“ฮึ เ้าอย่ามายุแยงความสัมพันธ์พี่น้องเรานะ ซานกุ้ย เ้าอย่าเชื่อเขา เ้าเป็ลูกท่านแม่ที่เลี้ยงมาั้แ่ตัวเท่าฝาหอย ตอนเด็กมีใครบ้างที่ไม่เอ็นดูเ้า เพียงแต่ต่อมามีน้องสี่ ความใส่ใจของท่านแม่ที่มีต่อเ้าจึงลดน้อยลง” หลิวเหรินกุ้ยเอ่ย
หากว่าหลิวซานกุ้ยไม่ได้เติบโตมาข้างกายท่านปู่ท่านย่า ก็คงจะเชื่อเขาไปแล้ว
“พี่รอง ที่จริง...” หลิวซานกุ้ยสูดลมหายใจลึกๆ แล้วรวบรวมกำลังใจ อย่าไปกลัว เื่ราวข้อเท็จจริงก็เป็เช่นนี้!
“พี่รอง ที่จริง พี่รู้อยู่แล้วั้แ่แรก!”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เื่ที่เคยหนักอึ้งอยู่ในหัวใจเมื่อเอ่ยปากพูดออกไปแล้วกลับไม่ได้รู้สึกยากเย็นอย่างที่คิด หากว่าหลายปีก่อนคนในตระกูลหลิวไม่ได้ปฏิบัติตัวแย่กับเขา เขาเองก็คงไม่เกิดความคิดอยากสืบประวัติของตนเอง ใครจะรู้ว่าเื่ราวกลับเป็เช่นนี้
เมื่อคิดถึงทัศนคติของหลิวฉีซื่อใน่หลายปีที่ผ่านมา เขาเองก็พอมีเงื่อนงำในใจ เพียงแต่ไม่อยากเผชิญหน้ามาตลอด เขาอยากมีรากฐาน อยากมีครอบครัว เขาไม่้าสืบออกมาว่าตนเองเป็ลูกกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง
หลิวเหรินกุ้ยใมากและเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง “เ้ารู้อยู่แล้วหรือ?”
“ใน่หลายปีที่ผ่านมา ทั้งสี่พี่น้องมีเพียงข้าที่มีชีวิตย่ำแย่ที่สุด แต่ก่อนท่านแม่มักจะบอกว่าข้าซื่อตรง กลัวว่าจะถูกคนอื่นหลอก ข้าคิดว่าท่านแม่ทำเพื่อข้า แต่ต่อมาหลังจากที่ข้ามีเมียมีลูก ชีวิตก็ทนทุกข์มากขึ้นทุกวัน ส่วนพวกเ้ากลับมีชีวิตที่ดีขึ้นทุกวัน”
หลิวซานกุ้ยหายใจเข้าลึกๆ หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่เกิดการทำร้าย
เนื่องจากความเห็นแก่ตัวของหลิวฉีซื่อที่ไม่้าให้ครอบครัวของหลิวซานกุ้ยได้อาศัยบุญวาสนาของบุตรชายคนเล็ก และไม่้าให้เขาได้รับส่วนแบ่งในที่นาดีของบ้านจวงจื่อในอนาคต กระนั้นจึงจัดการเขี่ยตัวภาระอย่างเขาออกไป
หลิวฉีซื่อคิดว่าเมื่อตนเองได้มีชีวิตอย่างเ้าของที่ผู้ร่ำรวย จะทำให้ครอบครัวหลิวซานกุ้ยชื่นชมและอิจฉา
ใครจะรู้ว่าเขาได้แอบไปเล่าเรียนลับหลังนาง อีกทั้งยังเรียนเพียงสองปีก็สามารถสอบซิ่วไฉอันดับปิ่งเซิงกลับมาได้
บุตรชายที่นางเคยบอกไว้ว่าเรียนไม่เก่งกลับกลายเป็อัจฉริยะ
หลิวฉีซื่อถูกชกเข้าที่ใบหน้าอย่างดุเดือด ส่วนหลิวซานกุ้ยก็ตื่นได้สติเพราะตนเอง
เมื่อหลิวเหรินกุ้ยได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็ถอนหายใจอย่างแรง ท่านแม่คือหลุมั์
มารดาขุดหลุม ส่วนบุตรชายมาเติม!
“คือว่า น้องสาม แต่ก่อนพี่รองทำไม่ถูก คิดว่าถึงอย่างไรเ้าก็อยู่เคียงข้างท่านพ่อท่านแม่ พวกเราสี่พี่น้องมีเพียงเ้าที่ยอมอยู่ที่ชนบท เห็นทีที่นาเ่าั้ก็คงเหลือไว้ให้เ้า ดังนั้นทั้งที่รู้ว่าเ้าสวมเสื้อเก่าขาด แต่กลับไม่เคยเก็บไปคิด นี่เป็ความผิดของพี่รอง ข้าก็แค่ได้ยินท่านแม่พูดอยู่บ่อยๆ ว่าเ้ามักจะไปสวนกับท่านพ่อ คงไม่ได้สวมใส่ผ้าไหมเป็ทางการอะไร แต่ผ้าหยาบนั้นคงทนไม่ขาดง่าย”
หลิวเหรินกุ้ยพูดวกไปวนมาก็ผลักความผิดไปที่ตัวหลิวฉีซื่อทั้งหมด
ที่พวกเขาไม่ได้ทำดีกับหลิวซานกุ้ย ล้วนเป็ความผิดของมารดา
หลิวฉีซื่อฟังแล้วจุกในอก แต่บุตรชายคนรองก็เอาแต่ส่งสายตาให้นาง คนที่ชอบเ้ากี้เ้าการคนอื่นมาตลอด เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายจึงได้แต่ฟังคำของบุตรชายคนรอง
หลิวซานกุ้ยนิ่งเงียบเมื่อได้ยิน เป็เพราะว่าตนเองไม่ใช่ลูกในไส้จึงไม่ให้เรียน ทั้งที่รู้ว่าตนเองมีพร์ในด้านการเรียน แต่มากดเขาไว้เช่นนี้ก็เพียงเพื่อไม่ให้เขาขึ้นไปอยู่เหนือน้องสี่
เกาจิ่วทนดูไม่ได้อีกต่อไป “หลิวเหรินกุ้ย เ้าพูดจาหนึ่งพันลี้อ้อมหนึ่งหมื่นลี้ ก็คือไม่ยอมรับว่าหลิวซานกุ้ยไม่ใช่น้องแท้ๆ ของเ้า ใช่หรือไม่?”
“เขาเป็ลูกในไส้ของแม่ข้า จะบอกว่าไม่ยอมรับได้อย่างไร?” หลิวเหรินกุ้ยกัดไม่ปล่อยในเื่นี้
ล้อกันเล่นน่า ขืนยอมรับว่าหลิวซานกุ้ยไม่ใช่ลูกในไส้ ครอบครัวเขาจะเอาผลประโยชน์จากครอบครัวสามได้อย่างไรอีก
หลิวซุนซื่อกะพริบตาปริบๆ ดูเหมือนว่านางจะได้ยินความลับสุดยอดอะไรบางอย่าง แต่บุตรชายคนโตก็ไม่อยู่ตรงนี้ ทำอย่างไรดี นางจะแสดงต่อดีหรือไม่?
ใช่สิ บุตรชายกล่าวว่า นางต้องยืนหยัดอยู่ข้างครอบครัวอาสามอย่างหนักแน่น
ดังนั้นหลิวซุนซื่อจึงเอ่ยปาก “พ่อของลูก เ้าลองฟังคำพูดนายท่านจิ่วให้จบก่อน สีขาวมิอาจเป็สีดำ สีดำมิอาจเป็สีขาวได้ ข้ากลับคิดว่าเื่นี้น่าจะเป็ความจริง อีกอย่างท่านแม่เราก็ไม่เคยใส่ใจครอบครัวสามจริงๆ เ้าอยู่ที่ตำบลคงไม่ค่อยเห็น ข้าพาลูกกลับบ้านมาบ่อยครั้ง ท่านแม่เราวันๆ เอาแต่ด่าทอครอบครัวเขา”
หลิวเต้าเซียงตัดสินใจทำดีกับหลิวซุนซื่อสักหน่อย เพราะเื่ดีที่นางทำในวันนี้ จึงคิดว่าต่อไปจะไม่ชักสีหน้าใส่นางอีก
มนุษย์ตัวจิ๋วในใจของหลิวซุนซื่อกำลังโปรยดอกไม้ โอ๊ย นางยิ้มแล้ว นางยิ้มแล้ว ข้าต้องทำได้ถูกต้องแน่
หลิวฉีซื่อคันไม้คันมือ นางอยากจัดการคนเลวอย่างนางแพศยาหลิวซุนซื่อ
“ซุนซื่อ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เ้ามีสิทธิ์พูด ถอยไป เป็แค่ผู้หญิงมาพูดจาเพ้อเจ้ออะไร” เพียงคำพูดเดียวของหลิวเหรินกุ้ย ก็ทำให้หลิวซุนซื่อกลับเข้าที่
หลิวเต้าเซียงยิ้ม “ลุงรอง เราไม่รีบร้อน ใช่สิ ชุนเจียว ไปบอกป้าเซวียว่าทำอาหารไว้ จะต้องเตรียมอาหารที่จะทำไว้ให้ดี อีกเดี๋ยวข้าจะไปเข้าครัวเอง”
ซูจื่อเยี่ยมีความสุข หางตายิ้มโค้ง จะได้กินอาหารที่แม่สาวน้อยทำเองอีกแล้ว เด็กดี เขาไม่ได้กินนานแล้ว ตอนนี้กำลังน้ำลายสอ
เกาจิ่วพูดไม่ออก อาหารที่แม่สาวน้อยทำอันที่จริงก็ธรรมดาทั่วไป แน่นอนว่าไม่ได้อร่อยไปกว่าอาหารที่พ่อครัวในโรงเตี๊ยมทำ
แต่เขาไม่กล้าพูดเื่นี้ เพียงแต่ทอดถอนในใจ ผู้หญิงถ้าอยากจะกำหัวใจชายหนุ่มไว้ได้ ก็ต้องกำกระเพาะของเขาให้ได้
หลิวเต้าเซียง้าเอาใจซูจื่อเยี่ย ใครใช้ให้ครอบครัวของนางเป็เพียงปุถุชนธรรมดา ตอนนี้ในบ้านมีเงินแล้ว แต่ก็ยังต้องเอาใจนายท่านที่อยู่ในคราบเสือคนนี้!
จางกุ้ยฮัวดีใจเพียงใดคงไม่ต้องเอ่ย เฮ้อ มารดาแท้ๆ ซานกุ้ยของเราไม่ใช่ลูกในไส้ของนางเฒ่าอสรพิษจริงๆ
นางกวักมือเรียกคนรับใช้ให้ยกเก้าอี้มาไม่น้อย จากนั้นให้รินน้ำชาและวางเมล็ดทานตะวัน
หลิวเต้าเซียงเหลือบมอง ดื่มชากับแทะเมล็ดทานตะวัน ย่อมเท่ากับการดูละคร!
“ช่างเถิด พวกเ้าหากไม่กระแทกกำแพงทิศใต้คงไม่กลับลำ วันนี้ข้าจะเชิญพยานรู้เห็นมา”
เกาจิ่วมองไปที่ดวงตาของเ้านายที่กำลังมองถ้วยชา โอ้ นี่หมายถึงนายน้อยพร้อมที่จะนั่งดูฉากสนุกแล้ว!
ในเมื่อนายน้อย้าความบันเทิง สุนัขรับใช้อย่างเขาก็ต้องรีบสรรหามาให้
อันที่จริงเดิมทีหลิวฉีซื่อก็ร้อนตัวอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเกาจิ่วเอ่ยเช่นนี้ อวัยวะภายในของนางก็สั่นสู้ คงไม่ใช่ว่าเ้าสุนัขนี่กำช่องโหว่อะไรได้แล้วหรอกนะ
หลิวเหรินกุ้ยตอบว่า “ไม่ว่าเ้าจะเชิญใครมา น้องสามก็คือคนในครอบครัวข้า แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยคล้ายพ่อแม่ข้า แต่เขาก็เหมือนกับท่านย่าซึ่งข้ามรุ่น!”
ในที่สุดเขาก็นึกได้ว่า แต่ก่อนท่านพ่อมักจะบ่นอยู่เสมอว่าพี่น้องสี่คน มีเพียงเ้าสามที่เหมือนกับมารดาของท่านพ่อที่สุด
เกาจิ่วยิ้มและยอมรับอย่างมีความสุขว่า “ใช่ ซานกุ้ยดูเหมือนท่านย่าของเ้า”
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าหลิวฉีซื่อจะทารุณหลิวซานกุ้ยใน่หลายปีที่ผ่านมาอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครสงสัยว่าเขาไม่ใช่ลูกในไส้
หลิวเต้าเซียงนั่งลงข้างๆ ขณะที่ชิงเหมยกำลังยกน้ำชามาให้นางอย่างนอบน้อม นางเงยหน้าขึ้นมองสองพี่น้องของตน ตอนนี้ทั้งหลิวชิวเซียงและหลิวชุนเซียงก็นั่งลงดื่มน้ำชาและแทะเมล็ดทานตะวันแล้ว
มุมปากของนางกระตุกเล็กน้อยแล้วยื่นมือมาลูบปลายจมูก เหมือนว่านางได้นำพาพี่น้องของตนออกนอกลู่นอกทางแล้ว
อีกทั้งยังเป็การมุ่งหน้าไปอย่างบ้าคลั่ง ไม่กลับตัวจนตัวตาย!
ช่างเถิด ์พังทลายก็ยังมีคนตัวสูงกว่าช่วยค้ำไว้ เื่นี้ปล่อยให้มารดาเป็คนกังวลใจดีกว่า
ทางด้านเกาจิ่วก็ได้เรียกคนติดตามให้ไปเชิญคนในหมู่บ้านมา
บุคคลที่ถูกเชิญปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตู หลิวฉีซื่อกลับคาดคิดไม่ถึง
“หลิวต้าฟู่!”
นางคำรามอย่างโกรธมากและพูดว่า “เ้ามาที่นี่ได้อย่างไร!”
จริงๆ เลย มีหนอนบ่อนไส้เช่นนี้ด้วยหรือ?
หลิวต้าฟู่เหลียวมองนางอย่างเ็า ตอนนั้นบิดามารดาของเขาคิดว่าเด็กสาวที่มาจากในจวนตระกูลใหญ่ต้องได้รับการพร่ำสอนมาอย่างดี ก่อนที่จะสู่ขอหลิวฉีซื่อมา มารดาของเขายังเขย่งเท้าเฝ้ารอคอยทุกวัน หวังว่าลูกสะใภ้คนนี้จะเป็คนที่เก่งกาจและพยุงครอบครัวนี้ได้
หลิวฉีซื่อเองก็ไม่ทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง เพียงแต่เก่งกาจเกินเหตุ
“ข้ามาไม่ได้หรือ? นี่คือบ้านของซานกุ้ย” หลิวต้าฟู่คิดถึงอดีตที่ผ่านมาในใจ
นับั้แ่ปีที่แล้วที่หลิวฉีซื่อพาหลิวเสี่ยวหลันไปอาศัยอยู่ในจังหวัดราวครึ่งปี วันเวลาที่ไม่มีเงาของนางปรากฏออกมา เขาค้นพบทันใดว่า่ที่ไม่มีนางอยู่นั้นเปรียบดั่งการใช้ชีวิตอยู่บน์
เขาจำได้ว่าหลายวันก่อนหน้านี้ เกาจิ่วแอบส่งคนมาเชิญเขาให้ไปที่ตำบล
ในวันนั้นเพิ่งจะฟ้าแจ้ง เขาจึงไม่วางใจเื่ในไร่นา พร้อมกับคิดว่าอีกไม่กี่วันลาของเ้าสามคงไม่ว่าง จึงได้ไปขอยืมลาและสวมคันไถเพื่อจัดการที่นาของตน
“นายท่านหลิว โอ้ ท่านถึงขั้นลงมือทำนาเองเลยหรือ ทำงานก็ดี จะได้ออกกำลังกายไปในตัว ร่างกายแข็งแรง”
ในตอนนั้นเอง มีเด็กหนุ่มใบหน้าสะอาดสะอ้านสวมชุดผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีน้ำเงิน คาดเอวด้วยผ้าสีเดียวกันปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ริมฝีปากนั้นราวกับทาน้ำผึ้งเคลือบ คำพูดดีๆ พรั่งพรูออกมาราวกับไม่คิดเงิน
แม้ว่าหลิวต้าฟู่จะไม่ใช่เ้าของที่ดินผู้ร่ำรวยตัวจริง แต่เขาก็พอมีสายตาที่เฉียบแหลมอยู่บ้างจึงจำได้ว่าคนใช้ในจวนตระกูลหวงก็แต่งตัวเช่นนี้ เพียงแต่ผ้าฝ้ายที่สวมใส่ไม่ได้ดีเท่านี้
เขาจึงคิดได้ว่า หนุ่มคนนี้น่าจะมาจากคนตระกูลใหญ่
“เ้าคือ?”
เขาไม่รู้จักชายหนุ่มตรงหน้าจริงๆ
ใบหน้าที่มองอีกฝ่ายนั้นบ่งบอกว่า เ้าทักผิดคนหรือไม่!
ผู้มาเยือนหัวเราะและพูดว่า “เ้านายของข้าคือเ้าของโรงเตี๊ยมฟู่กุ้ย คนเรียกขานว่านายท่านจิ่ว”
เขารู้จักโรงเตี๊ยมฟู่กุ้ย เป็โรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในตำบล ขณะเดียวกันก็เป็ร้านอาหารที่มีราคาแพงที่สุดเช่นกัน
หลิวต้าฟู่ไม่เคยเข้าไปกินอาหารในนั้น เขาเคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่า ชาตินี้จะมีโอกาสได้ไปกินสักครั้งหรือไม่
“นายท่านจิ่ว้าเชิญท่านไปทานอาหารที่โรงเตี๊ยมในตำบลเพื่อพูดคุยกันขอรับ”
ชายคนนั้นได้กวักมือเรียกคน ที่แท้เขายังพาคนมาอีกด้วย จากนั้นก็สั่งงานอีกสองคนว่า นายท่านจิ่วเชิญนายท่านหลิวไปดื่มสุรา ให้คนติดตามอีกสองคนไปช่วยทำงานในนาแทนก่อน
หลิวต้าฟู่ไม่กังวลว่าเกาจิ่วจะทำอะไรไม่ดีกับเขา
เพราะรู้ว่าเกาจิ่วกำลังทำธุรกิจร่วมกับบุตรชายคนที่สาม
“ข้าไม่รู้ว่านายท่านจิ่วของเ้ามีธุระเื่ใดกับข้า? ลูกชายสามข้าอาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ ดูสิ บ้านที่ล้อมด้วยกำแพงหินร่วนตรงนั้น ตอนนี้เขากำลังถมพื้นราบ เพื่อเตรียมสร้างบ้านที่สวยงามและหลังใหญ่”
เมื่อพูดถึงหลิวซานกุ้ย ใบหน้าของหลิวต้าฟู่ก็สดใสมาก เขาแทบรอไม่ไหวที่จะบอกให้ทุกคนในโลกรู้ว่าตัวเขานั้นมีบุตรชายที่เก่งกาจเพียงใด
ชายหนุ่มยิ้ม “โอ้ นายท่าน ไม่ต้องให้ท่านพูดหรอกขอรับ ข้าน้อยเองก็รู้มาว่าในละแวกนี้ ซิ่วไฉที่ร่ำรวยที่สุดก็คือลูกชายสามของท่าน นายท่านจิ่วไม่ได้หาคนผิดขอรับ เขากำลังตามหาท่าน”
“ไม่ผิดหรือ? เขาตามหาข้า?”
“ไม่ผิดขอรับ! คือท่าน!”
หลิวต้าฟู่ไม่สบายใจนัก เขาเป็คนที่ไม่ค่อยออกจากบ้าน แล้วจะตามหาเขาด้วยเื่อันใด?
“บอกได้หรือไม่?” เขาถาม
“ข้าน้อยไม่รู้!”
หลิวต้าฟู่ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเกาจิ่ว แต่สุดท้ายก็ตามชายหนุ่มเข้าไปในตำบล
สาเหตุหลักเพราะเห็นชายหนุ่มอีกสองคนแย่งงานในมือเขาไปทำแล้ว เขาจึงยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงทุ่งนา
เกาจิ่วรอคอยหลิวต้าฟู่มานานแล้วในห้องส่วนตัวที่ดีที่สุดของร้านอาหาร
เมื่อคนรับใช้รายงานว่าหลิวต้าฟู่มาถึงแล้ว เขาก็รีบให้คนไปเชิญหลิวต้าฟู่เข้ามา
-----