หลังจากเสร็จสิ้นการนั่งสมาธิแล้ว ข้าขยับแขนขาเล็กน้อย ไม่รู้สึกเมื่อยล้าหรือแข็งตึงอย่างที่คิด ฤทธิ์ยาจากน้ำยาที่ข้าได้ดื่มทุกวันทำให้ร่างกายข้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็ผู้บำเพ็ญที่มีร่างกายแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
เมื่อได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคยจากนอกคอกหมูค่อยๆ ใกล้เข้ามา ข้ารีบหมอบสี่ขา แสร้งทำตัวเป็หมูธรรมดา ไม่นานนักเถียนหรูชิงก็โผล่หน้ามาดูในคอก เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น นางก็เปิดประตูคอกหมูเข้ามา
ดูเหมือนว่าเพราะกลัวจะถูกคนอื่นพบเห็น นางจึงเลือกที่จะมาให้อาหารที่ข้างเสา ซึ่งก็คือบริเวณคอกของข้า ถ้ามีคนบุกเข้ามากะทันหัน นางจะได้มีเวลาซ่อนชามอาหารและสามารถโกหกได้ว่าชอบหมู อยากมาเล่นกับเ้าหมู เพื่อเป็การแก้ตัว
ข้าเอียงหัวพิงราวกั้นมองเถียนหรูชิงอย่างกระตือรือร้น แม้ว่าข้าจะเป็หมู แต่การแสดงความสนใจต่อหญิงสาวแบบนี้ก็น่าจะช่วยเพิ่มความโปรดปรานได้บ้างกระมัง?
ไม่ผิดไปจากคาด เถียนหรูชิงยื่นนิ้วเรียวมาลูบหัวข้าแ่เบา "ฮิๆ ใจร้อนอยากเจอข้าถึงเพียงนั้นเลยหรือ?"
ข้าหยีตา ทำท่าเหมือนกำลังมีความสุข ปกติแล้วข้าต้องว้าเหว่เพียงลำพังในคอก แต่จู่ๆ มีหญิงสาวมาลูบหัวอย่างอ่อนโยน บอกตามตรงว่ารู้สึกดีทีเดียว
หลังจากลูบหัวข้าสักพัก เถียนหรูชิงก็ตบถุงเก็บของ หยิบชามเงินใบหนึ่งที่บรรจุน้ำยาสีเขียวมรกตออกมา ปากชามปิดผนึกด้วยพลังปราณ ดังนั้นถึงแม้จะเก็บไว้ในถุงเก็บของ น้ำยาข้างในก็จะไม่หกออกมา
หญิงสาววางชามลงในคอก แล้วชี้มือชี้ไม้ให้ข้ารู้ "รีบดื่มซะ!"
เช่นเคย ข้ากินน้ำยาจนหมด เถียนหรูชิงจ้องไปที่รอยแดงบนก้นข้าแล้วพูดด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข "คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะเป็หมูตัวผู้ ดูเหมือนว่าจะอายุยืนขึ้นอีกหลายปีเลยนะ! ถือเป็โชคดีของเ้าแล้ว!"
เมื่อเห็นว่าข้าเลียชามจนสะอาด เถียนหรูชิงก็พยักหน้าอย่างพอใจ แล้วเก็บชามเงินใส่ถุงเก็บของ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ทันใดนั้น พลังจิตก็กวาดผ่านร่างของหญิงสาว ทำให้เถียนหรูชิงร่างกายสั่นสะท้าน นางรีบหันกลับมามองภายในคอกหมู
หมูตัวอื่นๆ บางตัวก็ขดตัวนอนหลับ บางตัวก้มหัวกินอาหารในราง ดูไม่มีอะไรผิดปกติ หญิงสาวขมวดคิ้ว สงสัยว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิดไป เพราะความผิดปกตินั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ อาจจะเป็เพียงความรู้สึกผิดพลาดก็ได้
เถียนหรูชิงก้มหน้าคิดอยู่พักหนึ่ง ที่นี่อยู่ในเขตของสำนักอาทิตย์อัสดง ยังไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ในสำนักมีผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา การจะฝ่าค่ายกลพิชิตคีรีเข้ามาได้ต้องอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดอย่างน้อยก็ต้องเป็ระดับผู้าุโของสำนักใหญ่ต่างๆ แม้แต่ผู้าุโสูงสุดของสำนักอาทิตย์อัสดงยังมีพลังบำเพ็ญระดับแก่นลมปราณขั้นปลายเท่านั้น คนธรรมดาไม่มีทางบุกเข้ามาได้อย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงพลานุภาพของค่ายกลพิชิตคีรี ใจที่เป็กังวลของเถียนหรูชิงก็สงบลง นางปิดประตูคอกหมูอย่างเงียบๆ แล้วจากไป เพราะนางเกิดมาในสำนักของตระกูล การต่อสู้ภายในสำนักก็ไม่ซับซ้อนเท่ากับสำนักใหญ่ๆ แห่งอื่น และนางก็เป็หลานสาวที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดี จึงไม่เข้าใจถึงอันตรายที่ผู้บำเพ็ญภายนอกต้องเผชิญ การอยู่ในสำนักทำให้นางไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยแม้แต่นิด
ตัวการที่ใช้พลังจิตตรวจสอบเถียนหรูชิงนั่นก็คือข้า ข้ายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย อันที่จริงแล้ว แม้จะไม่ใช้พลังจิตตรวจสอบ ข้าก็มองเห็นแล้วว่าเถียนหรูชิงมีพลังเพียงแค่ระดับหลอมปราณขั้นหกเท่านั้น แม้ว่าด้วยพลังระดับขั้นต้นของข้าจะไม่สามารถเอาชนะนางได้ แต่การทำเช่นนี้มีจุดประสงค์สามข้อ หนึ่ง เพื่อทิ้งร่องรอยไว้บนตัวนางให้สะดวกในการติดตามในอนาคต สองเพื่อทดสอบความระแวดระวังของนาง สาม เพื่อทดสอบพลังของค่ายกลพิชิตคีรีและผู้บำเพ็ญที่คอยดูแล
ใช่แล้ว ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการกับหญิงสาวคนนี้อย่างไร
การทำเช่นนี้มีความเสี่ยงอยู่บ้าง หากค่ายกลพิชิตคีรีหรือผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณตรวจพบความผิดปกติ นั่นก็เท่ากับความตายของข้าเป็แน่แท้ แต่ข้าไตร่ตรองมาแล้วทั้งคืน ไม่ว่าจะหนีไปที่ใดล้วนต้องใช้พลังปราณ ดังนั้นแทนที่จะรอให้ถึงตอนที่ใช้พลังปราณแล้วถึงจะรู้ว่าถูกสะกด สู้รีบทดสอบการตอบสนองของพวกเขาก่อนจะดีกว่า หากหลังจากนั้นไม่มีผู้บำเพ็ญระดับสูงมาตรวจสอบ นั่นหมายความว่าค่ายกลพิชิตคีรีหรือผู้บำเพ็ญที่คอยสอดส่องดูแลมีช่องโหว่ในการประเมินสถานการณ์ผิดปกติ ข้าจะได้มีอิสระมากขึ้นในเขาอาทิตย์อัสดง
อีกประการหนึ่ง ตอนนี้ข้ารู้เพียงวิธีควบคุมพลังปราณเท่านั้น หากฝึกฝนไปมั่วซั่วโดยไร้ทักษะ ย่อมได้ผลลัพธ์น้อย ข้าต้องจัดการกับผู้บำเพ็ญระดับต่ำที่นี่ เพื่อดูว่าจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์บ้างหรือไม่ จากท่าทีของเหล่าผู้บำเพ็ญเมื่อวานและเถียนหรูชิง ข้าก็ตัดสินได้ว่าพวกเขาไม่คิดว่าจะถูกโจมตี และนี่จะกลายเป็ช่องทางบุกทะลวงของข้า!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้