เสียงของเสิ่นเสวียนราวกับเสียงพิพากษา ดังเข้าไปยังมิติเื้ั
มิติดำมืดที่ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวพลันสั่นะเืขึ้นมาทันทีหลังจากเสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้น พร้อมกับมีคลื่นพลังสะท้อนกลับออกมา
“เ้า... เ้าสังเกตเห็นข้านานแล้วหรือ”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากมิติดำมืด น้ำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“เ้าคิดอย่างไรล่ะ”
เสิ่นเสวียนหันกลับไปมองด้านหลังอย่างเชื่องช้า
แม้จะมีค่ายกลขวางกั้นไว้ แต่ก็ไม่เป็อุปสรรคสำหรับเขา
ขณะนั้นเอง มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากมิติดำมืดแห่งนั้น
เขาสวมชุดคลุมสีเขียว สวมหมวกขนนก อายุประมาณยี่สิบกว่าปี คิ้วคมดวงตาพราว หล่อเหลายิ่งนัก และเขากำลังมองเสิ่นเสวียนด้วยแววตาหวาดกลัว
“คารวะท่านเซียน”
เขาคารวะเสิ่นเสวียนเล็กน้อย อย่าเห็นว่าเสิ่นเสวียนดูเหมือนเด็กอายุสิบหกปีคนหนึ่ง ทว่าไอพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่าง โดยเฉพาะที่เพ่งเล็งเขาอยู่ทำให้เขารู้สึกกดดันมาก
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเสิ่นเสวียนฝึกฝนอยู่ที่นี่และเขาสังเกตอยู่ตลอด เพียงแต่มีค่ายกลขวางกั้นไว้ จึงมองเห็นเพียงเสิ่นเสวียนนั่งสมาธิอยู่และสร้างหุ่นเชิดชื่อเสิ่นสืออีคนนี้ขึ้นมา แต่ไม่เห็นเสวียนหลิงเอ่อร์
เสวียนหลิงเอ่อร์และเสิ่นเสวียนสังเกตเห็นเขามานานแล้ว ด้วยฝีมือของเสวียนหลิงเอ่อร์แล้ว หากนางอยากให้ใครเห็นก็จะได้เห็น หากนางไม่อยากให้เห็น ใครก็ไม่มีทางเห็นนางได้
“เ้าเห็นทุกอย่างแล้ว”
เสิ่นเสวียนหันไปมองอีกฝ่าย
เขาสังเกตเห็นอีกฝ่ายั้แ่ลงมาถึงที่นี่แล้ว เพียงแต่ตอนนั้นอีกฝ่ายไม่ได้ปรากฏตัวออกมาและตนเองก็รีบร้อนจะฝึกฝน จึงไม่ได้เสียเวลากับอีกฝ่ายนัก ตอนนี้เขาฝึกฝนเรียบร้อยแล้วจึง้าคุยด้วยสักหน่อย และตนเองก็เข้ามาใช้สถานที่ของอีกฝ่ายนานขนาดนี้ ควรจะบอกกล่าวสักเล็กน้อย
“อืม เห็นแล้ว พลังยุทธ์ของท่านเซียนช่างทรงพลัง ข้าน้อยเลื่อมใสยิ่งนัก”
บุรุษหนุ่มกล่าวกับเสิ่นเสวียนอย่างนอบน้อม นอกจากความเลื่อมใสที่มีต่อเสิ่นเสวียนแล้ว ยังเป็เพราะตอนนี้เขาเป็เพียงจิติญญาดวงหนึ่งที่เร่ร่อนอยู่ที่นี่เท่านั้น
“เ้าคือเขา? แล้วอีกสองคนล่ะ”
เสิ่นเสวียนชี้ไปยังโครงกระดูกที่กองอยู่ไม่ไกลพลางถาม
ตอนเพิ่งเข้ามาถึงที่นี่ เขาเห็นโครงกระดูกสามร่างนี้กองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าร่างผุไปเยอะแล้ว เหลือเพียงกระดูกและเสื้อผ้าบางส่วนเท่านั้น และคนหนึ่งในนั้นสวมเสื้อผ้าคล้ายบุรุษหนุ่มคนนี้มาก ไอพลังที่หลงเหลืออยู่บนร่างก็คล้ายคลึงกับของบุรุษหนุ่มคนนี้ จึงวิเคราะห์ได้ว่าเป็คนเดียวกัน
“อีกสองคนดวงิญญาแตกสลายไปนานแล้ว”
บุรุษหนุ่มมองเสิ่นเสวียนด้วยความรู้สึกหวาดกลัว หากต้องสู้กันจริงๆ เสิ่นเสวียนสามารถทำให้ดวงิญญาของเขาแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ
“ข้าน้อยเห็นถึงความสามารถของผู้าุโ หวังว่าผู้าุโจะช่วยเหลือข้าน้อยได้”
บุรุษหนุ่มกล่าวออกมาก่อน พร้อมกับคุกเข่าลงคารวะเสิ่นเสวียน ในน้ำเสียงของเขาค่อนข้างอ้อนวอน
“ช่วยเหลือ?”
เสิ่นเสวียนค่อนข้างสงสัย อีกฝ่ายจะให้เขาช่วยอะไร
“เดิมทีข้าคือรัชทายาทจากแคว้นเฟิงเหลย ถูกคนร้ายวางแผนลอบสังหารที่นี่ ข้าอยาก...”
บุรุษหนุ่มกล่าวถึงแค่นี้แล้วเงียบไป แม้แต่ตนเองยังคิดว่าคำร้องขอของตนเองนั้นมากเกินไป กังวลว่าเสิ่นเสวียนจะปฏิเสธ
“อยากอะไร อยากให้แก้แค้นให้เ้าหรือ”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายพลางกล่าว คนที่ต้องตายอย่างทารุณมากกว่าครึ่งส่วนใหญ่คิดแก้แค้นกันทั้งนั้น แต่ก็ไม่สมหวัง
“เปล่า ข้าอยากให้ผู้าุโช่วยเหลือน้องสาวของข้าออกมา”
บุรุษหนุ่มครุ่นคิดแล้วบอกคำขอของตนเองออกไป
“ว่าต่อไป” เสิ่นเสวียนไม่ได้ปฏิเสธ แต่ให้อีกฝ่ายกล่าวต่อ
แคว้นเฟิงเหลยคือหนึ่งในแคว้นยิ่งใหญ่บนทวีปแห่งนี้ มีอำนาจค่อนข้างมาก ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็รัชทายาทแห่งแคว้นเฟิงเหลย มีฐานะที่ไม่ธรรมดา ทว่ารัชทายาทแห่งแคว้นหนึ่งกลับคุกเข่าลงต่อหน้าผู้ฝึกตนธรรมดาๆ อย่างเขา แสดงให้เห็นว่าเื่ที่เขาร้องขอนั้นไม่ง่ายเลย
“เื่นี้ต้องเท้าความั้แ่เมื่อสิบสามปีก่อน ข้าเคยเป็รัชทายาทแห่งแคว้นเฟิงเหลย ช่วยเหลืองานบ้านเมือง ในวันนั้นข้ากำลังล่าสัตว์อยู่ที่นี่ แต่กลับไม่ทันระวังโดนคนร้ายลอบสังหาร พี่ชายข้าต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถจนตายไปพร้อมกัน สุดท้ายก็เสียสละจิติญญาตนเองเพื่อให้ข้ายังอยู่ต่อไปได้”
บุรุษหนุ่มเล่าเื่ที่เกิดขึ้นใน่เวลานั้นให้เสิ่นเสวียนฟัง ราวกับได้ย้อนกลับไป
“คนนั้นก็คือคนที่ลอบสังหารข้า ข้างๆ คือพี่ชายข้า พวกข้าสามคนตายอยู่ที่นี่ในเวลาเดียวกัน เดิมทีพี่ชายข้า้าใช้พลังทั้งหมดเพื่อส่งข้าขึ้นไป แต่กลับพบว่า้าโดนผนึกไปแล้ว และร่างจิติญญาของข้ายังอ่อนแรงมาก จึงหลับใหลอยู่ที่นี่มานานหลายปี เมื่อข้าฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนยุคสมัยไปแล้ว”
“ข้ารออยู่ที่นี่มาสิบสามปีแล้ว แม้จะออกไปไม่ได้ก็มีคนผ่านมาแถวนี้อยู่บ่อยๆ และข้าสามารถฟังเสียงของพวกเขาได้ ข้าวิเคราะห์จากภาษาและคำพูดของพวกเขาได้ว่า หยวนซงที่ลอบสังหารข้าคือจักรพรรดิคนปัจจุบัน และน้องสาวของข้าโดนขังอยู่ในหอคอยเฟิงเหลย”
บุรุษหนุ่มกล่าวกับเสิ่นเสวียน แม้เขาจะไม่เคยออกไป แต่ข้อมูลที่รวบรวมมาได้สิบกว่าปีที่ผ่านมาทำให้เขารู้เื่โลกภายนอกมากมาย
เสิ่นเสวียนได้ฟังเื่ราวจากอีกฝ่ายก็รู้สึกสับสนมาก นี่คือความขัดแย้งภายในราชวงศ์ เขาเคยได้ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรถูกปกครองด้วยระบอบศักดินามานานสองพันปี เกิดการต่อสู้ขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน และในการต่อสู้ทุกครั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พร้อมกับมีคนตายนับไม่ถ้วน
แคว้นเฟิงเหลยก็เป็อย่างนี้เช่นกัน
“หอคอยเฟิงเหลย...”
เสิ่นเสวียนกล่าวชื่อหอคอยเบาๆ ด้วยชื่อเสียงของแคว้นเฟิงเหลยแล้ว ไม่น่าจะเข้าไปได้ง่ายขนาดนั้น!
“คำร้องขอนี้คงทำให้ผู้าุโลำบากใจ หากท่านช่วยให้ข้าได้สมปรารถนา ไม่ว่าจะเป็อะไรข้าก็ยอม”
บุรุษหนุ่มโค้งคารวะเสิ่นเสวียนอีกหลายครั้ง สำหรับคนในราชวงศ์แล้ว นี่คือการแสดงความเคารพสูงสุด คนทั่วไปคุกเข่าต่อฟ้าดิน จักรพรรดิ ครอบครัว และอาจารย์ ส่วนคนในราชวงศ์คุกเข่าให้เพียงครอบครัวเท่านั้น เพราะพวกเขาคือจักรพรรดิ ตอนนี้อีกฝ่ายคุกเข่าต่อหน้าเสิ่นเสวียน แสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเขาอย่างแท้จริง
“พลังของข้า เ้าก็เห็นแล้วใช่ไหม! รวมไปถึงเขาด้วย”
เสิ่นเสวียนชี้เสิ่นสืออีที่ยืนอยู่ข้างๆ พลังของเสิ่นสื่ออีแข็งแกร่งกว่าเขามาก
“อืม” บุรุษหนุ่มพยักหน้า
“อย่างนั้นเ้าคิดว่า ด้วยพลังของข้ามีโอกาสช่วยน้องสาวของเ้าออกมาได้มากแค่ไหน”
เสิ่นเสวียนอยากรู้แค่ว่าเขาจะมีโอกาสมากเพียงใด เนื่องจากเขาไม่รู้จักหอคอยเฟิงเหลยเลยแม้แต่น้อย
“ศูนย์”
บุรุษหนุ่มบอกออกมาตรงๆ เลยว่าศูนย์ ทำให้เสิ่นเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย
เขาเดาได้ว่าร่างจิติญญาของอีกฝ่ายไม่ได้ต่ำต้อย สำหรับผู้ฝึกตนในทวีปหลิงโซ่วแห่งนี้แล้ว ร่างจิติญญาแข็งแกร่งหรือไม่เกี่ยวข้องกับพลังยุทธ์ของตนเองโดยตรง เคล็ดวิชาฝึกฝนจิติญญาของพวกเขามีอยู่น้อยมาก มีเพียงพลังยุทธ์แข็งแกร่งจึงจะนำพาให้จิติญญาแข็งแกร่งตามไปด้วย ดังนั้นหลังจากพวกเขาตายไป ร่างจิติญญาจึงเหลือเวลาอยู่อย่างจำกัด
แม้ว่าพี่ชายของเขาจะมอบร่างจิติญญาของตนเองให้เขาไปแล้ว ทำให้เขาอยู่รอดมาได้ถึงสิบสามปีโดยไม่แตกสลายไป ตอนนี้เขามีวิธีฝึกฝนให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นได้ แสดงให้เห็นว่าตอนมีชีวิตอยู่เขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน
เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเป็เหมือนผู้เฒ่าจี๋เล่อ และไม่ใช่ผู้เฒ่าจี๋เล่อทุกคนจะได้พบเจอกับเสวียนหลิงเอ่อร์
รัชทายาทผู้นี้ฝึกฝนได้ถึงขั้นนี้ไม่ใช่เื่ง่าย นี่คือเหตุผลที่เสิ่นเสวียนให้ความสนใจเขา
“เ้าให้ข้าไปทำในเื่ที่ไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย จะไม่มากเกินไปหรือ”
เสิ่นเสวียนถามรัชทายาท
“ข้า... ข้าเองก็จนปัญญาแล้ว”
รัชทายาทก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเสิ่นเสวียนเลย
“ข้าเห็นว่าผู้าุโฝึกฝนร่างจิติญญา มีความรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนจิติญญา หากผู้าุโตอบตกลง ข้าน้อยยอมมอบร่างจิติญญาให้ท่าน”
บุรุษหนุ่มคล้ายจะตัดสินใจไปแล้ว ขอเพียงเสิ่นเสวียนตอบรับเขาเท่านั้น
“ร่างจิติญญาของเ้าไม่มีประโยชน์ต่อข้า”
เสิ่นเสวียนส่ายหัว แล้วเขาก็เดินไปหาโครงกระดูกสามร่างนั้น เขานั่งยองๆ ลงไป แล้วหยิบเอาป้ายทองขึ้นมา
“เว่ยเฉิงเย่”
เสิ่นเสวียนอ่านชื่อเว่ยเฉิงเย่ที่เขียนไว้บนป้ายนั้น พลางหันมองบุรุษหนุ่ม
“ชื่อข้าเอง”
บุรุษหนุ่มกล่าวทันที