ไม่นานพวกเธอก็ถึงสนามบิน คนขับรถช่วยนำกระเป๋าของลู่เป๋าเหยียนไปทำเื่เช็คอิน ส่วนูเี่อันยังคงนั่งนิ่งอยู่ในรถไม่ยอมลงไป
ถ้าลงไปส่งเขา มันก็ดูเหมือนเธอไม่อยากให้เขาไปสิ ไม่ลง ยังไงเธอก็ไม่ลง!
ลู่เป๋าเหยียนยืนหรี่ตามองกดดันูเี่อันอยู่นอกรถไม่พูดไม่จา ูเี่อันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ สุดท้ายก็ยอมลงไปแต่โดยดี
“ส่งคน ต้องส่งให้ถึงปลายทางสินะ!”
ลู่เป๋าเหยียนกุมมือเธอแน่น แล้วจึงเดินไปยังทางเข้า VIP
ในสนามบินมีคนเดินขวักไขว่ ั้แ่สาวใหญ่วัยสี่สิบยันหนูน้อยวัยสี่ขวบ ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินผ่านลู่เป๋าเหยียน สายตาก็กลายเป็รูปหัวใจวิ้งๆ แต่พอเห็นูเี่อันที่ยืนอยู่ข้างๆ สายตาเ่าั้กลับกลายเป็ความอาฆาตในชั่วพริบตา
ูเี่อันรู้สึกว่าตนช่างน่าสงสารเหลือเกิน เธอถูกเขาลากเข้ามาแท้ๆ...
เมื่อเข้าใกล้จุดตรวจพาสปอร์ต ูเี่อันก็เห็นบรรดาคู่รักที่กำลังร่ำลากันน้ำตาคลอ จู่ๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
เขาไปครั้งนี้ระยะเวลาเจ็ดวัน ไม่สั้นไม่ยาวก็จริง แต่มันก็อดห่วงไม่ได้
เห็นูเี่อันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิ้วของลู่เป๋าเหยียนก็ขมวดยุ่ง เขาดึงเธอให้มายืนข้างหน้าพร้อมกำชับอีกครั้งว่า
“อย่าซนไปไหน แล้วก็อย่าไปเจอซูหงเยวี่ยนคนเดียวด้วย”
ูเี่อันพยักหน้า “ฉันจำได้แล้วล่ะ”
สีหน้าของเธอที่ดูเชื่อฟัง กลับทำให้ลู่เป๋าเหยียนไม่ค่อยสบายใจนัก
เขาไม่อาจเชื่อว่าูเี่อันจะว่าง่ายขนาดนั้น
ูเี่อันถูกจ้องจนเริ่มอึดอัด “อย่าทำเหมือนจะสั่งเสียได้ไหม นายไปแค่เจ็ดวันเองนะ”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มอย่างชื่นใจ “แอบนับวันแล้วด้วยเหรอ”
ูเี่อันเอียงคอพลางพูด “พี่เป๋าเหยียนคงไม่รู้ว่าหนูสอบเลขได้ที่หนึ่งมาโดยตลอดนะคะ”
ไม่เห็นต้องแอบนับ เื่แค่นี้เรียกว่าไม่ต้องนับเลยดีกว่า
ลู่เป๋าเหยียนยังคงยิ้ม อยู่ๆ เขาก็จับท้ายทอยเธอแล้วรั้งเข้ามาใกล้ ตามด้วยัันุ่มนวลอันแสนอบอุ่นที่ประทับลงบนหน้าผาก...
วินาทีนั้น ูเี่อันรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปทั่วร่าง สติกระเจิดกระเจิงไปหมด
“รอฉันกลับมา”
เสียงทุ่มต่ำอันน่าหลงใหลของเขาราวกับน้ำวนที่พร้อมดึงดูดให้เธอจมลงไปทุกเมื่อ เธอพยักหน้าตอบรับอย่างมึนๆ
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มแล้วจึงปล่อยมือเธอ เดินเข้าจุดตรวจไปเพื่อเตรียมขึ้นเครื่อง
กว่าสติของูเี่อันจะกลับมาครบ ลู่เป๋าเหยียนก็เดินไปไกลแล้ว เธอมองตามแผ่นหลังของเขาไปพร้อมกับความรู้สึกหวาดหวั่น
น่ากลัวเกินไปแล้ว เมื่อกี้นี้เธอเหมือนถูกเขาวางยาอย่างไรอย่างนั้น ตอนนั้นต่อให้เขาพูดว่า “ขอหัวใจเธอให้ฉันเถอะ” เธอก็คงพยักหน้าตอบรับไปอย่างไม่ลังเลสักนิด
ไม่ได้ ไม่ได้ จะปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ!
ระหว่างทางขากลับ ูเี่อันได้โทรศัพท์หาลั่วเสี่ยวซี แค่พออีกฝั่งรับสาย เสียงเพลงแดนซ์แสบแก้วหูและเสียงเอะอะโวยวายของพวกผู้ชายก็ดังเข้าหูเธอทันที เธอขมวดคิ้วพลางถาม
“ลั่วเสี่ยวซี เธออยู่ไหนเนี่ย”
“ผับ” ลั่วเสี่ยวซีะโตอบกลับมาอย่างคึกคัก “ทำไมถึงว่างโทรหาฉันได้ล่ะ เวลานี้มันควรเป็เวลาที่เธอกำลังสวีทหวานอยู่กับผอ.ลู่ของเธอไม่ใช่เหรอ”
เสียงของลั่วเสี่ยวซีดูคึกเกินไปจนดูผิดปกติ
ูเี่อันเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี “เธออยู่ผับไหน แล้วอยู่กับใคร?”
“ฉินเว่ย คนที่เต้นกับฉันคืนวันแต่งงานเธอไง ตอนนี้พวกเขาเป็เพื่อนฉัน!” ลั่วเสี่ยวซีเริ่มพูดไม่รู้เื่ “มิวส์ เธอจะมาเหรอ”
ตุ้บ! ูเี่อันไม่ได้ยินเสียงลั่วเสี่ยวซีอีกเลย เธอได้ยินแต่เสียงไอหนักๆ ตามมาเป็ระลอก พร้อมเสียงผู้ชายอีกหลายคนดังขึ้น
“ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ ครั้งหน้าก็ไม่เป็ไรแล้ว”
เธอรีบวางสาย “อาเฉียน ช่วยไปส่งที่ผับมิวส์ตรงถนนเหิงเยวี่ยนหน่อยค่ะ”
“เอ่อ...คุณผู้หญิงครับ คือ...”
ลู่เป๋าเหยียนคงสั่งเขาเอาไว้แน่ๆ เขาถึงได้ดูลำบากใจขนาดนี้
“เพื่อนหนูเกิดเื่ที่นั่นค่ะ หนูคงต้องไปหาเธอ รับรองว่าคุณอาไม่เดือดร้อนหรอกค่ะ” ูเี่อันพูดอย่างร้อนใจ “ถ้าคุณอาไม่ไปส่ง ก็ช่วยจอดรถด้านหน้า เดี๋ยวหนูนั่งรถไปเองก็ได้ค่ะ”
เขายิ่งไม่กล้าปล่อยให้เธอลงรถไปคนเดียวแน่ๆ จึงพูดว่า
“ผมไปส่งก็ได้ครับ แต่คงต้องขอตามคุณผู้หญิงลงไปด้วย”
ูเี่อันพยักหน้า “ได้ค่ะ ช่วยขับให้เร็วกว่านี้ได้ไหมคะ”
เธอเป็ห่วงลั่วเสี่ยวซีมาก
หลังจากที่เริ่มชอบพี่ชายเธอ ลั่วเสี่ยวซีก็เริ่มกินเหล้าเข้าผับ เรียนรู้ที่จะดื่มเหล้าเพื่อลืมความทุกข์ ฟังจากเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ ดูท่าเธอคงกำลังเรียนรู้อะไรใหม่ๆ อีกเป็แน่
ที่จริงลั่วเสี่ยวซีเป็คนรักตัวกลัวตายแถมรักสวยรักงาม ยกเว้นแต่ตอนอกหักช้ำรัก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เลือกพึ่งวิธีที่ทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนี้
คงเพราะเกิดเื่อะไรระหว่างเธอกับซูอี้เฉิงแน่ๆ ลั่วเสี่ยวซีถึงได้อาการหนักขนาดนี้
เื่ราวเป็อย่างทีู่เี่อันเดาไว้ไม่ผิด
สองชม.ก่อน ณ โรงแรมเวิลด์การ์เดนท์
ลั่วเสี่ยวซีนั่งรออยู่นานกว่าเสียงออดหน้าประตูจะดังขึ้น ฉินเว่ยส่งสัญญาณให้เธอเดินไปเปิดประตู
เธอถลึงตามองหน้าฉินเว่ยแวบหนึ่ง ก่อนจะคลายปมเสื้อคลุมอาบน้ำให้หลวมขึ้นนิดๆ ขยี้ผมให้ดูยุ่งหน่อยๆ แล้วค่อยๆ เดินไปเปิดประตูอย่างช้าๆ
“มาหาใครคะ”
ที่หน้าประตูคือหญิงสาวหน้าตาสะสวย ในมือถือกระเป๋า Chanel ตาดูแดงๆ
“ฉินเว่ยอยู่ข้างในใช่ไหม”
“ใช่ กำลังอาบน้ำ” ลั่วเสี่ยวซีตอบไปอย่างเนือยๆ “ฉินเว่ย มีสาวสวยมาหาน่ะ”
หญิงสาวคนนั้นร้องไห้โฮออกมา แล้วะโเรียกคนที่เดินตามมาจากด้านหลัง
“พี่คะ อยู่นี่คะ”
เมื่อหญิงสาวอีกคนที่ถูกเรียกเดินเข้ามา ลั่วเสี่ยวซีถึงกับสบถดังๆ ในใจ
อยากจะบ้าตาย ลูกพี่ลูกน้องของแฟนฉินเว่ยคือแฟนของซูอี้เฉิง ผู้หญิงในชุด Dior วันนั้นที่ยืนคุยกระหนุงกระหนิงอยู่กับซูอี้เฉิงคนนั้น
ตายๆ หมดกัน คราวนี้เล่นใหญ่ไปแล้ว
แต่เพราะเธอดันรับปากฉินเว่ยว่า จะช่วยแกล้งทำเป็มาเปิดห้องกับเขาเพื่อสลัดแฟนสาว ลั่วเสี่ยวซีจึงได้แต่สวมบทบาทต่อไป
พี่สาวคนนั้นพูดสีหน้านิ่ง “ช่างมันเถอะ ลี่ลี่ เขานอกใจเธอจริงๆ ผู้ชายแบบนี้ไม่คู่ควรกับเธอ”
แต่ลี่ลี่ทนไม่ไหว ง้างมือทำท่าเหมือนจะตบลั่วเสี่ยวซี
“เฮ้อออ” ลั่วเสี่ยวซีปิดประตูลงเบาๆ แต่เพียงพอที่จะหนีบมือลี่ลี่เอาไว้ได้ “สาวน้อยอย่าทำอะไรวู่วาม หนีบจนได้แผลขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบนะ มีอะไรจะพูดก็พูดกันดีๆ สิ”
“หน้าไม่อาย!” ลี่ลี่ร้องไห้พลางต่อว่าเสียงดัง “ฉินเว่ยเป็แฟนฉันแท้ๆ เธอยังจะมายุ่งกับเขา ชายก็เลว หญิงก็ชั่ว!”
ลั่วเสี่ยวซียิ้ม “เป็แค่แฟนกันแล้วยังไง เวลาฉันชอบใคร ต่อให้แต่งงานแล้วฉันก็ไม่สน เธอบอบบางอ่อนแอขนาดนี้ ทางที่ดีไปหาพวกหนอนหนังสือคบด้วยดีกว่านะ”
ลี่ลี่ร้องเรียกพลางพยายามเปิดประตูอย่างสุดชีวิต “ฉินเว่ย! ฉินเว่ย! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เวลาสาวน้อยโมโหขึ้นมาก็น่ากลัวนะเนี่ย ลั่วเสี่ยวซีเกือบเอาไม่อยู่ หลายทีที่ประตูเกือบถูกเปิดออก แต่เธอก็ผลักมันกลับไปเต็มแรงเหมือนกัน ใน่ชุลมุนนั้น เธอหันไปเห็นซูอี้เฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลโดยบังเอิญ
จบกัน คราวนี้จบกันของจริง
ลั่วเสี่ยวซีลืมทุกสิ่งทุกอย่างตรงไหน ลี่ลี่จึงผลักประตูออกอย่างแรงจนกระแทกหน้าผากเธออย่างจัง แต่เธอไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
ฉินเว่ยบ่น “ลั่วเสี่ยวซีเธอนี่มันตัวสูงอย่างเดียว แรงไม่มีเลยหรือไง!”
ตอนนั้นเองสาวน้อยลี่ลี่ก็ทำท่าจะเข้ามาตบลั่วเสี่ยวซี ฉินเว่ยเห็นลั่วเสี่ยวซียืนนิ่ง ใจนึกว่าเธอคงโดนประตูกระแทกจนสมองเอ๋อ จึงรีบเข้าไปจับมือลี่ลี่ไว้แล้วผลักเธอออกไปอย่างแรง
ลี่ลี่ทำสีหน้าไม่อยากเชื่อ “ฉินเว่ย คุณ...”
“ผมก็แค่เล่นๆ กับคุณเท่านั้น” ฉินเว่ยไม่แคร์ลี่ลี่แม้แต่น้อย “คืนนั้นที่ผมพาคุณมาเปิดห้องก็บอกไปแล้วนี่ คุณเองก็รับปากว่าจะไม่มาตามตื๊อผม แล้วนี่อะไร?”
“ลี่ลี่ เธอเห็นหรือยัง ผู้ชายคนนี้มันสารเลวขนาดไหน” หญิงสาวคนพี่เริ่มโมโห เธอจับลี่ลี่พลางลากออกไป “ต่อไปอย่าได้คิดถึงผู้ชายคนนี้อีก ไม่ต้องไปติดต่อกับเขาอีกล่ะ!”
ลี่ลี่ถูกลากเข้าลิฟต์ไปพร้อมคราบน้ำตา ลั่วเสี่ยวซีเองก็ยังไม่ได้สติ ตอนนั้นเองฉินเว่ยถึงรู้ว่า ที่แท้ลั่วเสี่ยวซีกำลังยืนจ้องผู้ชายที่อยู่หน้าประตูอย่างไม่วางตา
ชายคนนั้นคือซูอี้เฉิง น้อยคนในเมืองนี้ที่จะไม่รู้จักเขา คนที่ลั่วเสี่ยวซีรักจะเป็จะตายคือเขาอย่างนั้นเหรอ?
ฉินเว่ยเริ่มสนุก เขาถอยหลัง เตรียมชมละครฉากเด็ด
ซูอี้เฉิงเดินเข้ามา “ลั่วเสี่ยวซี ฉันนึกว่าเธอแค่รักสนุกไปวันๆ ไม่นึกเลยว่าเธอจะแย่ยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก”
ลั่วเสี่ยวซีส่ายหน้าเหมือนอยากอธิบาย แต่ซูอี้เฉิงกลับหัวเราะเสียงเย็น
“เธอสามารถชอบคนคนหนึ่ง ในขณะที่เธอเปิดห้องนอนกับผู้ชายอีกคน?”
“หยุดเถอะ” ฉินเว่ยทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาลากลั่วเสี่ยวซีให้กลับเข้ามา แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร หมัดหนักๆ ของซูอี้เฉิงก็กระแทกเข้ามาเต็มหน้า
ผัวะ!
ซูอี้เฉิงกัดฟันพูดออกมาอย่างแค้นเคือง “หมัดนี้สำหรับลี่ลี่”
“เชี่..!”
ฉินเว่ยกำหมัดแน่นพร้อมพุ่งเข้าไปต่อยอย่างหมดความอดทน ซูอี้เฉิงเองก็ไม่ยอมถอย สายตาเขาเย็นเยียบ ลั่วเสี่ยวซีรู้จักเขาดี นี่คือการบอกกลายๆ ว่าเขาก็พร้อมจะแลกเต็มที่เหมือนกัน
ลั่วเสี่ยวซีรีบกอดรั้งฉินเว่ยเอาไว้อย่างไม่ลังเล
“อย่า พอเถอะฉินเว่ย พอแค่นี้เถอะนะ”
ตาเธอเริ่มแดงขึ้นมา ฉินเว่ยเพิ่งเคยเห็นลั่วเสี่ยวซีขอร้องใครด้วยสายตาแบบนี้เป็ครั้งแรก ร่างผอมบางสั่นน้อยๆ อย่างน่าสงสาร
เห็นดังนั้นเขาจึงลากเธอเข้าห้องแล้วปิดประตูดังปังด้วยความหงุดหงิด
ลั่วเสี่ยวซีนั่งทรุดลงบนพื้นเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลออกมาเป็สาย ความเ็ปเข้าทิ่มแทงทุกอณูของหัวใจ
“ร้องไห้ทำไม” ฉินเว่ยหยิบทิชชู่ออกมาช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ “ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ ไม่ให้ฉันต่อยมันหมายความว่าไง นี่ฉันโดนต่อยฟรีนะเนี่ย”
“...” ลั่วเสี่ยวซีปาดน้ำตาออกจนหมด แล้วยิ้มออกมา
“เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะลั่วเสี่ยวซี” ฉินเว่ยพูดอย่างโมโห “เธอจะให้ฉันโดนเอาเปรียบแบบนี้เพราะเธอชอบเขาไม่ได้จริงไหม”
“พอเถอะ” ลั่วเสี่ยวซีปรายตามองฉินเว่ยอย่างเอือมๆ “สาวน้อยผู้บอบบางคนนั้นโดนนายหลอกเอาฟรีๆ ยังจะบอกว่าตัวเองโดนเอาเปรียบ? เขาเคยฝึกการต่อสู้มา นายเอาชนะเขาไม่ได้หรอก นี่ฉันคิดแทนนายนะ!”
“ฉันไม่สน!” ฉินเว่ยจับมุมปากที่แตกจนเืไหลของเขา “เธอต้องชดใช้”
“เดี๋ยวฉันเลี้ยงเหล้านาย ที่ผับมีสาวๆ รอนานอยู่เพียบ”
“ไม่ไป” เขารู้ดีว่าลั่วเสี่ยวซีกำลังคิดอะไร
ลั่วเสี่ยวซีเริ่มตาแดงขึ้นอีกครั้ง “นายไปเป็เพื่อนฉันนะ คราวนี้ดูท่าเขาคงไม่ใช่แค่เกลียดฉันธรรมดา แต่คงรังเกียจผู้หญิงสกปรกอย่างฉันไปแล้วล่ะ ฉัน...”
“ไปๆๆ” ฉินเว่ยถีบประตูให้เปิดออกอย่างหงุดหงิด “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวพี่พาไปเอง!”
เมื่อถึงผับมิวส์ชื่อดังของเมือง ฉินเว่ยก็บังเอิญเจอเพื่อนร่วมแก๊งของเขาพอดี ฉินเว่ยแนะนำลั่วเสี่ยวซีในฐานะน้องสาว คนทั้งกลุ่มเข้าใจในทันทีว่า คนนี้ห้ามยุ่ง จากนั้นจึงสั่งเหล้านานาชนิดมาประกอบการเล่นเกม ถ้าใครแพ้ก็ต้องดื่ม
ลั่วเสี่ยวซีไม่ค่อยคุ้นเคยกับเกมพวกนี้จึงแพ้เกือบตลอด ชายคนที่ดูจะเป็สุภาพบุรุษอยู่บ้างจึงพูดขึ้นว่า
“เสี่ยวซี เธอดื่มแค่หนึ่งในสามก็พอ เพื่อสาวสวย พวกเรายอมโดนเอาเปรียบ”
ลั่วเสี่ยวซีโบกมือเชิงปฏิเสธ
“ชายหญิงเท่าเทียม!” พูดจบก็ยกเฮนเนสซี่ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
“แมนมาก!”
คนทั้งกลุ่มส่งเสียงเฮ เสียงเพลงที่ดังในผับก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดูสนุกสนานเข้าไปใหญ่
ลั่วเสี่ยวซีเขย่าลูกเต่าที่อยู่ในมือ เธอชนะก็ยิ้ม แพ้ก็ยิ้ม ตอนเหล้าเข้าปากก็ยิ้ม ดูคนอื่นกินเหล้าก็ยิ้ม ทุกคนต่างคิดว่าเธอกำลังสนุกอยู่ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอกำลังเศร้า
เศร้าเสียจนน้ำตาคั่งค้างอยู่ในหัวใจ เธอไม่กล้าร้องไห้ตรงๆ เลยได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อนพลางปาดน้ำตาที่ไหล
เห็นไหม เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้แล้วล่ะ