหย่งโหวก็คือเมื่อสี่ปีก่อน เมื่อยามที่หลี่ซวี่ถึงแก่กรรม ปีที่แล้วหลี่เหล่าไท่เหฺยอายุครบหกสิบปี แต่การไว้ทุกข์ตามธรรมเนียมสามปีของหลี่ซวี่ยังไม่ครบกำหนด แม้ว่าผู้าุโจะไม่ต้องไว้ทุกข์ให้บุตรชาย แต่จวนจงหย่งโหวนั้นต้องไว้ทุกข์ ดังนั้นงานแซยิด[1]ของหลี่เหล่าไท่เหฺยก็เลยไม่ได้จัดงานอันใด
จวนจงหย่งโหวนั้นใหญ่มาก การตกแต่งภายในไม่ว่าจะต้นไม้ใบหญ้าล้วนเป็การตกแต่งตามความนิยมชมชอบของปัญญาชน เมื่อเปรียบเทียบกับจวนจงกั๋วกงที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้น ทางด้านการตกแต่งเหนือกว่าหนึ่งขั้น อีกทั้งเรือนโฉวงจี๋ยังเป็เรือนหลัก เป็เรือนที่ดีที่สุดของเรือนทั้งหมด และมีพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุด
ศาลาบนหอคอยสูงของเรือนโฉวงจี๋เป็สถานที่ที่ท่านโหวในรัชสมัยก่อนชอบมานั่งร่ำบทกวีดื่มเมรัยเป็ที่สุด หลี่ลั่วคงสภาพของมันเอาไว้ เพราะเขาเองก็ชมชอบมันเช่นกัน เมื่ออยู่บนศาลาหอคอยสูงแล้วจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของจวนจงหย่งโหวได้ทั้งหมด
เรือนโฉวงจี๋ทั้งเรือนเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ ต้นไม้เหล่านี้หลี่ลั่วให้พ่อบ้านจี้เตรียมการในหลายวันนี้เอง มีเพียงคนที่อยู่ในแวดวงเดียวกันจึงจะรู้ว่าต้นหญ้าดอกไม้เหล่านี้ดูไปแล้วเหมือนต้นไม้ธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ทว่าความจริงแล้วล้วนเป็หญ้าสมุนไพรและดอกไม้สมุนไพรที่เหล่าแพทย์ต่างชมชอบทั้งสิ้น มีดอกไม้บางชนิดที่ตัวดอกไม้เองก็เป็สมุนไพรชนิดหนึ่ง
หากไม่เข้ามาในจวนจงหย่งโหวคงจะไม่รู้ จวนโหวที่ดูเหมือนน่าจะตกต่ำลงหลังจากที่หลี่ซวี่จากไปกลับดูเรียบง่ายแต่ทว่าหรูหราถึงเพียงนี้
แสดงให้เห็นว่าครั้งนั้นฝ่าาให้ความสำคัญแก่หลี่ซวี่เพียงใด
“ศาลาต้อนรับแขกหรือ?” หลี่เจ๋อหยุดฝีเท้า มองไปยังป้ายที่อยู่ด้านหน้า ดูไปแล้วสถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ใช้รับรองพวกเขา ประตูของศาลาต้อนรับแขกทั้งหมดกว้างราวๆ สามเมตร หน้าประตูวางกระถางต้นไม้อยู่สองใบ ทั้งสองกระถางนี้เป็ดอกหลานฮวา[2] ซินเป่ายืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ข้างกายของเขายังมีบ่าวรับใช้อีกสองคนติดตามมาด้วย
“เชิญด้านในขอรับต้าถังเกอ” หลี่ลั่วพูด
ในฐานะเ้าบ้านแล้ว หลี่ลั่วจึงเดินเข้าไปพร้อมๆ กับหลี่เจ๋อ ด้านในนั้นกว้างขวางยิ่งนัก ตรงข้ามกับประตูทางเข้ามีเก้าอี้ยาวไม้แดงวางอยู่หนึ่งชุด ความยาวประมาณสี่เมตร ด้านข้างๆ ยังวางเก้าอี้ไม้แดงสำหรับนั่งคนเดียวอยู่อีกหนึ่งชุด ความยาวตัวละหนึ่งเมตร ถัดจากเก้าอี้ไม้แดงทั้งสองด้านไปทางด้านหลังก็ยังมีเก้าอี้แบบเดียวกันอยู่อีกหนึ่งชุด โดยรวมแล้วทั้งซ้ายและขวาสองด้านมีเก้าอี้เดี่ยวไม้แดงด้านละหกตัว
ขณะเดียวกันด้านหน้าของเก้าอี้ไม้แดงทุกตัวจะวางโต๊ะน้ำชาไม้แดงไว้หนึ่งตัว ส่วนด้านหน้าของเก้าอี้ยาวที่ยาวสี่เมตรนั้น คือโต๊ะน้ำชาไม้แดงตัวยาวหนึ่งตัว
เก้าอี้ไม้แดงประเภทนี้ ผู้ที่อยู่ในที่นี้ต่างได้พบเห็นเป็ครั้งแรก แต่มันสะท้อนให้เห็นถึงฐานะของผู้เป็เ้าของอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็พิณ หมากล้อม หนังสือ หรือว่าภาพวาด หากมีความสนใจ ล้วนทำได้บนเก้าอี้ของตนทั้งสิ้น แสดงให้เห็นว่าเ้าของได้ทุ่มเทความสนใจในการตกแต่งศาลาต้อนรับแขกนี้เป็อย่างยิ่ง
“สถานที่แห่งนี้ช่างเหมาะสมที่พวกเราจะมานัดพบปะสังสรรค์กันจริงๆ” หลี่เจ๋อกล่าวชม
หลี่หงอธิบายยิ้มๆ ว่า “นี่เป็ความคิดของน้องหกขอรับ” ในน้ำเสียงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
อ้อ? หลี่เจ๋อมองหลี่ลั่วอย่างประหลาดใจเล็กน้อย เด็กน้อยอายุห้าขวบคนหนึ่งจะมีความคิดรอบด้านถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หลี่เจ๋อไม่เชื่อ เขาคิดว่าหลี่หงนั้นเจตนาพูดจาให้หน้าหลี่ลั่ว
ในบรรดาคุณชายทั้งหมดของจวนจงกั๋วกง หลี่เจ๋อถือว่ามีฐานะสูงที่สุด ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่เก้าอี้ยาวซึ่งเป็ตำแหน่งเก้าอี้ประธาน หลี่หงนั่งร่วมกับเขา ตำแหน่งถัดลงมาคือหยางโม่และหลี่หยาง
ตำแหน่งถัดจากหลี่หงคือหลี่ฉือและหลี่โจว ส่วนหลี่เฉาที่มีอายุแปดขวบไม่ได้มาด้วย
หลังจากที่พวกเขานั่งลงแล้ว ลวี่ผิงก็เดินนำเหล่าสาวใช้มายกอาหารว่างขึ้นโต๊ะ
“น้องหก สถานที่แห่งนี้ของเ้าช่างดีเหลือเกิน” หลี่โจวพูด “เพื่อเ้าแล้วท่านป้าสะใภ้รองคงสละเวลาและความตั้งใจไปไม่น้อยเลย ศาลาต้อนรับแขกนี้ไม่เลว ข้าชอบยิ่งนัก น่าเสียดายที่เรือนของข้าไม่ได้ใหญ่เช่นนี้ จัดสถานที่เช่นนี้ออกมามิได้” ในน้ำเสียงนั้นมีทั้งความอิจฉาริษยา และความน้อยเนื้อต่ำใจ
[1] แซยิด (生日) หมายถึงงานฉลองอายุครบรอบ 60 ปี
[2] ดอกหลานฮวา (兰花) คือ ดอกกล้วยไม้