“ข้า้าห้องฝึกนั่น เ้าจงไสหัวไปซะ!”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ขณะนั้นอุณหภูมิในอากาศก็เริ่มลดลงอีกครั้ง
ชายคนนั้นพลันหน้าเสียขึ้นมาทันที ไม่หลงเหลือท่าทางอวดดีเหมือนตอนที่เดินออกมาสักนิด หลินเฟิงแข็งแกร่งมาก!
“บัดซบเอ๊ย! ข้าวิ่งออกมาทำไม?!”
ชายคนนี้ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ ได้มาเจอกับคนที่แข็งแกร่งกว่า ช่างเป็โชคร้ายของเขาจริงๆ
ตอนนี้เองประตูห้องฝึกก็ทยอยเปิดออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับศีรษะของคนจำนวนมากที่ชะโงกหน้าออกมามอง แต่เมื่อพวกเขารู้สึกได้ถึงลมปราณอันเย็นะเืที่แผ่ออกมาจากร่างของหลินเฟิง ก็รีบหดหัวของตัวเองกลับเข้ามาในห้องทันควัน เื่นี้พวกเขาจะไม่ยุ่ง
“เ้าจะไสหัวไปเองหรือจะให้ข้าช่วย?” หลินเฟิงกล่าวด้วยั์ตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร ทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
เขามองหลินเฟิงด้วยสายตาไม่พอใจก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน โดยทิ้งห้องของตัวเองให้กับหลินเฟิง
“ผู้ที่แข็งแกร่งจะข่มเหงผู้ที่อ่อนแอได้ นี่คือความจริงของโลกนี้”
หลินเฟิงคิดขณะสลายลมปราณกับจิติญญา หากเขาไม่แสดงพลังของตัวเองออกมา เกรงว่าชายชุดดำคงแย่งห้องฝึกของเขาไปแล้ว เพราะคิดว่าเขาอ่อนแอ
หลังจากที่ชายชุดดำจากไปได้ไม่นาน ก็มีคนเปิดประตูออกมาด่าเขา ถ้าแข็งแกร่งไม่พอ เกรงว่าชายคนนั้นคงลงมือทำร้ายเขาโดยไม่สนเหตุผลอย่างแน่นอน แต่เพราะเขาแข็งแกร่ง ทำให้สามารถแย่งห้องฝึกมาจากอีกฝ่ายได้ และทำให้คนอื่นๆ ไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วกลับเข้าห้องของตัวเองไปอย่างเงียบๆ
โลกของนักรบนั้นไร้ซึ่งความเมตตาและความสงสาร ถ้าหากเ้าอ่อนแอและยังดูเป็มิตร เชื่อเลยว่าเ้าจะถูกคนอื่นข่มเหงรังแกและแย่งชิงของของตัวเองไป กลับกันถ้าเ้าแข็งแกร่ง ต่อให้มีมีนิสัยเหมือนอันธพาล คนอื่นๆ ก็ยังคงเคารพยกย่องเ้าอยู่ดี เพราะโลกนี้ชื่นชมผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้น
“หยวนซาน เ้าไปใช้ห้องนั้นซะ อ่อ ควรเตรียมหินหยวนของเ้าไว้ด้วย ถ้าหากเวลาในห้องฝึกไม่ถึง 3 เดือน เ้าก็ต้องใช้หินหยวนของตัวเอง เพื่อจะได้ฝึกฝนต่อ”
หลินเฟิงหันไปกล่าวกับหยวนซาน หยวนซานพยักหน้า เขาไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย ด้วยพลังของหลินเฟิง พวกเขาไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีห้องฝึกให้ใช้
“ต้วนเฟิง จิ้งหยุน พลังของพวกเ้าทั้งสองคนยังอ่อนแอนัก และหยวนชี่ที่นี่ก็หนาแน่นเกินไป มันไม่เป็ประโยชน์สำหรับพวกเ้า ดังนั้นหลิ่วเฟยเ้าไปที่ห้องฝึกห้องนั้น” หลินเฟิงกล่าวขณะที่ชี้ไปยังห้องฝึกที่ตัวเองเพิ่งจะเดินออกมา
ต้วนเฟิงและจิ้งหยุนก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด แต่หลิ่วเฟยกลับถามหลินเฟิงว่า “ถ้าข้าใช้ห้องนั้น แล้วเ้าล่ะ?”
“ไม่จำเป็ต้องห่วงข้า ข้าจะหาห้องอื่นที่เหมาะสมกับข้าเอง”
“ได้”
หลิ่วเฟยพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อไปว่า “อีก 3 เดือนเจอกัน”
พูดจบหลิ่วเฟยก็เดินเข้าไปในห้องฝึกทันที
หลังจากนั้นหลินเฟิงก็พาต้วนเฟิงกับจิ้งหยุนไปหาห้องฝึกต่อ เนื่องจากชั้นที่ 11 และชั้นที่ 12 เต็ม พวกเขาจึงขึ้นไปถึงชั้นที่ 13 และพบห้องฝึกที่ว่างอยู่สองห้อง จึงให้ต้วนเฟิงกับจิ้งหยุนเข้าไปบ่มเพาะ
ั้แ่ชั้นที่ 11 ขึ้นไป ห้องฝึกทุกห้องจะต้องใช้หินหยวนระดับต่ำต่อการบ่มเพาะหนึ่งวัน หลินเฟิงมอบหินหยวนระดับกลางให้กับพวกเขาคนละหนึ่งก้อน ซึ่งมันทำให้พวกเขาสามารถฝึกฝนในนี้ได้ 100 วัน
เื่นี้ทำให้หลินเฟิงรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ถ้าอยากให้การบ่มเพาะพลังเร็วขึ้น ก็ต้องยอมเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล ถ้าไม่ใช่เพราะว่าในแหวนมีหินหยวนเป็จำนวนมากล่ะก็ แม้แต่หินหยวนระดับต่ำก็คงไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินหยวนระดับกลางเลย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมห้องฝึกที่อยู่ในชั้นสูงๆ จึงมีคนมาก ความจริงแล้วคนที่อยู่ในชั้นสูงๆ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไรนัก และยังมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 พวกเขาได้รับหินหยวนระดับต่ำและยังมีจำนวนที่น้อยนิด ทำให้ไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้นาน
ในทางตรงกันข้าม ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมักจะได้รับหินหยวนจำนวนมาก พวกเขาสามารถบ่มเพาะพลังในชั้นล่างๆ ของหอฝึกฝนได้ และห้องฝึกที่อยู่ในชั้นล่างๆ จะเป็สถานที่ที่มีหยวนชี่หนาแน่นที่สุด
นี่คือวงจรที่ผู้แข็งแกร่งก็จะยิ่งแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็จะก้าวหน้าไปได้อย่างเชื่องช้า
ตอนนี้เหลือหลินเฟิงเป็คนสุดท้ายแล้ว ห้องที่อยู่ชั้นบนไม่มีห้องฝึกที่ว่างเลยสักห้อง ดังนั้นหลินเฟิงจึงตัดสินใจลงมาหาห้องฝึกที่ชั้นล่างๆ แทน
หลินเฟิงเดินหาห้องั้แ่ชั้นที่ 10 ชั้นที่ 9 จนกระทั่งมาถึงชั้นที่ 6 แล้วค่อยหยุดอยู่ที่ชั้นนี้
ชั้นที่ 6 มีห้องฝึกอยู่ทั้งหมด 8 ห้อง และทุกห้องก็มีแสงสว่างจากหยวนชี่เปล่งประกายอยู่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังบ่มเพาะพลังอยู่
หลินเฟิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ที่มุมหนึ่งของชั้น 6 แล้วนั่งขัดสมาธิระหว่างตรงกลางของสองห้องฝึก
ความรู้สึกเย็นสบายแผ่ซ่านไปทั่วร่าง หลินเฟิงรู้สึกได้ถึงหยวนชี่ที่หนาแน่นรอบๆ ตัว
ชั้นที่หกอยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดหยวนชี่พอสมควร ดังนั้นต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาห้องฝึกเพื่อดึงดูดหยวนชี่มาให้ แต่บริเวณรอบๆ ก็ยังคงมีหยวนชี่ทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ความผันผวนของหยวนชี่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับห้องฝึกชั้นที่ 10
บนชั้นนี้จะต้องใช้หินหยวนระดับต่ำ 3 ก้อนต่อหนึ่งวัน เนื่องจากความหนาแน่นของหยวนชี่ในชั้นนี้มากกว่าในห้องฝึกของชั้นที่ 10 หลายเท่า ดังนั้นจึงต้องใช้หินหยวนเป็จำนวนมาก
ถ้าศิษย์สามารถเลือกชั้นได้ตามใจ พวกเขาคงเลือกที่จะไปชั้นที่อยู่ด้านล่างสุด เพราะมันใกล้กับแหล่งกำเนิดหยวนชี่มากที่สุด
แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า คนที่แข็งแกร่งที่สุดจะมีสิทธิ์ในการเลือก พลังคือมาตรฐานสำหรับทุกอย่าง
ตอนนี้เองหลินเฟิงก็เริ่มบ่มเพาะพลังอย่างเงียบๆ
ผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนจำนวนหนึ่งเดินผ่านมาทางนี้ เมื่อพวกเขาเห็นหลินเฟิงนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ด้านนอก ก็อดไม่ได้ที่จะตาโตขึ้นมาด้วยความใ
“ทำไมถึงมีคนมาบ่มเพาะพลังอยู่นอกห้องฝึกล่ะ? นี่เขาไม่กลัวถูกคนอื่นรบกวนเอาเหรอ?!” พวกเขาคิดในใจอย่างเงียบๆ
การบ่มเพาะพลังก็เหมือนกับการขัดเกลาจิตใจ จิตใจของผู้ฝึกยุทธ์จะต้องสงบนิ่ง ไร้สิ่งใดรบกวน เพื่อที่จะเข้าสู่สภาวะการบ่มเพาะพลังที่ดีที่สุด และสื่อสารกับหยวนชี่ฟ้าดิน ก่อนจะดึงหยวนชี่เ่าั้เข้าสู่ร่างกาย เพื่อยกระดับพลังของตัวเอง
่เวลาในการบ่มเพาะพลัง คือ่เวลาที่ต้องไม่มีใครมารบกวน
แต่หลินเฟิงกลับมานั่งบ่มเพาะพลังอยู่ด้านนอก ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนเป็อย่างมาก และที่น่าใไปยิ่งกว่านั้นก็คือ การที่รอบตัวของหลินเฟิงกลับมีหยวนชี่เป็จำนวนมากห้อมล้อมเขาไว้ พวกมันไหลเข้าไปในร่างของหลินเฟิงอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่ง นี่เป็สภาวะการบ่มเพาะที่สมบูรณ์ที่สุด
“เ้าหมอนี่ไม่มีหินหยวนเหรอ? ถึงได้มานั่งบ่มเพาะพลังอยู่ตรงนี้?! ถ้าเขาถูกรบกวนใน่เวลาที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะขึ้นมา มันจะน่ากลัวมากเลยนะ”
“พวกไม่มีสมอง มาบ่มเพาะพลังข้างนอกเนี่ยนะ? ถ้าถูกคนไม่หวังดีลอบทำร้ายขึ้นมา ผลที่จะตามมาคงไม่น่าชมเท่าไร”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพากันกระซิบกระซาบ ภายในหอฝึกฝนไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ นอกเสียจากว่าจะมีคนอื่นเข้าไปรบกวนการบ่มเพาะของตัวเอง นี่ก็เพื่อทำให้ศิษย์ของสำนักเทียนอี้มีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะภายในหอฝึกฝนที่ดีที่สุด
แต่หลินเฟิงไม่ได้บ่มเพาะพลังอยู่ในห้องฝึก แต่กลับมาบ่มเพาะพลังอยู่ด้านนอก ซึ่งมันเป็เื่ที่อันตรายมาก
ขณะที่หลายๆ คนมารวมตัวกันอยู่ที่ชั้นนี้ หยวนชี่ที่อยู่ในห้องฝึกข้างๆ หลินเฟิงก็เริ่มอ่อนแอลง ทำให้ฝูงชนพากันตกตะลึง
นี่มันหมายความว่าเวลาบ่มเพาะในห้องนั้นใกล้จะหมดลงแล้ว และผู้ที่บ่มเพาะในห้องนั้นก็กำลังจะออกมา!
ในเวลาเดียวกันหลินเฟิงก็ลืมตาขึ้น หยวนชี่ที่กำลังล้อมรอบตัวเขาอยู่ก็ถูกซึมซับเข้าไปในร่าง เมื่อเห็นแสงสว่างจากห้องที่อยู่ข้างๆ กำลังจางลง ดวงตาของเขาก็ฉายแววยินดีขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นยืน
ฝูงชนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม หลินเฟิงถึงมานั่งบ่มเพาะพลังอยู่นอกห้องนี้ ที่แท้เขาก็กำลังรอให้คนที่อยู่ในห้องนั้นออกมานั่นเอง
แต่หลินเฟิงจะได้ห้องอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งพากันทยอยขึ้นมาที่ชั้น 6 อย่างต่อเนื่อง