“ไม่... ไม่ใช่” เจิ้งหยวนพยายามอธิบายอย่างใจเย็น “เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยชอบการแต่งงานนี้เท่าไร มันเป็งานที่คุณแม่ของฉันหมั้นให้สมัยเด็ก เหมือนการคลุมถุงชนนั่นแหละ ตอนฉันมาคุยกับนาย ฉันอยากคบกับนายจริงๆ ” เธอเห็นดวงตาของหลินเสี่ยวหยางเปล่งประกายอีกครั้ง เขาน่าจะรับรู้ได้ว่าเธอต่อต้านการคลุมถุงชนและเสาะหาความรักอิสระ แล้วคิดว่าเื่นี้อาจยังแก้ไขได้อยู่ แต่เธอตัดสินใจเลิกกับเขาโดยเด็ดขาดแล้ว เธอจึงว่าต่อ “แต่ดันโดนคุณพ่อรู้เข้า เขาคัดค้านไม่ให้ฉันคบกับนาย แถมยังตีฉันด้วย หลังโดนตีครั้งนี้ ฉันถึงเข้าใจสักที เสี่ยวหยาง ก็เหมือนที่คุณพ่อฉันบอก คนเราไม่อาจเห็นแก่ตัว คู่หมั้นฉันเป็ทหาร ในขณะที่เขาสละชีวิต หลั่งเืเนื้อเพื่อมาตุภูมิ ฉันไม่สามารถทำผิดต่อเขาเพื่อความรักของตนเองได้หรอก”
“ฉะนั้น…” ริมฝีปากหลินเสี่ยวหยางสั่นเทา เขาพูดอะไรไม่ออก
“ฉะนั้น เสี่ยวหยาง พวกเราจบกันเถอะ” เจิ้งหยวนเอ่ยต่อจากเขา เธอมองตรงเข้าไปในดวงตาคู่นั้นด้วยท่าทางแน่วแน่และเด็ดขาด
หลินเสี่ยวหยางหายใจจังหวะหนักหน่วง ใบหน้าพลันซีดเผือด ขอบตาเริ่มแดงระเรื่อ เขาอยากพูดว่าเธอทำเช่นนี้ได้อย่างไร เจิ้งหยวนเธอทำเกินไปแล้ว รังแกกันเกินไปแล้ว เธอผิดต่อเขาไม่ได้ แต่ผิดต่อฉันได้หรือ?เธอช่าง... ช่างรังแกกันเกินไป เกินไปจริงๆ! แต่ว่า… ไม่เลิกกันได้ไหม? ไม่มีฉัน ใครจะพาเธอไปดูหนัง? ใครจะซื้อลูกกวาดให้เธอ? ผู้ชายคนนั้นรู้ไหมเธอชอบอะไร เกลียดอะไร เขาดูแลเธอดีเท่าฉันหรือเปล่า?พวกเราสามารถไปขอความเห็นใจจากคู่หมั้นเธอ ขอความยินยอมจากคุณพ่อเธอด้วยกันนะ ถึงกระนั้น แม้คำพูดเ่าั้จะขึ้นมาถึงปาก แต่เขาก็ฝืนกลืนมันลงท้องไปทั้งหมด มันตื้อตันเสียจนภายในใจปวดหนึบ
เขาพูดไม่ได้
ั์ตาของเจิ้งหยวนมุ่งมั่นเหลือเกิน เขารู้ เธอเป็คนอารมณ์ร้าย นิสัยก็โผงผาง ตรงไปตรงมา ดังนั้นเมื่อใดที่ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครที่จะเปลี่ยนความคิดเธอได้ เขาเองก็เช่นกัน
ไม่รู้เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร อาจจะสักสิบนาที หรือเพียงแค่หนึ่งนาที ในที่สุดเขาก็เค้นเสียงออกมาจากลำคอได้เสียที “งั้น... ขอให้เธอมีความสุขนะ…”
น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาสั่นเครือ
เจิ้งหยวนหยักมุมปาก ยกยิ้มบางเบา “ได้ ขอให้นายมีความสุขเหมือนกันนะ” เธอกำหมัดแน่น มองเขาอย่างลึกซึ้งเป็ครั้งสุดท้าย “งั้นฉันไม่รบกวนเวลานายแล้ว นายรีบกลับไปทำงานเถอะ ฉันขอตัว…” เธอหันหลัง ทิ้งหลินเสี่ยวหยางไว้ที่เดิมคนเดียว และเดินจากมาโดยไม่คิดจะเหลียวกลับไปมองอีก
ดูสิ เธอรู้อยู่แล้ว เขาจะไม่เหนี่ยวรั้งเธอ กระทั่งคำพูดยื้อกันยังไม่หลุดออกมา ดังนั้น…
ลาก่อน หลินเสี่ยวหยาง
ลาก่อน… เผิงเผิง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีคราม และเมฆสีขาวอันห่างไกล เธอพยายามสะกดกลั้นน้ำตาที่แสนร้อนผ่าวกลางกระบอกตาไม่ให้มันไหลกลิ้งลงมา เดิมทีเธอคิดว่าพบหน้าเพื่อเลิกราคราวนี้คงเป็เื่ง่ายดาย คาดไม่ถึงว่าจิตใจเธอจะยังคงหนักอึ้ง เสมือนการร่ำลากันอย่างไร้เยื่อใยในอดีต ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับชีวิตของเขา เผิงเผิงของเธอก็จะไม่ได้พบหน้ากันอีกต่อไป เมื่อสิ้นเสียงคำว่าลาก่อน
แต่ไม่เป็ไร เธอผ่อนลมหายใจ เธอได้มีชีวิตใหม่ หลินเสี่ยวหยางเองก็มีชีวิตใหม่ บางทีหนนี้เผิงเผิงอาจได้กลับมาเกิดในครอบครัวที่พ่อแม่รักใคร่ปรองดองกันด้วย
พวกเราต่างคนต่างอยู่กันอย่างสงบเถอะ
เจิ้งหยวนยกมือปาดหยาดน้ำที่ปลายหางตา แล้วยกยิ้มบางเบา
อากาศดีนัก ท้องฟ้าปี 70 ช่างแจ่มใสเสียจริง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้