เนื้อหาต่อไปนี้เป็เื่ Short story นะคะ เนื้อหาจะไม่ติดต่อกัน
เพื่อไม่ให้งงแนะนำให้อ่าน #แซคจานิน ก่อนคับ!
วิธีที่ 4
สถานะหมาเด็ก
“กูกับมึงสนิทกันั้แ่เมื่อไรเอ่ย”
ดวงตาคมเฉี่ยวตวัดมองหน้าเพื่อนสนิทของแฟนเพื่อน (?) ช่างแม่ง เอาเป็ว่ามันเป็เพื่อนของพายอีกคนหนึ่งที่เพิ่งมาสนิทกัน่หลัง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันมาั้แ่สมัยมหา’ลัย พายน่ะเบื่อหน้ามันจะแย่แต่ทว่ากลับเป็คนเดียวที่นึกถึงใน่เวลานี้
“ช้า”
“ทำไมคะ หนูคิดถึงพี่เหรอ” แบร์ เบต้าหนุ่มที่สูงกว่าเขาเล็กน้อยแต่ทว่าตัวหนากว่ามากเพราะชอบออกกำลังกายพอ ๆ กับกินเบียร์ จึงไม่แปลกที่รูปร่างของมันจะดีกว่าพายมากโข
“รำคาญหน้ามึงว่ะ”
“อ้าว งั้นกูกลับน้า”
“ไม่เลิกกวนส้นตีนกูให้มึงจ่ายค่าเหล้าเองนะ”
“เคครับ อาการเป็ไงไหนบอกหมอ” ความขี้เล่นเมื่อครู่นี้ถูกขว้างทิ้งก่อนจะแทนที่ด้วยท่าทีจริงจัง ซึ่งในสายตาของพายนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำตัวแบบไหนก็ดูกวนส้นตีนอยู่ดี…
ร่างโปร่งทอดถอนหายใจระบายความอึดอัดที่สั่งสมมาหลายวัน—ก็ั้แ่วันที่ไอ้เด็กนั่นสารภาพว่าชอบเขานั่นแหละ พายไม่ใช่คนโง่ฉะนั้นเขาจึงพอจะดูออกว่าอีกคนนั้นคิดอะไร ทว่าสิ่งที่พายคาดไม่ถึงคือการที่เ้าตัวพูดคำว่าชอบออกมาได้อย่างง่ายดาย
“มึงเคยโดนสารภาพรักปะ แบบจากคนใกล้ตัวทำนองนี้อะ”
“คือมึงโดนสารภาพรักมา?”
“ไม่ใช่ เื่ของคน—”
“ไม่ต้องมาตอแหลว่าเป็เื่ของคนอื่นแค่ดูหน้ามึงก็รู้แล้วปะ” ไอ้แบร์ส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าที่มีไอน้ำเกาะพราวกระดกเข้าปากมิต่างอะไรจากน้ำเปล่า
“เออ เื่ของกูนี่แหละ”
“คนที่มาชอบมึงนี่ใคร”
“จำเป็ต้องรู้ด้วยเหรอวะ”
“เออดิ กูจะได้วิเคราะห์ถูก” วิเคราะห์ก็เหี้ยแล้ว จ้องจะเสือกเื่ของกูชัด ๆ
“เด็กข้างห้อง” พายตอบเสียงอ้อมแอ้มด้วยความกระดากอายพร้อมกับภาวนาต่อภูตผีิญญาทั้งหลายว่าอย่าให้ไอ้แบร์มันจำได้เลย
“ใช่ไอ้น้องเสื้อชมพูที่มึงเคยไปยืนเถียงด้วยปะ ถ้าใช่นี่ฮาเลยนะ” เวร ทีแบบนี้ล่ะเสือกความจำดี
“เออ คนเดียวกัน”
“สัตว์5555555 ไปสปาร์กกันอีท่าไหนวะนั่น” พายตวัดสายตามองคนที่นั่งกุมท้องขำจนเขาอยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอแม่งให้รู้แล้วรู้รอด
“ค่าเหล้ามึงจ่ายเองนะ กูกลับละ”
“โอเค ๆ กูไม่แกล้งละ ไหนมึงลองเล่ามาดิ๊ไปสนิทกันได้ไง” เมื่อเห็นว่าแบร์กลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาเช่นเขาจึงเลือกที่จะเล่าทุกอย่างออกไปอย่างไม่มีกั๊ก ยิ่งนึกถึงสีหน้าของเด็กนั่นเมื่อหลายวันก่อนพายยิ่งรู้สึกแย่และเหมือนโดนตอกย้ำว่าคนอย่างเขาโคตรจะใจหมาเพราะแม้อีกฝ่ายจะไม่โผล่หัวมาให้เจอแต่กลับมีแซนด์วิชกับนมมาแขวนหน้าประตูอยู่ทุกเช้า
“กูขอคั่นแป๊บนึง น้องมันพ้นสิบแปดยัง”
“ยี่สิบแล้ว แต่ที่เพิ่งเข้าปีหนึ่งเห็นว่ามันเรียนซ้ำชั้นเพราะไปแลกเปลี่ยนตอนม.ห้า”
“รู้ลึกจริงโว้ย”
“สัตว์แบร์”
“เออ ๆ—คือเท่าที่ฟังมาเนี่ย น้องมันก็ดีไม่ใช่เหรอวะหรือว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเด็กมัน”
“ไม่รู้ว่ะ” ไม่รู้ที่แปลว่าไม่รู้จริง ๆ สาบานได้เลย
“อย่าบอกนะว่ามึงยังชอบจานินอยู่”
“มึงรู้?”
“โอ๊ย ควายยังมองออกเลยมั้ง สายตามึงมองมันเหมือนเพื่อนมองกันที่ไหน” ก็จริง เพราะั้แ่จำความได้สายตาของพายก็มองจานินด้วยใจรักเสมอ แต่ช่างน่าสมเพชที่เขาอกหักั้แ่ยังไม่ทันเริ่ม อยู่เคียงข้างมาเกินครึ่งชีวิตแต่อีกฝ่ายดันเลือกไปกับคนอื่น
“กู…กูคงชอบจานินอยู่มั้ง”
“เนี่ย มึงลังเลอะ ถ้าเป็เมื่อก่อนกูเชื่อว่ามึงจะพูดมันออกมาโดยไม่ลังเลแค่นี้ก็รู้แล้วปะวะว่าตอนนี้มึงรู้สึกกับมันไม่เหมือนเดิมแล้ว”
“…”
“สมมตินะ ถ้าไอ้แซคกับจานินหอมแก้มกันต่อหน้ามึง มึงรู้สึกไง…เอาความรู้สึกตอนนี้นะเว้ย”
“เฉย ๆ อาจจะชูนิ้วกลางให้ไอ้เหี้ยแซคเพราะกูหมั่นไส้มัน”
“แล้วถ้าจูบล่ะ?”
“กูจะเดินหนี ใครมันจะอยากนั่งมองคนอื่นจูบกันมึงบ้าปะ” เหี้ยแบร์แม่งถามห่าอะไรโง่ ๆ ตัดเื่ความรู้สึกส่วนตัวทิ้ง เห็นคนจูบกันต่อหน้าก็ต้องเดินหนีปะวะ
“แล้วถ้า…มันเยเย้มารูโกะต่อหน้ามึงอะ”
“ไอ้ควาย คำถามเหี้ยไรเนี่ย! เอาเป็ว่ากูไม่รู้สึกเหี้ยห่าอะไรทั้งนั้น แล้วก็นะถ้าไอ้แซคมันเอากับจานินต่อหน้ากู กูจะะโถีบยอดหน้ามันข้อหาพาเพื่อนกูทำตัวอุบาทว์ จบไหม?” แบร์ที่เห็นท่าทีหงุดหงิดของคนตัวเล็กถึงกับต้องยกสองมือขึ้นทำนองว่ายอมแพ้แล้ว เพราะหากฝืนหยอกล้อมันต่อรับรองขวดเบียร์ที่อยู่บนโต๊ะได้ฟาดลงบนหัวของเขาเป็แน่
“ใจเย็นก่อนเตง กูจริงจังละคราวนี้”
“แม่ง กูกลับและ”
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนดิ” มือหนารีบคว้าคอเสื้อของเบต้าหน้าหงิกเอาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงมันให้นั่งลงบนโซฟาดังเดิม
“อะไรอีก ถ้าเป็ค่าเหล้าส่งสลิปมาแล้วกันเดี๋ยวกูโอนให้”
“ไม่ใช่โว้ย คืองี้ในสายตามึงอะ เด็กนั่นมึงจัดให้มันอยู่ในสถานะไหน”
“…”
“เด็กข้างห้อง? เพื่อนกินข้าว? หรือสถานะอื่น” แม้ว่าพายจะเรียกอีกฝ่ายว่าเด็กข้างห้องอยู่บ่อยครั้งแต่ทว่าเขาก็ไม่เคยจัดสถานะให้เ้าตัวอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นยามถูกถามซึ่ง ๆ หน้าเช่นนี้พายจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงอาการเลิ่กลั่กออกมา
“จำเป็ด้วยเหรอวะ…ไม่รู้ดิ อาจจะเป็เด็กข้างห้องที่เป็เพื่อนกินข้าว”
“ยาวเกิ๊น กูขอสั้น ๆ”
“ก็ รุ่นน้องมั้ง”
“อืม ก็เป็แค่รุ่นน้องนี่ คือเอาตรง ๆ ปะ ั้แ่รู้จักกันมาคนเดียวที่มึงแคร์มีแค่จานินส่วนคนอื่นช่างหัวแม่งมัน แต่ไอ้เด็กนี่อะ ทำไมมึงช่างแม่งไม่ได้?” นั่นดิ ปกติพายเป็คนสนใจเพื่อนมนุษย์ที่ไหน เขาใจจืดใจดำเสียยิ่งกว่าอะไร จะมีก็แค่จานินนี่แหละที่เขาดีด้วยส่วนคนอื่นก็ตามยถากรรม
ทว่ากับเบ๊บนั้น มันต่างกันั้แ่ที่เขาชวนอีกฝ่ายกินข้าวด้วยกันแล้ว
“หรือกูชอบมันวะ”
“จะไปรู้มึงเหรอ แล้วตอนที่รู้ตัวว่าชอบจานินอะสภาพมึงเป็ไง”
“เหมือนหมา”
“ยังไง?”
“กูเชื่องฉิบหาย คนอื่นกูกัดหมดแต่กับเขาแค่มองตากูก็กระดิกหางให้แล้ว”
“แล้วกับไอ้เด็กนั่นล่ะ”
“กูเหมือนเป็เ้าของหมา” แค่นึกถึงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มโง่ ๆ ของมัน มุมปากที่เหยียดตรงมาหลายวันก็โค้งขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ แต่กระนั้นพอนึกถึงการพบกันครั้งล่าสุดของเราทั้งสองลมหายใจร้อนผ่าวก็ถูกพ่นออกมาแรง ๆ อย่างหนักใจ
“แล้วไม่ดีเหรอวะ เป็หมามาเกือบทั้งชีวิตไหน ๆ ก็มีโอกาสได้ถือสายจูงแล้ว”
“ดีดิ แต่แม่ง กูรู้สึกเสียหน้านิดหน่อยเพราะมันไม่ใช่คนที่กูคิดว่าจะชอบ อีกอย่างกูพูดไปแล้วว่าอย่ามาชอบกูเลย กูโตขนาดนี้จะทำตัวกลับกลอก เด็กมันได้ถอนหงอกกันพอดี” ปรามาสไปเสียดิบดีจนเด็กมันหงอย อยู่ ๆ จะไปบอกชอบกูได้เลย อย่าเพิ่งเลิกชอบนะมันก็ไม่ได้ปะ
“มึงจะกลัวไร ดูอย่างไอ้แซคดิกลับกลอกสักกี่รอบมันยังหน้าด้านสู้เลย”
“…”
“พระเ้าไม่ได้ส่งคนที่ใจตรงกันมาให้บ่อย ๆ นะเว้ย ถ้าพลาดคนนี้กูบอกเลยมึงได้โดดเดี่ยวหำเหี่ยวไปจนตายอะ”
/
เพราะวันนี้ตั้งใจที่จะเมาแบบทิ้งตัว พายจึงไม่ได้เอารถยนต์ส่วนตัวมาทว่ากลับผิดแผนเนื่องจากเขาดื่มไปเพียงหนึ่งแก้วในระหว่างพูดคุยกับเพื่อนก่อนจะตัดสินใจขอตัวกลับในเวลาไม่ถึงสี่ทุ่มเพราะจิตใจนั้นว้าวุ่นเกินกว่าจะนิ่งเฉยได้…
กว่าจะมาถึงหอพักก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ช่างน่าแปลก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พายภาวนาให้ถึงที่หมายเร็ว ๆ ทว่าพอเอาเข้าจริงเขากลับประวิงเวลาโดยการเลือกเดินขึ้นบันไดแทนลิฟต์ด้วยท่าทีเชื่องช้าต่างจากปกติ
ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแรง ๆ เพื่อรวบรวมความกล้า พายนับหนึ่งถึงสามเป็ครั้งที่เท่าไรก็ไม่อาจทราบได้ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้องอีกฝ่ายซึ่งรอไม่นานบานประตูสีเดียวกันกับห้องเขาก็ถูกเปิดออก เบ๊บมีสีหน้าใเล็กน้อยที่เห็นพายยืนอยู่ตรงนี้
“กินข้าวยัง” เป็คำถามที่โคตรโง่ จะสี่ทุ่มอยู่แล้วใครมันจะบ้าไม่ยอมกินข้าววะ—เออ แต่มีไอ้บ้าคนนึงที่ไม่ยอมไปหาอะไรกินเพราะรอไปกินปลาเผาด้วยกัน
“กินแล้วครับ พี่พายหิวเหรอในห้องมีขนมอยู่นะเอาไหมครับ”
“ไม่ได้หิว แค่มีเื่จะคุยด้วย…ขอเข้าไปได้ไหม?” อีกฝ่ายขบคิดอยู่เพียงครู่เดียวก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ เป็เชิงอนุญาตแล้วเบี่ยงตัวหลบให้พายแทรกตัวเข้าไปด้านใน
ั้แ่รู้จักกันมานี่เป็ครั้งแรกที่เขาเข้าห้องของอีกฝ่ายเพราะโดยปกติจะเป็เบ๊บมากกว่าที่ชอบพาตัวเองไปป้วนเปี้ยนอยู่ห้องเขาบ่อย ๆ—ดวงตาคมลอบมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างเสียมารยาท เขาได้กลิ่นเทียนหอมจาง ๆ มันเป็กลิ่นดอกไม้แต่ไม่แน่ใจว่ามันคือดอกอะไร ส่วนเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องของอีกคนเหมือนพายทุกอย่างเพราะเป็ห้องชุดแบบเดียวกันจะแตกต่างก็คงเป็ของตกแต่งอย่างพวกพรม ผ้าคลุมโซฟาที่ถูกเน้นเป็สีสดใสเสียส่วนใหญ่…
แม่ง ต่างจากเขาอย่างลิบลับ
“พี่จะคุยเื่อะไรครับ”
“จะยืนคุยเหรอ มันเมื่อยนะนั่งก่อนดิ”
“พี่พายอย่าลีลา ผมง่วงแล้ว” นั่นทำหน้าหงึใส่อีก จะว่าก็ว่าเถอะคนอย่างมันเนี่ยนะเคยนอนสี่ทุ่ม ่วันหยุดเขาพาเ้าตัวเล่นเกมถึงตีสองแม่งยังตาใสแจ๋วอยู่เลย
“อา ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะ อร่อยมาก”
“พี่จะพูดอะไรกันแน่?”
“…”
“ถ้าจะมาปฏิเสธตรง ๆ หรือไล่ให้ผมไปชอบคนอื่นเหมือนครั้งก่อนพี่เลือกจะเมินผมก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งคุยให้มากพิธีหรอก” น้ำเสียงที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสบัดนี้กลับสั่นไหวจนน่าสงสาร เบ๊บไม่ได้ร้องไห้งอแงเหมือนในหนังที่เขาเคยดู แต่กระนั้นดวงตาแดงก่ำและสีหน้าที่บ่งบอกถึงความขัดใจทำเอาพายรับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายก็คงจะรู้สึกแย่อยู่ไม่น้อย
“ฟังก่อนดิ…ที่เคยไล่ให้มึงไปชอบคนอื่นอะ กูขอถอนคำพูดได้ไหม”
“พี่หมายความว่าไง” มึงโง่ปะเนี่ย เกือบจะหลุดด่าเหมือนเช่นทุกทีแต่ยังดีที่เขายั้งปากทัน
“ก็ตามที่พูดนั่นแหละ มึงจะชอบกูเหมือนเดิมก็ได้นะ”
“ให้ผมชอบพี่ โดยที่พี่ไม่ชอบผมเนี่ยนะ? โห เห็นแก่ตัวขนานแท้เลยว่ะ แต่ช่างเหอะผมไม่อินกับรักข้างเดียวว่ะ—โอ๊ย!” พายหยิกเข้าที่สีข้างของเด็กตัวโตกว่าเพื่อเรียกสติก่อนที่แม่งจะเพ้อเจ้อไปไกล ทำเหมือนนางเอกละครช่องมากสีไปได้ คิดเองเออเองเก่ง เปิดโอกาสให้คนอื่นเขาพูดบ้างเหอะ
“พี่หยิกผมทำไมเนี่ย! ปฏิเสธกันไม่พอยังทำร้ายร่างกายกันอีก จะใจร้ายไปถึงไหนวะ”
“เบ๊บฟังกู”
“ผมฟังอยู่ พี่ก็พูดดิ อ้ำอึ้งอยู่ทำไมไม่ต้องสนใจความรู้สึกผมหรอก”
“เบ๊บครับ ฟังพี่พายก่อนนะ”
“ครับผม ว่ามาเลย”
เหอะ ไอ้เด็กเวร
หมาเด็กคันฟันที่ขู่แง่ง ๆ ใส่เขาเมื่อครู่รีบเก็บเขี้ยวแล้วนั่งลงบนโซฟาเคียงข้างกัน คราวนี้มันไม่ได้พูดจ้อแต่เลือกที่จะหุบปากเงียบแล้วฟังในสิ่งที่เขากำลังจะเอ่ยแทน
“ที่พูดวันนั้นไม่ได้ตั้งใจ เออ กูพูดไม่คิดเอง…ยอมรับว่ากูสับสน มึงก็รู้ใช่ไหมว่าเกือบครึ่งชีวิตกูรักข้างเดียวมาตลอด กูอยู่กับความรู้สึกที่พูดออกไปไม่ได้มึงเข้าใจใช่ไหม”
“…”
“แต่มึงไม่เหมือนกูไงเบ๊บ มึงพูดคำว่าชอบออกมาง่าย ๆ จนแวบนึงกูเผลอคิดไปว่ามึงอาจจะไม่ได้จริงจังอะไร” ่ประโยคท้าย ๆ พายเอ่ยมันอย่างแ่เบาและถ้ามองไม่ผิดเมื่อครู่เขาเห็นสายตาไม่พอใจของอีกฝ่ายตวัดมองมา
“พี่อย่ามาดูถูกความรู้สึกของผมนะ อีกอย่างผมไม่ได้พูดออกไปง่าย ๆ สักหน่อย…ก็แค่ไม่อยากโกหกพี่”
“…”
“บอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าไม่ชอบคนโกหกน่ะ” แม้อีกฝ่ายจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาแต่กระนั้นพายกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน—เป็คำพูดที่เขาเผลอพูดขึ้นระหว่างที่ดูหนังกับเ้าตัว หากจำไม่ผิดมันเป็ฉากที่พระเอกโกหกนางเอกว่าจะกลับบ้านแต่ความจริงไปฉายแสงที่โรง’พยาบาล ใครมันจะไปคิดกันว่าคำพูดลอย ๆ ของตนเองนั้นอีกคนจะจำมันได้ขึ้นใจขนาดนี้
“มึงนี่นะ”
แปะ
ฝ่ามือวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของเด็กหนุ่มข้างกายก่อนจะลูบมันอย่างแรงด้วยความเอ็นดู ต้องโตมายังไงวะถึงได้กลายเป็เด็กน่ารักขนาดนี้…อา อาจจะโตมาเพราะไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มและแค็บหมู
“เบ๊บ”
“ครับ”
“วันนั้นน่ะ มึงจะจูบกูเหรอ” เหลือบมองเห็นใบหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่อยามที่เขาเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาในใจก็อดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยใบหูอีกฝ่ายเล่น
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่จะถาม…ว่ามึงอยากต่อไหม?”
ไม่รอให้คนอายุน้อยกว่าตอบคำถาม เบต้าที่โชกโชนเื่อย่างว่าในระดับหนึ่งก็รั้งใบหน้าหล่อให้หันมารับจูบ พายไม่ได้เมาและถึงเมาเขาก็ไม่คิดที่จะโทษแอลกอฮอล์ วันนั้นที่เบือนหน้าหนีไม่ใช่ว่าไม่อยากจูบ เขาน่ะอยากจูบฉิบหาย แต่ต้องหักห้ามใจเพราะกลัวจะพาเด็กมันเตลิด
เบ๊บมีท่าทีใอยู่ครู่หนึ่ง กระนั้นพอตั้งสติได้ก็รีบโน้มใบหน้าเข้าหาจนพายแทบหงายหลังนอนลงกับโซฟาทว่ายังดีที่มือข้างหนึ่งของเขานั้นยังเกาะต้นแขนกำยำเอาไว้แน่น—จูบที่เต็มไปด้วยรสชาติของแอลกอฮอล์นั้นขมปร่าอยู่ไม่น้อยแต่เมื่อคลุกเคล้ากับกลิ่นมินต์ของยาสีฟัน ทุกอย่างกลับดูลงตัวจนอะไรต่อมิอะไรแข็งขืนขึ้นมาอย่างไม่รู้เวล่ำเวลา
“อื้ม”
“แฮก อือ”
เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังก้องไปทั่วห้องกว้าง แม้จะฟังดูน่าอายแต่กลับไม่มีใครคิดจะหยุดยั้งมันเลยแม้แต่น้อย แถมท่อนแขนแกร่งยังตวัดเอวหนุ่มรุ่นพี่ให้ขึ้นมานั่งคร่อมบนตักเพื่อที่ร่างกายจะได้แนบชิดกันมากขึ้น
“อึก อย่ากัด “
“ขอโทษครับ”
“พอแล้ว กูเพิ่งไปกินเหล้ามา”
“ไม่เป็ไรครับ”
“ก็ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบ” หรือพายจำผิด?
“ไม่ชอบครับ แต่ถ้ามาจากปากพี่อันนี้ผมช่างมันได้”
พายด่าอีกฝ่ายผ่านทางสายตาและแน่นอนว่าคนอย่างมันไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังจับเขาจูบเอา ๆ จนปากบวมช้ำไปหมด…นี่สินะตัวอย่างของสำนวน เล่นกับหมา หมาเลียปาก จะต่างกันก็ตรงที่มันไม่ได้เลียธรรมดาแต่มันกัดด้วยนี่สิ :- (
/
…ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่ทลายกำแพงตัวเองแล้วปล่อยให้เด็กข้างห้องเข้ามาทำตัวบ๊อกแบ๊กได้อย่างง่ายดาย พายเป็พวกขี้รำคาญต่างจากอีกฝ่ายที่ชอบสกินชิป เผลอไม่ได้เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอม พอดุแม่งก็งอนหากถามว่าเขาง้อไหมแน่นอนว่าไม่ จะมีก็แต่มันนั่นแหละที่คลานเข่าเอาหัวมาถู ๆ—และวันนี้ก็เช่นกัน
ฟอด! ฟอด!
“เบ๊บ! ไอ้สัตว์มึงหยุดดิ๊” พายใช้ทั้งฝ่ามือและฝ่าเท้ายันร่างแกร่งที่ทำท่าจะล้มทับเขาอยู่รอมร่อให้ออกห่าง
“พี่พายพูดไม่เพราะ :- (” ทันทีที่เอ่ยจบเด็กหนุ่มก็ยืดตัวตรงแล้วหยิบหนังสือการ์ตูนที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาอ่านอีกรอบ ทำทีไม่สนใจกันต่างจากใบหน้าที่มีคำว่า ‘งอนอยู่ ง้อด้วย!’ ประดับอยู่เด่นหรา
พายส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสนใจงานตรงหน้า ที่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่ถูกใจหัวหน้าทีมสักที ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เมนหลักของเนื้อเื่ด้วยซ้ำ มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าตัวเองแรง ๆ ก่อนสายตาจะเริ่มกวาดหาซองบุหรี่เพื่อหวังคลายเครียด ทว่าก็ต้องพับความคิดนั้นลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีหมาเด็กบางตัวนั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องด้วย
“เป็อะไรครับ”
“ไหนว่างอนกู?”
“อันนี้ขอเวลานอกครับ…สรุปพี่พายเป็อะไร หิวข้าวเหรอครับ”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“อยากสูบบุหรี่?” เบ๊บที่สังเกตเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของคนโตกว่าก็พอจะมองออกถึงความ้าของอีกฝ่าย
“อือ แต่ทนได้กูพยายามห่าง ๆ อยู่”
“ถามได้ไหมครับ ทำไมอยู่ ๆ ถึงอยากเลิก”
“ก็มึงแพ้บุหรี่ไม่ใช่เหรอ” คนปากแข็งยามพูดความในใจออกมาแม่งน่ารักสัตว์ เบ๊บอยากปั้นพี่พายเป็ก้อนแล้วกลืนลงท้องด้วยความรักที่มีทั้งหมด
“ไม่ต้องทำเพื่อผมขนาดนั้นหรอกครับ ถ้าอยากเลิกพี่เลิกเพื่อสุขภาพตัวเองดีกว่า…แล้วอีกอย่างนะ ผมชอบพี่ขนาดนี้ เดี๋ยวผมหาวิธีอยู่กับพี่เองนั่นแหละไม่ให้พี่ลำบากหรอก” เขาอยากให้พี่พายเลิกบุหรี่แต่ไม่เคยคิดที่จะบังคับอีกฝ่ายถึงแม้จะห่วงสุขภาพเ้าตัวแค่ไหนก็ตาม
“ไม่กลัวกูตายก่อนเหรอ”
“เดี๋ยวผมตายตาม”
“กวนตีนนะมึง” คนที่ถูกนิ้วกลางชูใส่หน้าหัวเราะเสียงดังลั่นก่อนจะรวบเ้าของห้องเข้ามากอดเต็มอก—จะขยันทำตัวตรงสเปกไปถึงไหนวะคนเรา
“พี่พาย”
“อะไร”
“วันนี้อากาศดี เป็แฟนกันเหอะ”
“ฝันเปียกเอานะ”
“ไม่เป็ไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ขอใหม่”
เบต้าหนุ่มที่ดูตัวเล็กตัวน้อยยามอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ถูกจัดให้อยู่ในสถานะ ‘คนคุย’ ดึงเชือกฮู้ดสองข้างลงพร้อมกันจนใบหน้าหล่อยับยู่ยี่ เขาอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเตรียมจะงอแงประกบริมฝีปากเข้าที่อวัยวะเดียวกันหวังแก้เสี้ยนอาการอยากบุหรี่
Tbc
คอมเมนท์ or #เบ๊บบ๊อกแบ๊ก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้