ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกาย หากไม่จำกัดเวลาก็หมายความว่าไม่มีข้อจำกัดใช่หรือไม่?
หนิงเทียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เชื่อถือได้หรือ? ตอนที่เ้าเข้าไป เ้าคิดอย่างไรกับฝีมือของเขา”
วาดหทัยพูดอย่างดูถูก “ดูใบหน้าเล็กๆ ของเ้าสิ เ้าคิดว่าไม่มีการจำกัดเวลาและไม่มีข้อจำกัดอื่นใดหรือ? เขาเพียงแต่ตกลงที่จะให้เ้าดูเขาแกะสลักศิลาแผ่นที่สิบสาม แต่ไม่ได้บอกว่าจะสอนทักษะใดๆ ให้เ้า หากเ้าไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรล้วนเปล่าประโยชน์ ถ้าเ้าเข้าใจและเรียนรู้ทักษะของเขาได้ ก็ย่อมเกิดเป็ความสัมพันธ์ในเชิงเหตุและผล”
หนิงเทียนกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ตาเฒ่าคนนี้ช่างเ้าเล่ห์เสียจริง”
วาดหทัยเยาะเย้ย “อะไร ไม่กล้าไปหรือ?”
หนิงเทียนเหลือบมองความมืดรอบกาย สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดที่กระสับกระส่ายดูเหมือนจะตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้หนิงเทียนตระหนักถึงลักษณะพิเศษของแผ่นศิลา
“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ ต้องลองดูก่อนจึงจะรู้ว่าใช้งานได้หรือไม่ แต่จะเข้าไปอย่างไร?”
“แน่นอนว่าต้องเป็ข้าที่พาเ้าเข้าไป เ้าโง่เอ๊ย”
น้ำเสียงของวาดหทัยมีแววดูถูกเหยียดหยาม ม้วนภาพถูกกางออกก่อนพันรอบร่างของหนิงเทียน แล้วพุ่งเข้าไปในโลกของภาพสลักหินบนแผ่นศิลาพร้อมเสียงที่ดังกังวาน
สำหรับหนิงเทียนมันเป็เพียงชั่วขณะหนึ่ง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ในพื้นที่พิเศษแล้ว
โลกในภาพสลักหินเป็โลกที่ดูไม่ใหญ่โตและค่อนข้างว่างเปล่า
แผ่นศิลาสิบสองแผ่นกระจัดกระจายอยู่รอบร่างชายชราที่หันหลังให้หนิงเทียน และกำลังแกะสลักศิลาแผ่นที่สิบสาม
วาดหทัยอยู่ข้างกายหนิงเทียน มันมีรูปร่างเหมือนม้วนภาพ โดยบนแผ่นภาพมีวิมานหยกอันงดงามตั้งอยู่
หนิงเทียนมองแผ่นศิลารอบๆ ตัวเขา ก่อนจะรู้สึกว่าแต่ละแผ่นมีความคล้ายคลึงกันมาก มีส่วนที่แตกต่างกันไม่มากนัก บนท้องฟ้าเหนือศีรษะไม่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ปรากฏให้เห็น ทุกอย่างล้วนเป็สีเทา
เสียงเคาะแกะสลักดังก้องอยู่ในใจของหนิงเทียน ชายชราท่าทางง่อนแง่นมุ่งความสนใจไปที่งานของตน และเพิกเฉยต่อสิ่งรอบด้าน
หนิงเทียนลอยตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนจะค่อยๆ ร่อนลงข้างกายชายชรา ทว่าพลังที่มองไม่เห็นกลับเด้งเขาให้กระเด็นออกไปหกจั้ง
เสื้อผ้าของชายชราทั้งเก่าและขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ฟูเหมือนฟางแห้ง ให้ความรู้สึกสกปรกอย่างยิ่ง
ภาพลักษณ์นี้ไม่ค่อยน่ามอง ทั้งยังมีกลิ่นเน่าและเหี่ยวเฉาโชยมาอีกด้วย
หนิงเทียนยืนห่างออกไปสิบจั้ง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าเสื้อผ้าของชายชราจะเลอะเทอะ สิ่งที่แปลกที่สุดคือใบหน้าของเขา เมื่อมองจากด้านข้าง มองไม่เห็นจมูกหรือหูด้วยซ้ำ ไม่สามารถมองเห็นได้แม้กระทั่งตา
ราวกับรับรู้ถึงการจ้องมองของหนิงเทียน ทันใดนั้นชายชราก็หันมามองเขา ใบหน้าที่เรียบเนียนทำให้หนิงเทียนแทบกรีดร้อง
นั่นคือใบหน้าที่ไม่มีเครื่องหน้า มีเพียงรูกลมสำหรับปากและตา ไม่มีจมูกหรือหู ดวงตาสีฟ้าดูคล้ายผี
หนิงเทียนถอยหลังไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความกลัว
คนไร้หน้า นี่เป็การดำรงอยู่แบบใด?
นี่เป็สิ่งที่เรียกว่าความไม่มีรูปแบบหรือไม่?
หรือว่าเขาเสียโฉม?
ชายชรามองหนิงเทียน อายุของเขาเป็เื่ยากที่จะระบุ เพราะเขาไม่มีเครื่องหน้า ใบหน้าของเขาเป็เพียงเนื้อเละเทะ ที่มีเพียงตาและปากเท่านั้น
ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายด้วยแสงแห่งรูปแบบจิติญญาที่ซับซ้อน เคลื่อนผ่านความว่างเปล่าและพันรอบร่างของหนิงเทียน ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกมองผ่านทันที
ไม่เพียงแต่มองเห็นร่างกายเท่านั้น แม้กระทั่งอวัยวะภายใน เส้นลมปราณทั้งเก้า หรือแม้แต่จิติญญาก็ยังถูกมองเห็น
หนิงเทียนไม่ชอบความรู้สึกนี้ ความลับคือเครื่องป้องกันสำหรับทุกคน
เมื่อถูกเปิดเผยออกมาอย่างโจ่งแจ้ง มันย่อมน่าอายมาก
“รากฐานดี ขอข้าดูอีกครั้ง!”
เสียงของชายชรานั้นแหลมและทรงพลัง ทำให้จิตใจสั่นไหว
หนิงเทียนขยับตัวไม่ได้ ราวกับว่าเขาถูกแช่แข็ง เขาจึงเริ่มใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์และเนตรเสน่ห์โดยสัญชาตญาณ
คลื่นจิติญญาที่แปลกประหลาดบุกเข้ามาในจิตใจของหนิงเทียน เป็ชายชราที่้ามองผ่านเขาอย่างสมบูรณ์
พลังจิตประเภทนี้อยู่เหนือจินตนาการ และหนิงเทียนไม่อาจหยุดมันได้
ทว่าอยู่ดีๆ เส้นผมบนศีรษะของหนิงเทียนก็สว่างไสวขึ้น ทันใดนั้นกระบี่ไร้จำนงเหนือแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่สองก็ตื่นขึ้น กระบี่หมุนวน จิติญญาล้นเหลือ เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย มิติเวลาเกิดความสับสนวุ่นวาย จักรวาลกำลังปะทุขึ้น
คลื่นจิตที่บุกรุกของชายชราแตกสลายไปในทันที ก่อนเสียงกรีดร้องจะออกมาจากปากของเขา
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้...”
เป็เช่นนี้คือเช่นไร หนิงเทียนไม่เข้าใจ แต่เขาก็หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถขยับตัวได้ และได้รับอิสรภาพกลับคืนมาแล้ว
“ในอนาคตเมื่อเ้าได้พบกับจักรพรรดิมรกต จงฆ่าเขาให้ข้า”
ชายชราหันหน้ามาแล้วระบุเงื่อนไขของตน
“แล้วถ้าข้าไม่ได้เจอเขาเล่า?”
หนิงเทียนถามกลับว่า จักรพรรดิมรกตคือผู้ยิ่งใหญ่ การฆ่าเขาย่อมไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย
“ตราบใดที่เ้ายังไม่ตาย ไม่ช้าก็เร็วจะได้พบ”
“นี่คือเงื่อนไขของท่านหรือ?”
ชายชราไม่ตอบและเริ่มสลักแผ่นศิลาอีกครั้ง
หนิงเทียนมองอย่างระมัดระวัง และเห็นว่าทักษะการแกะสลักของชายชรานั้นแปลกมาก เขามีมีดแกะสลักอยู่ในมือ ซึ่งมีดนั้นเปล่งแสงอันมืดมนที่มีความยาวน้อยกว่าเจ็ดชุ่นออกมา และเขากำลังแกะสลักร่างที่เหมือนจริงทีละร่างลงบนแผ่นศิลา
คนเหล่านี้มีรูปร่างและสีผิวต่างกัน แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ซึ่งทำให้หนิงเทียนสับสนมาก
“เหตุใดแผ่นศิลาของท่านจึงแตกต่างจากศิลาทั้งสิบสองแผ่น?”
“สิ่งเ่าั้คือความเสียใจ ส่วนนี้คือความคาดหวัง”
คำตอบของชายชราน่าสงสัย อะไรคือความเสียใจ แล้วอะไรคือความคาดหวัง นี่เป็เื่ที่น่าสับสน
มีดแกะสลักพลิกกลับอย่างรวดเร็วในมือของชายชรา เฉกเช่นทักษะกระบี่ที่เชี่ยวชาญ ก่อให้เกิดความหลากหลายมากมายในพื้นที่ขนาดเล็ก
หนิงเทียนรู้สึกว่าชายชราคนนี้เชี่ยวชาญทักษะกระบี่ และเขายังคงเป็หัวขโมยที่แข็งแกร่ง
แต่เขามองดูมันเป็เวลานาน ก่อนจะพบว่าทักษะกระบี่นี้ซับซ้อนเกินไป อีกทั้งยังดูเหมือนจะไม่ใช่ความหมายแฝงที่ชายชรา้าสื่อ
ท้ายที่สุดแล้วเขาคาดหวังอะไรในยามแกะสลักศิลาแผ่นที่สิบสามนี้?
หนิงเทียนเหลือบมองิญญาอาวุธที่อยู่ข้างกายเขา แต่ที่น่าประหลาดใจคือิญญาอาวุธหันหน้าหนีและไม่สนใจเขา
หนิงเทียนเจออุปสรรคและรู้สึกไม่มีความสุขอย่างลับๆ ชายชรากำลังแกะสลักแผ่นศิลา และเขา้าสังหารจักรพรรดิมรกตด้วยตนเองจริง ท้ายที่สุดแล้วเป็เพราะเขาป่วยทางจิตหรือมีอะไรผิดปกติกับสมองของเขาหรือไม่?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าชายชราถูกจักรพรรดิมรกตขังไว้ในแผ่นศิลานี้
เหตุและผลขึ้นอยู่กับว่าระหว่างเขากับชายชรามีโชคชะตาต่อกันหรือไม่ และชะตากรรมนั้นก็อยู่ตรงหน้า บนหินแกะสลักนั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าหนิงเทียนจะคว้ามันได้หรือไม่
หนิงเทียนกำลังคิดเกี่ยวกับความตั้งใจของชายชราในการแกะสลักแผ่นศิลา นี่เป็สิ่งสำคัญมาก
หนิงเทียนไม่เห็นอะไรพิเศษในทักษะกระบี่ของชายชรา เป็ไปได้หรือไม่ว่าตัวตนในภาพสลักเ่าั้คือกุญแจสำคัญ?
ทักษะเก้าเนตร์เคลื่อนไหว พร้อมกับหนิงเทียนที่ดูสงบลงและเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง จากทักษะของชายชรา ไม่ว่าจะเป็ทักษะกระบี่และการสร้างตัวตนในภาพสลักที่เป็เอกลักษณ์แบบเจาะลึก สิ่งเหล่านี้เริ่มดึงดูดเขาอย่างช้าๆ
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่หนิงเทียนก็หยิบพู่กันิญญาหลากสีออกมา และเลียนแบบทักษะมือและทักษะกระบี่ของชายชราแล้วเริ่มวาดภาพร่างในความว่างเปล่า
ในระหว่างกระบวนการนี้ เส้นทางเต๋าของหนิงเทียนใช้เป็เส้นทางแห่งจิติญญา ซึ่งทำให้เขาค้นพบอย่างช้าๆ
เหตุผลที่รูปสลักที่ชายชราแกะสลักนั้นเหมือนจริง นั่นเป็เพราะมีจิติญญารวมเข้ากับรูปสลักเ่าั้
หนิงเทียนไม่เคยตระหนักถึงเื่นี้มาก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระดับของชายชรานั้นเกินกว่าจินตนาการของหนิงเทียนไปมาก
เพียงแต่เขาแค่ผสานจิติญญาเท่านั้น ชายชรา้าสื่อถึงสิ่งใด?
หนิงเทียนไม่เคยเข้าใจเื่นี้เลย แต่เขาก็ไม่ใจร้อน เขาเริ่มให้ความสนใจกับรูปแบบการแกะสลักและพบว่านอกเหนือจากการแกะสลักรูปสลักแล้ว ชายชรายังค่อยๆ รวมสัตว์ พืช ูเา แม่น้ำ และทะเลสาบ รวมไปถึงพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวเข้าด้วยกัน
“นี่คือการขัดเกลาอาวุธหรือ?”
เขารู้สึกใ แต่ก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
“ผสานทุกสิ่งเข้าไว้ด้วยกัน ขัดเกลาทุกสิ่งอย่างไร้รูปแบบ นี่คือสิ่งที่เขา้าจะสื่อออกมาใช่หรือไม่?”
“สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในจักรวาลเป็ตัวแทนอะไร? เขาบอกว่านี่คือความคาดหวังของเขา เช่นนั้นเขากำลังรอคอยอะไรกันแน่”
หนิงเทียนไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ดูต่อไป
ชายชราทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อรวมโลกทั้งใบเข้าไปในงานแกะสลัก ภาพนี้ช่างงดงาม แต่หนิงเทียนกลับรู้สึกว่านี่เป็เพียงนามธรรม และไม่สามารถเข้าใจมันได้มากกว่านี้
“ข้ามองข้ามอะไรไปหรือ?”
หนิงเทียนรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เขามองอยู่นาน ยิ่งดูก็ยิ่งสับสน เขายังไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อยจึงรู้สึกราวความพยายามกำลังจะเสียเปล่า
แผ่นศิลาเรืองแสง ูเา แม่น้ำ ตัวละคร และทิวทัศน์ดูมีชีวิตชีวา ทั้งยังปลดปล่อยพลังลึกลับออกมา
หนิงเทียนใช้เลขเก้าหลักเพื่ออนุมาน ร่วมกับการเก็บข้อมูลของทักษะเก้าเนตร์ แต่ผลที่ได้ยังไม่ถูกต้อง
หนิงเทียนเปลี่ยนวิธี โดยผสมผสานเส้นทางเต๋าพฤกษา เส้นทางแห่งจิติญญา และเส้นทางิญญาเข้าด้วยกัน แล้วใช้ความคิดริเริ่มในการสื่อสารกับกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตซึ่งเป็รากบ่มเพาะของตน โดยหวังว่าจะใช้พลังของมันได้
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในตันเถียนฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างช้าๆ มันมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าผ่านสายตาของหนิงเทียน
ก่อนจะส่งข้อมูลแปลกๆ เข้ามาในใจของหนิงเทียน และกลับกลายมาเป็คำพูด
“ความตั้งใจของคนขี้เมาไม่อยู่ที่สุรา ความหมายในภาพวาดอยู่นอกเหนือภาพวาด”
หนิงเทียนตกตะลึง นอกเหนือภาพวาดหมายถึงอะไร?
แผ่นศิลาทั้งสิบสองแผ่นอย่างนั้นหรือ?
หนิงเทียนเริ่มขยับเท้า แล้วมองสำรวจแผ่นศิลาแต่ละแผ่นอย่างตั้งใจ และได้พบสถานที่อันแปลกประหลาดมาก
ภาพแกะสลักที่ด้านหน้าของศิลานั้นดูคล้ายกัน ซึ่งหนิงเทียนคิดว่าเป็เื่ปกติ
สิ่งที่ผิดปกติที่สุดคืออีกด้านของศิลาไม่มีการสักอักษร แต่มีตราประทับสี่เหลี่ยมที่มุมขวาล่างซึ่งเป็ดวงตาของจักรพรรดิมรกต
เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้?
ไม่ใช่ว่าชายชรามีความแค้นต่อจักรพรรดิมรกตหรอกหรือ?
ทำไมแผ่นศิลาที่เขาสลักจึงมีสัญลักษณ์ของจักรพรรดิมรกต เป็ไปได้หรือไม่ที่จักรพรรดิมรกตขังเขาไว้ที่นี่และสั่งให้เขาสลักมัน?
ดูเหมือนว่าจะสมเหตุสมผล แต่หนิงเทียนกลับรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีหมอกหนามาบดบังดวงตาอยู่เสมอ
หลังจากสังเกตแผ่นศิลาทั้งสิบสองแผ่นแล้ว หนิงเทียนก็กลับมาหาชายชรา และมองดูภาพสลักบนแผ่นศิลาอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ตกตะลึง
ภาพแกะสลักบนแผ่นศิลาทั้งสิบสองแผ่นนั้นก็เหมือนกับภาพเขียนสิบสองภาพ ในเวลานี้พวกมันทับซ้อนกันอยู่ในใจของหนิงเทียน เมื่อรวมกับภาพสลักบนแผ่นศิลาแผ่นที่สิบสาม ความปีติยินดีก็แสดงออกมาผ่านสีหน้าของเขาในทันใด
“กุญแจ! ปรากฏว่านี่คือกุญแจสำคัญ! ฮ่าฮ่า!! ข้าเข้าใจแล้ว”
หนิงเทียนหัวเราะ แผ่นศิลาแผ่นที่สิบสามที่ชายชราสลักอยู่นั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับศิลาสิบสองแผ่นก่อนหน้านี้ เป็การยากที่จะเห็นความลึกลับของศิลานี้หากมองเพียงแผ่นเดียว นั่นเพราะจำเป็ต้องรวมแผ่นศิลาทั้งสิบสามแผ่นเข้าด้วยกันเสียก่อน
ชายชราเพิกเฉยต่อเขาและยังคงแกะสลักขั้นสุดท้ายให้สมบูรณ์แบบต่อไป
แผ่นศิลาส่องประกายไปทั่ว ทันทีที่มันเสร็จสมบูรณ์ ภาพแกะสลักทั้งสิบสามภาพก็ปรากฏขึ้นในใจของหนิงเทียน ห้าองค์ประกอบภายในและแปดแผนภาพภายนอกอันเต็มไปด้วยความลึกลับกลับกลายเป็ภาพวาดในทันที
หนิงเทียนครุ่นคิด หลังจากเข้าใจถึงความลึกลับแล้ว จะเข้าใจห้าองค์ประกอบต่อไปได้อย่างไร?
การซึมซับเข้ากับทักษะ ต้องรวมเข้ากับการเคลื่อนไหว หรืออย่างอื่น?
ในโลกแห่งการแกะสลัก แผ่นศิลาสิบสามแผ่นเรืองแสงในเวลาเดียวกัน หินแกะสลักเปล่งประกายด้วยแสงที่ไม่มีใครเทียบได้ หนิงเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าจิติญญาของเขากำลังจะทะยานขึ้นไป
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเริ่มหมุนวน มันััได้ถึงความสับสนของหนิงเทียน และเริ่มนำทางเขาไป
แผนที่จิติญญาฟื้นคืนชีพ พร้อมกับเส้นลมปราณที่สั่นะเื
ร่างกายของหนิงเทียนกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สั่นะเืโลกา ประตูสู่์บนแผนที่จิติญญาที่เก้าทะลุผ่านโลกที่ไม่รู้จัก และดูดซับแสงิญญาจากแผ่นศิลาเช่นเดียวกับอ่างน้ำวน
ภาพแกะสลักหินมีการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่าในใจของหนิงเทียน ได้รับการจัดระเบียบใหม่และลดความซับซ้อนลงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็กลายเป็ประตูมิติที่เชื่อมต่อกับประตูสู่์
ประตูมิตินี้ส่องแสงแห่งจิติญญา ในขณะที่ดูดซับพลังิญญาจากแผ่นศิลาทั้งสิบสามแผ่น ก็เริ่มอัดแน่นเป็กระแสวังวนพลังิญญาอยู่ในเส้นลมปราณที่เก้าไปพร้อมกัน
