แผนการนี้ไร้ที่ติจริงๆ ซ่งฝูจินผู้นี้เป็คนฉลาดหลักแหลมทีเดียว...เพียงแต่ไม่ใช้ความฉลาดกับเื่ถูกต้อง กลับเอามาจดจ่อกับการหาช่องทางแทน
ชาตินี้แผนการอย่างดีของนางโดนเยี่ยนเจาเจาทำลายยับ เื่ระหว่างนางกับหลินไหวอินถูกเปิดโปง ทั้งยังมีเยี่ยนเหิงที่เห็นกับตาตนเองเป็พยาน ต่อให้บอกว่ามีบุตรของเยี่ยนนั่วอยู่ในครรภ์นางไปก็ไร้ค่า แม้นเด็กคนนั้นเป็ของฮองเฮา พระองค์ก็ไม่มีทางไว้ชีวิตนาง
แต่เื่ของหลินไหวอินก็พูดยาก...แม้ท่านป้าของนางดูเหมือนเ้าชู้ ทว่าพระองค์มีความรักลึกซึ้งต่อหลินไหวอินมาั้แ่วัยเด็ก คาดว่าคงปล่อยมือจากเขาไม่ได้
เื่ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางหรอก นางรู้เพียงอย่างเดียว
ฮองเฮาอาจลงมือกับหลินไหวอินไม่ลง แต่พระองค์คงไม่ลังเลที่จะลงมือกับเหลียงอิน...เหลียงอินเป็คนที่พระองค์ไม่สบอารมณ์ด้วยอยู่แล้ว ตอนนี้หลินไหวอินยังมาทำเื่อื้อฉาวเพิ่มอีก เกรงว่าเขาคงโดนส่งกลับพระราชวังพักร้อนแล้วกระมัง
เหลียงอินที่อุตส่าห์วางแผนอย่างยากลำบากเช่นนี้ กลับโดนบิดาของตนถ่วงแข้งถ่วงขาจนต้องกลับพระราชวังพักร้อน แล้วไปคราวนี้ก็ไม่รู้จะได้มาเมืองหลวงอีกทีเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธแทบกระอักเืเลยหรือเปล่า?
เยี่ยนเจาเจาคิดแล้วอยากหัวเราะออกมาดังๆ ยิ่งนึกถึงใบหน้าของเหลียงอินที่มักแสร้งใสซื่อบริสุทธิ์อยู่เสมอกลับเต็มไปด้วยความตระหนกและไม่ยินยอม นางก็รู้สึกสบายไปทั้งร่าง
เยี่ยนเจาเจาอารมณ์ดีจนถึงขนาดตกเงินรางวัลหนึ่งก้วน[1] ให้บ่าวไพร่ในจวนระหว่างทางกลับด้วย
แต่เมื่อถึงยามกลางคืนที่เยี่ยนเจาเจานอนเงียบๆ คนเดียว นางก็เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อ่กลางวันตนเองหลงระเริงกับความสุขจนลืมเื่สำคัญอย่างหนึ่งไป
นั่นคือเยี่ยนเจาเจาไม่รู้ว่าซ่งฝูจินมีส่วนเกี่ยวข้องกับสารลับในภายหลังหรือไม่
หากมีความเกี่ยวข้องก็หมายความว่าซ่งฝูจินกับหลินไหวอินและคนอื่นๆ เป็เพียงหมากตัวหนึ่งเพื่อยืมมือฮองเฮายัดคนเข้าสวนมวลบุปผาหอมสำหรับปูทางงานในวันหน้าเท่านั้น
และหากเื่นี้เป็แค่การเดินหมากจริงๆ ถ้าอย่างนั้นคนวางหมากเื้ัก็น่ากลัวเกินไป...ไม่มีใครคาดคิดว่านางข้าหลวงอย่างซ่งฝูจินที่พลิกผันเข้ามาในจวนเยี่ยนจะกลายเป็เบี้ยตัวหนึ่ง
ผู้ที่สามารถคิดกลยุทธ์ครอบงำด้วยวิธีการโหดร้ายแต่ไม่เสียเืเนื้อเช่นนี้ เกรงว่าคงมิใช่คนธรรมดา เื้ัอาจมีตัวละครร้ายกาจอีกตัวที่จ้องจะเขมือบสวนมวลบุปผาหอมและท่านแม่ของนางอยู่
คิดเช่นนั้นเยี่ยนเจาเจาก็พลันอ่อนแรงลงเล็กน้อย แต่เพียงครู่เดียวนางก็กลับมามีสติ อย่างน้อยคราวนี้นางก็ตัดมือที่เคยรุกคืบเข้าเรือนท่านแม่อย่างเงียบงันในชาติก่อนได้
นางไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้ายมาแต่เดิม กอปรกับเมื่อตอนกลางวันเปิดใจคุยกับองค์หญิงหลายอย่าง ความกดดันในใจจึงลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว
นางไม่ได้เผชิญหน้ากับคนวางหมากในเงามืดตามลำพัง นางยังมีท่านแม่และท่านพ่อ
ท่านแม่ของนางเป็เทพาผู้น่ายำเกรงที่สุดแห่งแคว้นต้าซี เยี่ยนเจาเจาเชื่อใจท่านแม่อย่างไร้เงื่อนไข...ยิ่งกว่านั้นเยี่ยนเจาเจาก็ตัดสินใจที่จะตั้งใจเรียนรู้จากท่านแม่แล้ว ต่อให้วันหน้าไม่อาจเป็แขนซ้ายแขนขวาของท่านแม่ แต่ก็ห้ามเป็ตัวถ่วงของบ้านเหมือนชาติก่อนเด็ดขาด
แม้คนที่จับจ้องสวนมวลบุปผาหอมจะไม่ได้มีเพียงคนเดียว ทว่ายามนี้เยี่ยนเจาไม่กลัวว่ามีใครอยู่เื้ัอีกต่อไปแล้ว
มาหนึ่งโค่นหนึ่ง มาคู่โค่นคู่
ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน[2] ก็แล้วกัน
ไม่นานเยี่ยนเจาเจาก็คิดตก นางจึงสงบลงและค่อยๆ หลับไปในที่สุด
นี่เป็ครั้งแรกนับั้แ่มาเกิดใหม่ที่เยี่ยนเจาเจารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยจนเรียกได้ว่าฝันหวาน
นางฝันถึงตนเองตอนยังเด็ก แขนขาเล็กป้อมของนางเดินไปเดินมารอบๆ เพื่อวิ่งไล่ตามหนานิเหอ
สมัยนั้นหนานิเหอมีสีหน้าเ็ากว่าตอนนี้มาก เขาไม่มีความอ่อนโยนเช่นปัจจุบันเลย แต่เยี่ยนเจาเจาไม่กลัวแม้สักนิด นางวนเวียนอยู่รอบตัวเขาไม่หยุดราวกับเป็หางน้อยๆ ของเขา
ความจริงเยี่ยนเจาเจาไม่ได้มีเจตนาอื่น เพียงแต่ในสวนมวลบุปผาใหญ่โตนี้มีนางเป็เด็กน้อยคนเดียว
นางอยากได้พี่ชายหรือพี่สาวมาเล่นด้วยกัน แต่น่าเสียดายที่เหล่าพี่หญิงจากบ้านใหญ่เ่าั้พากันมองนางด้วยสีหน้าหวาดกลัวบ้าง ประจบบ้าง อิจฉาบ้าง ริษยาบ้าง ไม่มีความรู้สึกที่ระหว่างพี่น้องควรมีเลยสักคน
ดังนั้นเมื่อจู่ๆ พี่ชายรองผู้มีใบหน้าเ็าและทั่วร่างเยือกเย็นราวกับฉาบน้ำแข็งได้ปรากฏกายขึ้น หนานิเหอจึงดูแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยนเจาเจาตามเขาไปทุกที่ั้แ่คิมหันตฤดูจรดเหมันตฤดู
มองจากมุมมองแบบผู้ชม เยี่ยนเจาเจารู้สึกว่าตนเองในวัยเด็กนั้นน่ารักอย่างยิ่ง...แน่นอนว่าพี่ชายรองที่ทำตัวเกินอายุก็น่ารักเป็พิเศษเหมือนกัน
เยี่ยนเจาเจาไม่เคยพบคนเช่นหนานิเหอมาก่อน เลยทุ่มเทแรงใจเพื่อเจาะกำแพงเขา อาจเพราะตอนเด็กๆ นางคิดว่าเด็กหนุ่มคงไม่มีทางเฉยชากับตนได้ขนาดนั้น จึงะโลงมาจากชิงช้าสูงที่กำลังแกว่งไกวต่อหน้าเขาอย่างเอาแต่ใจ
และเป็ดังคาด นางร่วงลงมาในอ้อมแขนอันอบอุ่นที่แตกต่างจากความเ็าบนใบหน้าของเขาโดยสิ้นเชิง
นางะโพรวดลงจากชิงช้าจนเหล่าบุปผารอบกายปลิวว่อน ท่ามกลางกลีบดอกไม้รายล้อม เด็กหนุ่มตัวเล็กใบหน้าเ็าเจือแววจนปัญญาเล็กน้อยกลับอุ้มนางไว้แน่นในอ้อมแขนนั้น
สีหน้าปกติของเขาที่นอกจากจะเ็าและไม่แสดงอารมณ์มากนัก ยามนี้กลับมีร่องรอยจนใจเล็กน้อย ราวกับก้อนหินเล็กๆ ตกลงในน้ำนิ่งลึกจนเกิดเป็ระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว
“...น้องหญิง ระวังหน่อย”
หนานิเหอกล่าวเช่นนี้
ผลสุดท้ายคือโดนเอ็ดกันทั้งคู่ องค์หญิงไม่ได้ต่อว่าหนานิเหอมากนัก แต่คว้าตัวเยี่ยนเจาเจามาดุเสียยกใหญ่ บอกนางว่าวันหลังอย่าเอาชีวิตของตนมาล้อเล่นอีก
เยี่ยนเจาเจากลับโต้ว่า “พี่ชายรองคือพี่ชายของเจาเจา ย่อมปกป้องเจาเจาตลอดไปเ้าค่ะ”
การเถียงแลกมากับการโดนไม้ไผ่หวดก้น เจาเจาน้อยจึงไม่ได้ไปแถวชิงช้าอีกเลยนับครึ่งเดือน
ต่อให้นางอยากไปก็ไม่มีแรง ใครให้ก้นนางโดนท่านแม่ตีจนรู้สึกเจ็บสะโพกจี๊ดๆ เพียงมองชิงช้าเล่า
แน่นอนว่าแม้ในความทรงจำจะถูกตีก็ไม่อาจเปลี่ยนฝันดีเป็ร้าย เยี่ยนเจาเจานอนหลับด้วยอารมณ์เบิกบานไปจนถึงรุ่งสาง กระทั่งตอนที่เสี่ยวชุ่ยเข้ามาช่วยนางผลัดอาภรณ์ล้างหน้า นางก็ยังคงยิ้มอยู่เนืองๆ
“วันนี้คุณหนูดูอารมณ์ดีนักเ้าค่ะ”
เสี่ยวชุ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มระรื่น พลางมองร่างบอบบางในกระจกจากข้างหลังขณะม้วนมวยผมให้เยี่ยนเจาเจา
“นอนฝันดีน่ะ”
เยี่ยนเจาเจาตอบและพบว่าตนเองในกระจกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจนจุดเล็กๆ บนแก้มปรากฏวับแวม ดูท่าตนคงมีความสุขจริงๆ
คำพูดของหนานิเหอในฝันราวกับยังดังก้องอยู่ข้างหูเยี่ยนเจาเจา แม้ว่าเสียงของเขาในตอนเด็กจะเยียบเย็นไม่ต่างจากตัวเขา แต่คล้ายจะมีความอ่อนโยนมากมายแฝงอยู่ในนั้น
ทว่าเยี่ยนเจาเจาเพิ่งนึกออกว่าหนานิเหอพูดไม่ได้
เหตุใดนางจึงฝันเช่นนี้?
แม้ตอนเด็กนางเคยทำเื่เอาแต่ใจ แต่ในความทรงจำของเยี่ยนเจาเจานั้น หนานิเหอพูดไม่ได้
เขาไม่เคยเอ่ยปาก กระทั่งตอนสนทนากับเยี่ยนเจาเจาก็ยังใช้ภาษามือสื่อความเป็ส่วนใหญ่
เชิงอรรถ
[1] ก้วน หมายถึง หน่วยเงินตรา มีค่าเท่ากับ 1,000 อีแปะ ซึ่งเป็เหรียญทองแดงผสม
[2] ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน หมายถึง ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีการอย่างไร เราก็ใช้วิธีอย่างนั้นรับมือ