กัวไฮว่เอนตัวอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือพร้อมกับหลับตาลง ขั้นแรกของคลินิกได้เรียบร้อยลงแล้วรอให้ฟ้ามืดก็จะแขวนป้ายได้ เอาไว้ถึงตอนนั้นก็ต้องร่ายมนตร์เสียหน่อยไม่เช่นนั้นกำแพงจะรับน้ำหนักป้ายห้าพันกิโลกรัมไม่ไหว
“หลี่เย่า ยอดฝีมือระยะก่อนเซียนเทียน เป็ทหารเป็พี่ใหญ่ร่วมสาบานของกัวไฮว่ เจี่ยหยวน เป็ไอ้คนไร้ประโยชน์ ไอคิวสูงเป็เศรษฐีที่อายุน้อยกว่าสามสิบปีในหัวซย่าเป็ลำดับที่สาม เป็พี่สองของกัวไฮว่หวังเซิง เป็รองกรรมการเมืองอู่เฉิง เป็พี่สามของกัวไฮว่” ซย่าโหวซานเหออ่านข้อมูลที่อยู่ในมือ ก็พลันเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
“สี่คน นอกจากาาทหารหลี่เย่านั่นแล้วคนอื่นก็มีกำลังนะแต่ว่ากำลังแบบนี้ไม่มีทางทำร้ายเสี่ยวเทียนได้วันนั้นที่เสี่ยวเทียนเป็ลมในห้องประชุม เป็เพราะได้รับการโจมตีในหอประชุมแน่แต่จะเป็ใครกัน” ซย่าโหวซานเหอลอบพูดในใจ
“หนานกงหลิงโม่ สมาชิกกลุ่มผู้มีพลังวิเศษ ผู้คุมความคิด กำลังแกร่งกว่าระยะกลางเขตแดนเซียนเทียน” ซย่าโหวซานเหอนำสายตาตกไปอยู่บนร่างของหนานกงหลิงโม่อีกครั้ง “วันนั้นยายเด็กนี่ก็อยู่ที่สนามด้วยหรือว่าตอนนั้นเธอจะเป็คนทำร้ายเสี่ยวเทียนแต่ดูจากกำลังแล้วเธอสู้คนเดียวก็ไม่น่าจะชนะเสี่ยวเทียนนะ”
“หนานกงหลิงโม่ จับตัวมาถามก็น่าจะรู้แล้ว ผู้คุมความคิดให้ฉันดูหน่อยสิว่าสมาชิกผู้มีพลังวิเศษจะมีความสามารถเท่าไหร่กัน” ซย่าโหวซานเหอค่อยๆ หลับตาลงพร้อมกับพูดขึ้นในใจ
“พี่เวยเวย ขอฉันดูป้ายหยกพี่หน่อยสิ” ซุนหลิงหลิงมอบป้ายหยกให้สาวๆโดยทันที ถึงแม้จะได้รับของขวัญทว่าสาวๆ ก็มีอาการหึงหวงเล็กน้อยเพราะว่าคนที่ให้คือซุนหลิงหลิง ไม่ใช่ตัวกัวไฮว่เอง
“เหมือนกันหมดแหละ” ในขณะที่พูดมู่หรงเวยเวยก็ส่งป้ายหยกของตนให้หนานกงหลิงโม่
“พี่ มีบางอย่างที่ฉันต้องบอกพี่หน่อย” หนานกงหลิงโม่เดินไปใกล้มู่หรงเวยเวยพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ “ซย่าโหวเทียนจากโรงเรียนจิ่วจงที่แข่งวิชาการน่ะ ตายแล้ววันนี้ปู่ฉันบอกให้ฉันระวังตัวหน่อย ่นี้อาจมีเื่ยุ่งยากได้แล้วปู่ยังบอกอีกว่าเื่นี้ให้ฉันจัดการเอาเอง”
“เป็แบบนี้ไปได้ยังไงกันเด็กผู้หญิงอายุเพิ่งจะเต็มสิบปีแบบเธอจะไปจัดการอะไรได้” มู่หรงเวยเวยพูดเสียงดัง
“พี่อย่าตระหนกไปสิ ป้ายหยกนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าพวกเราใครมีเื่อะไรพี่ไฮว่ก็จะรับรู้ได้โดยทันทีเลยพี่ไฮว่ก็อาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าเกิดเื่กับซย่าโหวเทียน” หนานกงหลิงโม่พูดเบาๆ “ฉันรับประกันได้เลยนะว่าเื่ที่เกิดกับซย่าโหวเทียนเกี่ยวข้องกับพี่ไฮว่แน่”
“งั้นพี่ไฮว่จะไม่เดือดร้อนเอาเหรอ” มู่หรงเวยเวยถามขึ้นด้วยความกังวลใจเธอรู้เบื้องลึกเื้ัของหนานกงหลิงโม่ดีว่าเป็สมาชิกของกลุ่มผู้มีพลังวิเศษความสามารถแบบนี้อาจจะมีปัญหาได้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเป็ห่วงกัวไฮว่ขึ้นมา
“ถ้าพี่ไฮว่เป็ศิษย์พี่ของพี่อวี้เอ๋อร์จริงๆ ละก็พี่เวยเวยไม่ต้องกังวลใจไปหรอกคนทั้งกลุ่มผู้มีพลังวิเศษที่เอาชนะพี่ไฮว่ได้มีแค่หยิบมือเดียว” หนานกงหลิงโม่เอ่ยขึ้น “ฉันรู้สึกไม่ดีแปลกๆเหมือนพวกเขาจะมาหาฉันก่อน”
“ต้องโทรไปบอกพี่ไฮว่หรืออวี้เอ๋อร์หน่อยไหมพวกเธออยู่ด้วยกันจะได้ปกป้องกันได้” มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ “หรือว่าจะโทรหาพ่อฉัน ให้เขาส่งคนมาปกป้องเธอ”
“ที่ซย่าโหวเทียนตายไม่เกี่ยวอะไรกันกับฉันเลยสักนิด มาก็มาสิมาคุยกันให้ชัดๆ คุยไม่รู้เื่ก็ซัดมัน ซัดไม่ไหวก็หนีฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าฉันจะจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้” หนานกงหลิงโม่พูดพลางเอามือกุมศีรษะไว้
“ฉันโทรหาพี่ไฮว่ดีกว่า ดูว่าเขาจะว่าไงบ้าง” ในขณะที่พูดมู่หรงเวยเวยก็ต่อสายโทรศัพท์จากนั้นก็เล่าเื่ของหนานกงหลิงโม่ให้กัวไฮว่ฟัง
“ให้หนานกงหลิงโม่รับโทรศัพท์” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ยายหนู ไม่ว่าใครจะหาเื่เธอ เธอก็ผลักภาระมาที่ฉันได้เลยมีเื่อะไรก็ให้พวกเขามาหาฉันก็พอ ถ้าพวกเขากล้าลงมือ ถ้าสู้ไหวก็สู้สู้ไม่ไหวก็หนีแล้วก็ไปหาอวี้เอ๋อร์ที่บ้านฉันถึงตอนนั้นอวี้เอ๋อร์จะช่วยเธอจัดการเอง”
“เข้าใจแล้วพี่ไฮว่ แต่พี่ก็ระวังตัวหน่อยนะปู่ฉันบอกไว้แล้วว่าคนที่ตระกูลซย่าโหวส่งมาเป็ยอดฝีมือเซียนเทียนระยะกลางไม่ธรรมดาเลยนะ” หนานกงหลิงโม่พูดเบาๆ
“วางใจน่า เื่นี้อย่าเอาไปบอกพี่ๆ คนอื่นล่ะ เดี๋ยวพวกเธอกังวลใจเอายอดฝีมือเซียนเทียนไม่กล้าทำอะไรพวกเธอหรอก แล้วเสาร์หน้าฉันจะเปิดคลินิกเอาไว้เพวกเธอมาแล้วฉันค่อยบอกพวกเธอเอง” กัวไฮว่พูดกำชับจากนั้นก็คุยกับมู่หรงเวยเวยอยู่พักหนึ่งก่อนที่ทั้งสองจะวางสายไป
“ตรงนี้คนน้อย ฉันไปแขวนป้ายก่อนดีกว่า” กัวไฮว่ยืนพูดยิ้มๆอยู่หน้าคลินิกไม่
คนขับรถถูกกัวไฮว่หาข้ออ้างไล่ไปเรียบร้อยแล้วกัวไฮว่เดินเข้าไปในรถ จากนั้นก็เอาป้ายหยกออกมาเจ็ดแผ่นแล้ววางไส้บนแผ่นป้ายเขาร่ายมนตร์ใส่ป้ายไป จากนั้นก็ค่อยๆเอาแผ่นป้ายออกมาจากในรถแล้วนำไปแขวนไว้บนหน้าประตูใหญ่
“คลินิกไม่! ฮ่าๆ คลินิกของฉัน รักษาคนไข้ได้กุศลอันยิ่งใหญ่แท้ ภายหลังถ้าฉันมีโอกาสบินขึ้น์ไปสายฟ้า์ก็ไม่อาจทำอะไรฉันได้ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แต่ว่าคลินิกไม่เปิดแล้ว จะพึ่งแต่ฉันกับอวี้เอ๋อร์อย่างเดียวไม่ได้สิต้องไปสมัครคนมาเพิ่ม อย่างเถอะ กลับบ้านก่อนดีกว่า กลับบ้านละ”
“สี่หมื่น” ยังไม่ทันจะเข้าไปในประตูใหญ่กัวไฮว่ก็ได้ยินเสียงของอวี้เอ๋อร์
“หู[1] เสี่ยวอวี้วันนี้โชคเธอธรรมดาๆ นะ” หญิงสาวที่เล่นตาก่อนหน้าพูดยิ้มๆ
“่นี้ยุ่งเื่ตกแต่งคลินิกน่ะพี่ น่าจะไม่ได้พักผ่อนเต็มอิ่มไม่งั้นวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนไหม พรุ่งนี้ค่อยมาเล่นใหม่” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“เื่ธุรกิจก็ปล่อยให้กัวไฮว่เขาจัดการไปสิ ผู้หญิงอยู่ที่บ้านไปก็พอแล้ว” หญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามพูดไปนับเงินไป “ฉันบอกตาแก่ที่บ้านแล้วนะว่าพวกเธอจะเปิดคลินิกไม่ถึงตอนนั้นไว้เขาจะแวะไปดู ฉันเองก็จะไปด้วย”
“พี่ๆ อยู่กันหมดเลยเหรอ” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินเข้ามาจากข้างนอก “ยุ่งมาทั้งวัน เลยทักทายได้ไม่ครบ”
“เสี่ยวไฮว่ ถึงจะยุ่งก็ต้องอยู่เป็เพื่อนเมียบ้างนะ เธอกลับมาแล้วงั้นพวกเราก็ไปก่อนแล้วล่ะ เอาไว้คลินิกไม่ของพวกเธอเปิดพวกเราจะไปเยี่ยมได้ยินอวี้เอ๋อร์บอกว่าคลินิกไม่ของพวกเธอจะขายยาจีนที่มีสรรพคุณความงามด้วยไว้ถึงตอนนั้นคิดพวกเราถูกๆ หน่อยล่ะ” หญิงสาวที่เล่นตาถัดไปพูดยิ้มๆ
“ถูกเถิกอะไรกัน วันนี้มีติดตัวอยู่สามเม็ดพอดี ให้พี่ๆ คนละเม็ดไว้พี่ลองดูผล กินที่นี่เลยเนี่ยแหละ ถ้าเกิดเป็อะไรไปผมจะได้จัดการให้ทัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นนำยาสีเขียวหยกออกมาแล้ววางไว้ข้างหน้าทั้งสี่คน
“เสี่ยวไฮว่ กินนี่เข้าไปตรงๆ เลยเหรอ” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความลังเลใจ
“พี่ๆ วางใจได้เลย ไม่มีอะไรแน่นอน ผมรับประกันได้เลย พวกพี่ดูสินี่เป็ใบประกอบของผม” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็นำใบประกอบวิชาแพทย์ของตนออกมา
“พวกเธอไม่กินฉันกินเอง ฉันเชื่อมั่นในอวี้เอ๋อร์กับเสี่ยวไฮว่” หญิงสาวที่มีชื่อว่าฉู่หงหยิบยาลูกกลอนขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปาก
[1] เป็หนึ่งในวิธีการชนะไพ่นกกระจอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้