หลายวันมานี้ ภายในจวนตระกูลฉินเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ใครต่างก็มองเห็นชัด แม่ทัพฉินเทียนหง ผู้ซึ่งเคยเฉยชาต่อบุตรสาวอย่างฉินเซียนหรูตลอดแปดปี กลับหันมาเอาอกเอาใจอย่างเปิดเผยจนผู้คนลอบซุบซิบไม่ขาดสาย
ในห้องโถงอาหาร ทุกสายตาต่างจับจ้อง เมื่อแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จัดให้นางนั่งข้างกายตน เขาคีบอาหารใส่ถ้วยให้นางไม่หยุด เอ่ยถามไถ่ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ราวกับอยากชดเชยเวลาที่ปล่อยให้สูญเปล่ามายาวนาน ใบหน้าที่เคยแข็งกร้าวยามศึก บัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ
แท้จริงแล้ว เขาได้ทำใจยอมรับไว้แล้วว่า แม้บุตรสาวผู้นี้ไร้พร์ เขาก็ยังรักและเอ็นดูเหมือนเดิม แต่เมื่อความจริงเปิดเผยว่านางมิได้ไร้ค่า หากยังมากล้นด้วยความสามารถ ความรักความอบอุ่นที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งทวีขึ้นหลายเท่า ราวกับได้สมบัติอันล้ำค่ากลับคืนมา
ทว่าบรรยากาศอบอุ่นที่เกิดขึ้น มิได้ทำให้ทุกผู้คนยินดี ฉินชิงหร่าน ผู้เป็พี่สาวต่างมารดา นั่งนิ่งอยู่เบื้องหน้า แววตาคมวาวด้วยความขุ่นเคืองที่ยากปิดบัง “ทำไม… วันนี้ท่านพ่อถึงต้องประคบประหงมสตรีไร้ค่านั่นถึงเพียงนี้” ความริษยากัดกินในอกจนแทบจะเผาไหม้หัวใจ
เหล่าบุตรชายบุตรสาวที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ ต่างก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จากความเ็าที่เคยเป็ดั่งเหวลึก มาสู่ความรักที่เจิดจ้าในชั่วข้ามคืน การกลับตาลปัตรเช่นนี้สร้างความอึดอัดในใจทุกคน ราวกับเมฆดำแห่งความริษยา
ฉินชิงหร่านปรายตามองบิดา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมบัดนี้กลับฉายรอยยิ้มละมุนยามหันไปทางฉินเซียนหรู ความสุขที่แ่ออกมาจากแววตาของบิดานั้นชัดเจนเกินกว่าที่นางจะเพิกเฉยได้ ริมฝีปากงามจึงยกขึ้นคล้ายยิ้ม แต่ถ้อยคำที่หลุดออกมากลับเป็การหยั่งเชิง
“ท่านพ่อ่นี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือเ้าคะ เหตุใดใบหน้าของท่านถึงเต็มไปด้วยความสุขเพียงนี้”
แม่ทัพฉินเทียนหงชะงักเล็กน้อย ก่อนหัวเราะในลำคอ น้ำเสียงอ่อนโยนต่างไปจากทุกครั้งที่เคยก้องกังวานบนสนามรบ
“ชิงหร่าน… ลูกพ่อ ที่ผ่านมา พ่อเพิ่งรู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ พ่อไม่ควรแบ่งแยกหรือเฉยชาต่อผู้ใดอีก ต่อให้ลูกแต่ละคนมีพร์ต่างกัน แต่เ้าทุกคนล้วนเป็สายเืของพ่อ…”
ถ้อยคำอันอ่อนโยนนั้นทำให้เหล่าบุตรที่เคยนั่งก้มหน้ามาตลอดหลายปีเงยหน้าขึ้น ดวงตาส่องประกายแห่งความหวัง โดยเฉพาะบุตรชายคนหนึ่งที่เกิดจากสาวใช้ผู้ต่ำต้อย เขายกถ้วยอาหารขึ้น น้ำเสียงสั่นเครือด้วยความยินดี
“ท่านพ่อ… ได้ยินเช่นนี้ ข้ามีความสุขยิ่งนัก ในที่สุดท่านก็ยอมรับข้าเสียที!”
แต่ความยินดีนั้นดับลงแทบจะทันที แม่ทัพฉินเทียนหงมิได้หันไปมองลูกชายแม้แต่น้อย ดวงตาคมยังคงตรึงอยู่เพียงบุตรีผู้หนึ่งฉินเซียนหรู สายตาที่ทุ่มเทไปทั้งหมดนั้นเผยความภาคภูมิใจและความรักอันล้นเหลือ โดยไม่เหลือเศษเสี้ยวให้กับใครอื่น เหล่าบุตรชายบุตรสาวที่เหลือในโต๊ะ อึ้งงันไปพร้อมกัน รอยยิ้มแห่งความหวังพลันแปรเปลี่ยนเป็รอยหม่นหมอง ความจริงถูกเปิดเผยอย่างโหดร้าย ต่อให้แม่ทัพจะเอ่ยวาจาไพเราะเพียงใด สุดท้ายหัวใจของเขาก็ยังเอนเอียงเพียงไปทางบุตรีคนเดียวนี้เท่านั้น
ฉินชิงหร่านกำมือแน่นอยู่ใต้โต๊ะ รอยยิ้มจางหายไปแทบไม่ทันสังเกต ดวงตาของนางมืดมัวด้วยเพลิงริษยา “แม้แต่ถ้อยคำของท่านพ่อก็หาใช่ความจริง…”
แต่กาลก่อน ภายในตระกูลฉิน หากเอ่ยถึงผู้ที่ได้รับความรัก ความภูมิใจจากบิดามากที่สุด ชื่อของ ฉินชิงหร่าน ย่อมถูกกล่าวขานก่อนใคร นางคือดวงดาวที่เปล่งประกายที่สุด งดงามทั้งรูปโฉมและพร์ จนได้รับความรักความอบอุ่นแทบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว
ทว่าในยามนี้ ทุกสิ่งกลับแปรเปลี่ยน… แววตาของท่านพ่อที่เคยจับจ้องเพียงนาง บัดนี้กลับถูกแบ่งไปยังน้องสาวที่ตนเคยไม่เหลียวแลอย่าง ฉินเซียนหรู สายตาอ่อนโยนนั้น… รอยยิ้มที่อบอุ่นนั้น… ล้วนเป็สิ่งที่ชิงหร่านเคยอยู่ผู้เดียวทั้งสิ้น
แม้ชิงหร่านจะยังคงงามสง่าดุจบุปผาแรกแย้ม หากแต่ภายในใจกลับคับแคบจนแทบหายใจไม่ออก ดวงตาที่ทอดมองเซียนหรู คมกริบยิ่งกว่าคมมีด เปรียบเสมือนกำลังมองเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงอยู่ในอกตนเอง
ทั้งที่เซียนหรูเพียงวางตัวอย่างสงบ มิได้เอื้อนเอ่ยหรือกระทำสิ่งใดเพื่อแย่งชิง แต่การปรากฏตัวของนางเพียงเท่านั้น กลับเป็ดั่งเชื้อไฟที่โหมกระพือให้เพลิงริษยาในใจชิงหร่านลุกโชนขึ้นทุกขณะ ยิ่งบิดาแสดงความอบอุ่นให้น้องสาวเพียงใด เพลิงนั้นก็ยิ่งเผาผลาญหัวใจนางจนใกล้จะมอดไหม้สิ้น…
“เ้า…ก็แค่สตรีไร้ค่า” ฉินชิงหร่านก่นด่าในใจ เสียงในความคิดขมขื่นและเต็มไปด้วยความดูิ่ “ทำไมไม่รู้จักก้มหน้ารับชะตาเช่นนั้นเสีย จะยืดอกให้เด่นสะดุดตาไปเพื่ออะไร” ยิ่งคิด ความแค้นก็ยิ่งล้นจนหัวใจเต้นแรงราวจะทะลุอก
ริมฝีปากเม้มแน่นขณะสายตาวาวโรจน์ ความโกรธพลันแปรเปลี่ยนเป็ความคิดอันโหดร้าย “หรือว่า…ข้าควรช่วยให้เ้ากลายเป็คนไร้ค่ายิ่งกว่าเดิม” ถ้อยคำที่ก้องอยู่ในใจของนางนั้นเย็นเยียบ แม้ใบหน้าของฉินชิงหร่านยังคงสงบนิ่งในสายตาผู้คน แต่เบื้องลึกภายในกลับเต็มไปด้วยไฟริษยาที่พร้อมจะเผาผลาญ ทุกครั้งที่มองน้องสาวต่างมารดา ความคิดชั่วร้ายก็ทอขึ้นราวกับเงามืดที่กำลังรอวันกลืนกินแสงสว่างของอีกฝ่าย
“เชิญท่านพี่ดื่มชาก่อน… จิตใจของท่านจะได้สงบ” เสียงใสเอื้อนเอ่ยคล้ายคำทักทายธรรมดา ทว่ากลับเป็ดั่งเข็มแหลมที่ทิ่มแทง ฉินชิงหร่านที่กำลังคิดชั่วในใจสะดุ้งเผลอถลึงตามองน้องสาวออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เ้า…” นางเอ่ยเสียงต่ำ มือที่เอื้อมรับถ้วยชากลับสั่นระริกเพราะแรงโกรธที่เดือดพล่านอยู่ภายใน อกสวยกระเพื่อมถี่ราวกับควบคุมลมหายใจไม่อยู่
ฉินเซียนหรูทำทีเป็หวาดกลัว สีหน้าขาวซีดลงเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยเสียงสั่นเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสา “ใบหน้าของท่านพี่… ในยามนี้ช่างน่ากลัวนัก”
ประโยคนี้ยิ่งทำให้เืในกายของฉินชิงหร่านพลุ่งพล่าน นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ดวงตาฉายแววเกรี้ยวกราดแต่ก็ต้องรีบฝืนปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็รอยยิ้มจอมปลอม บังคับให้เสียงของตนฟังดูอ่อนโยน “ฉินเซียนหรู เ้าอย่าคิดมากเลย… พี่เพียงแค่ดีใจ ที่เ้ามีใจเอาใจใส่พี่ถึงเพียงนี้”
คำพูดที่แฝงพิษลวงหูยังไม่ทันจางหาย เสียงหัวเราะกังวานของแม่ทัพฉินเทียนหงก็ดังขึ้นทันที “ฮ่าฮ่า! ดีจริง ๆ ลูกสาวทั้งสองของข้า รักใคร่ปรองดองกันเช่นนี้ คือความภาคภูมิใจสูงสุดของพ่อ” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ โดยไม่รู้เลยว่าภายใต้ภาพลวงตาแห่งความกลมเกลียว มีไฟริษยาลุกลามเงียบงันอยู่เบื้องลึก
เมื่อดวงตาคมกริบของบิดาจับจ้องมา ฉินชิงหร่านจึงไม่มีทางเลือก นางฝืนยกถ้วยชาที่สั่นอยู่ในมือขึ้นแนบริมฝีปาก สีหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง ลำคอขาวเนียนกระตุกเล็กน้อยยามกลืนชาเข้าไป ราวกับน้ำอุ่นนั้นกลับกลายเป็พิษร้ายที่ชวนสะอิดสะเอียนในทุกหยด ความขมขื่นมิได้มาจากรสชา แต่เป็เพราะถ้วยชาที่รินจากมือน้องสาวต่างมารดาผู้ที่ตนเกลียดชังยิ่งนัก…
