มือที่ตกอยู่ข้างกายของเย่เทียนเซี่ยยกขึ้นเงียบๆแล้ววางลงบนแผ่นหลังของซูเฟยเฟยเพื่อโอบกอดเธอเบาๆ ตอนนี้ในใจของเขาเต้นแรงก็เพราะซูเฟยเฟย
มันชัดเจนแล้วว่าในใจของเขานอกจากเซียนเอ๋อร์แล้ว ก็ไม่อาจรับใครเข้ามาได้อีก แต่ทำไมนะ............ แค่ได้เจอครั้งแรกเขาก็มีความหวังว่าอยากจะปกป้องเธอ........... บางครั้งที่เธอแกล้งเขา เขาเองก็ไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด กลับกันเขากลับเพลิดเพลินไปกับอารมณ์ของเธอไปตอนนั้นด้วยซ้ำ เมื่อเห็นเธอยิ้มหัวใจของเขาก็เต้นถี่ขึ้นมาอย่างประหลาด........ ทำไมเวลาที่ได้ยินเสียงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวของเธอ หัวใจของเขาก็เ็ปขึ้นมา
จริงๆแล้วมันคือการคงอยู่ของโชคชะตาอันแปลกประหลาดหรือเปล่า............
ตอนนี้เขาเชื่อว่า............ เขาไม่อยากให้เธอทุกข์ใจ ไม่อยากเลยสักนิด ครั้งนึงก็ไม่เคย แต่ว่า..............
เซียนเอ๋อร์ ฉันจะทำยังไงดี..............
คนสองคนอยู่ใกล้ชินกัน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและหัวใจที่เต้นถี่ของอีกฝ่ายท่ามกลางความเงียบงัน ั้แ่ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยอีกครั้ง
ความสัมพันธ์บางอย่างถ้าถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ต่อให้กาลเวลาหมุนเวียนไปนานแค่ไหน อยู่ห่างกันเท่าไร มันก็ไม่มีวันขาดออกจากกันได้อย่างแน่นอน
ร้อยปี..................
พันปี...............
หมื่นปี.....................
แม้ว่าจะต้องใช้เวลายาวนานเท่าไรเพื่อรอคอย ใช้ทั้งชีวิตและจิติญญาเพื่อตามหา................
ฉันก็อยากจะพบเธออีกครั้ง..................
————
————
เมื่อเปิดคอมพิวเตอร์แล้วเข้าไปในกระทู้โลกของ World of Fate เย่เทียนเซี่ยก็ถึงกับต้องยิ้มออกมาอย่างช่วยได้....... เพราะมองแค่แวบเดียวสิ่งที่กำลังพูดถึงกันบนหน้าจอก็ดูเหมือนจะเป็หัวข้อที่เกี่ยวกับเซี่ยเทียนทั้งนั้น
แต่จุดที่พวกเขาถกเถียงกันกลับไม่ใช่เื่ที่เขาทำภารกิจระบบทหารรับจ้างของเขตหัวเซี่ยสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวในวันนี้ แต่เป็...........เื่ที่เขาจัดการคนสามสิบคนจากโบสถ์จิติญญาแห่งาใจกลางเมืองเทียนเฉินเพื่อเฉินซิน วีดีโอเกี่ยวกับการต่อสู้ถูกคนจำนวนไม่น้อยถ่ายเอาไว้แล้วเอามาโพสลงในกระทู้โลกมันจึงนำมาซึ่งความโกลาหลครั้งใหญ่ ด้วยท่วงท่า การเปลี่ยนตำแหน่ง และความคล่องตัวอันน่าทึ่งของเขาในครั้งนั้น รวมทั้งความสามารถในการโจมตีอันน่ากลัวของเขาในตอนนั้นทำให้ผู้เล่นทั่วโลกล้วนจับตามองมาที่เขา
หากรวบรวมข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขา............. ผ่านการทดสอบระดับนรกด้วยตัวเพียงคนเดียว ในตอนที่รายการจัดอันดับเลเวลเพิ่งประกาศออกมาก็สามารถทะยานจากอันดับที่พันกว่าขึ้นมาเป็อันดับหนึ่งได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ค่าชื่อเสียงในรายการจัดอันดับชื่อเสียงก็สูงจนน่ากลัวถึง 1,800 หน่วย...........
อยู่ใน World of Fate เหมือนกัน มีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกัน ทำไมเขาถึงก้าวเข้าไปถึงระดับนั้นได้!?
ดูเหมือนในหัวของคนที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเื่นี้จะพุ่งไปที่............ เย่เทียนเซี่ยจากหัวเซี่ยคนนั้นคงใช้ช่องโหว่ของ World of Fate เพื่อให้พลังของตัวเองล้ำหน้าผู้เล่นคนอื่นๆ
เมื่อความคิดนี้ปรากฏออกมาก็นำมาซึ่งปฏิกิริยาลูกโซ่ที่รุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ปฏิกิริยาที่รุนแรงที่สุดก็คือเหล่าประเทศที่มองประเทศหัวเซี่ยไม่ค่อยดี ความแข็งแกร่งของเซี่ยเทียนแห่งหัวเซี่ยก่อให้เกิดความตื่นตะลึงและความไม่เป็ธรรมภายในใจของพวกเขา วันนี้การที่รายการเกียรติยศแห่งเขตามีเพียงประเทศหัวเซี่ยเพียงประเทศเดียวก็ยิ่งเป็การกระตุ้นพวกเขาอย่างรุนแรง..........ดังนั้นผู้คนนับไม่ถ้วนจึงเกิดความคิดอยากจะกำจัดต้นเหตุของประเทศหัวเซี่ยทิ้งไปซะ
ดังนั้นพวกเขาจึงทำการร้องเรียนไปยังกลุ่มการค้าเทียนว่าย เมื่อมีการร้องเรียนของประเทศแรกปรากฏขึ้นมา มันก็พัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องจนมีทั้งหมดยี่สิบกว่าประเทศ บทสรุปของเื่นี้จึงอยู่ในความสนใจของทั่วโลก
แต่การร้องเรียนนั้นยังถูกส่งออกไปไม่ถึง 20 ชั่วโมง กลุ่มหารค้าเทียนว่ายก็ทำการตอบกลับทันที แต่ทว่า............คนที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่กลุ่มการค้าเทียนว่าย แต่เป็อัลฟ่าผู้พัฒนา World of Fate ร่วมกันกับผู่ลั่วซือและยังเป็ผู้พัฒนาหลักที่ตอนนี้กลับไปยังดาวบ้านเกิดแล้วอีกด้วย
“World of Fate คือโลกที่สมบูรณ์แบบและเป็อิสระ โลกใบนี้มีโชคชะตาของมันเอง ดังนั้นมันจึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าช่องโหว่เหมือนเกมเสมือนจริงที่มีอยู่ในโลกของพวกคุณก่อนหน้านี้ พวกเราไม่ยอมรับการคงอยู่ของช่องโหว่ เส้นทางที่เซี่ยเทียนแห่งหัวเซี่ยก้าวเดินไปก็คือเส้นทางแห่งโชคชะตาที่เป็ของเขา ทั้งหมดของเขาล้วนขึ้นยู่กับโชคชะตาและพลังของเขา ไม่มีการฉวยโอกาสใดๆทั้งสิ้น ถ้าพวกคุณจะอิจฉา ไม่สู้ใช้สองมือ สมองและหัวใจของพวกคุณพยายามค้นหาเส้นทางแห่งโชคชะตาที่งดงามยิ่งกว่าไม่ดีกว่าเหรอ”
และอัลฟ่าก็พูดประโยคสุดท้ายออกมาอย่างไม่มีความเกรงใจใดๆ “ผมจะไม่อธิบายอีกเป็ครั้งที่สอง World of Fate ชื่นชมในผู้ที่เชื่อมั่น........ ถ้าไม่เชื่อมั่น ก็ไปซะ”
หลังจากการตอบกลับของอัลฟ่าถูกเผยแพร่ออกมาก็ไม่มีใครร้องเรียนเื่นี้อีก และประโยคสุดท้ายของอัลฟ่า........ ถ้าเกมเสมือนจริงใดๆก็ตามก่อนหน้านี้มีประกาศอย่างเป็ทางการเช่นนี้คงจะต้องถูกผู้เล่นโกรธเอาอย่างแน่นอน และจะนำไปสู่การรวมตัวของผู้เล่นเพื่อต่อต้านเกมเสมือนจริงนั้นๆ เพราะสำหรับเกมเสมือนจริงแล้วผู้เล่นคือพระเ้าของพวกเขา...... แต่เมื่อจำนวนผู้เล่นของ World of Fate มีจำนวนที่น่ากลัวโดยมีจำนวนเกินสี่พันล้านคนภายในระยะเวลาไม่ถึงสองอาทิตย์เช่นนี้มันจึงไม่ใช่เกมออนไลน์เสมือนจริงธรรมดาๆอีกต่อไป ตอนนี้ถ้ามีใครใช้ทฤษฎีบั๊คที่มีชื่อว่าเซี่ยเทียนมาต่อต้าน World of Fate และทำการกดดันกลุ่มการค้าเทียนว่ายล่ะก็ มันคงจะเท่ากับการทำให้ประชาชนทั้งโลกไม่มีโทรศัพท์ใช้อย่างไม่ต้องสงสัย
และเพราะเื่นี้จบลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ความกดดันที่เซี่ยเทียนนำมาสู่ผู้เล่นและเขตาอื่นๆจึงยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีกหลายเท่า เสียงพูดคุยถกเถียงกันเกี่ยวกับเขายิ่งร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ข่าวลือและข่าวสารเล็กๆน้อยๆต่างๆก็ยิ่งทวีความลึกลับขึ้นไปด้วยเช่นกัน
เมื่อดื่มชานมสูตรผสมพิเศษของซูเฟยเฟยหมดแล้วเย่เทียนเซี่ยก็เดินไปถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์ออก เขาหลับตาเงยหน้าขึ้นก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อคิดทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพบเจอหลังจากที่เข้าไปใน World of Fate ห้วงเวลาแห่งโชคชะตาและกั่วกัวทำให้เขาได้กลิ่นแปลกๆจาก World of Fate ใน่นี้จริงๆแล้วเขาก็ค้นหาเกี่ยวกับเื่นี้มาโดยตลอด แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็ปรากฏขึ้นมาข้างกายเขาครั้งแล้วครั้งเล่า........ ั้แ่อาชีพัปีศาจพิชิตฟ้า จนไปถึงสร้อยข้อมือเจ็ดสี และไปถึงม้วนคัมภีร์ระดับ์ ‘พรแห่งพระเ้า’ ที่เพิ่งจะโผล่มานี่อีก การปรากฏของสิ่งเหล่านี้ได้ทำลายความเท่าเทียมกันของโลกเกมเสมือนจริงปกติไปแล้วโดยสิ้นเชิง
ถ้าเกมเสมือนจริงเกมหนึ่งขาดความเท่าเทียมกันซึ่งเป็สิ่งที่พื้นฐานที่สุดล่ะ? ผลที่ตามมาโดยตรงจะเป็ยังไง? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกมเสมือนจริงแบบนี้คงยากที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต แต่ World of Fate กลับแตกต่างออกไป......... สิ่งที่ทำให้เย่เทียนเซี่ยสนใจที่สุดก็คือขณะเขาได้ค้นพบสิ่งที่ไม่ควรปรากฏขึ้นมาเหล่านี้ แล้วคนอื่นๆล่ะ?
ผู้เล่นคนอื่นๆในประเทศเดียวกัน และเหล่าผู้แข็งแกร่งในประเทศอื่นๆล่ะ?
จะต้องมีคนค้นพบมันเหมือนกัน! เขามั่นใจ
ใน่บ่ายเขาเฝ้าคิดทบทวนถึงเื่ที่เขาจำเป็ต้องคิดอยู่เงียบๆ
เที่ยงของวันต่อมาหลังมื้อเที่ยง
วัดอู๋ฮวา ณ ถนนทางเหนือของเมืองเทียนเฉิน
ในครั้งนี้เย่เทียนเซี่ยก็ยังคงไม่เห็นผู้เล่นคนอื่นๆเช่นเดียวกับที่เขาเคยมาเยือนที่แห่งนี้ครั้งแรก และนักพรตที่อยู่ภายในวัดก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่นักพรตคนเดิมที่ส่งเขาไปยังสุสานเทพ์ ทว่าเขาคือนักพรตชราอีกคนที่ดูอ้วนท้วนสมบูรณ์
เขาคือนักพรตที่สามารถมองเห็นได้ั้แ่ระยะไกลกว่า 80 หลา ศีรษะของเขาดูโล่งเตียนอย่างเป็ธรรมชาติ ริ้วรอยบนใบหน้าก็ดูยับย่นมากกว่าเปลือกไม้พันปี เมื่อเห็นเย่เทียนเซี่ยเดินเข้ามาสีหน้าของเขาก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลง สองมือของเขายกขึ้นพนมมือแล้วพูดออกมาอย่างสงบ “ผู้ใจบุญท่านนี้ เ้ามารับภารกิจใช่หรือไม่?”
“ใช่ครับ รบกวนท่านส่งผมไปที่ซากหมื่นกระดูกด้วยครับ” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับไปอย่างมีมารยาท ขณะเดียวกันนั้นสายตาของเขาก็กวาดมองไปรอบๆ........ ที่แห่งนี้ว่างเปล่า ไร้เงาของนักพรตอู๋ฮวาที่เขาเจอเมื่อวานนี้
เมื่อวานเมื่อเสียงสวดมนต์ “แรก........เริ่ม..........คือ............ เ้า...........ต้อง........การ...............จาก........ไป.........จาก............ไป........ก็...........จาก.......ไป.............” ดังไปเข้าหูเขาที่อยู่นอกวัดแห่งนี้ เขาก็แทบจะไม่กล้าเดินเข้ามาเลยทีเดียว
“ซากหมื่นกระดูก......... อมิตตาพุทธ สถานที่แห่งนั้นเป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และยังน่ากลัวมากด้วย ที่น่ากลัวก็คือกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนที่กองอยู่ในที่แห่งนั้น ที่ศักดิ์สิทธิ์ก็คือกระดูกที่กองอยู่ในที่แห่งนั้นล้วนเป็กระดูกของวีรบุรุษ และเทพาจ้านอู๋กุยผู้โด่งดังก็ถูกฝังเอาไว้ที่นั่นเช่นเดียวกัน....... แต่ว่าแม้วีรบุรุษจะตายไป แต่ิญญาของวีรบุรุษกลับไม่ตายตามไปด้วย มันยังคงอยู่เพื่อปกปักษ์พื้นที่แห่งนั้น ดังนั้นหลายปีผ่านไปกระดูกของเทพาจึงยังคงไม่ได้ถูกนำกลับไปที่บ้านเกิดของท่าน.......... เ้าหนุ่มผู้กล้าที่มาจากต่างแดนเอ๋ย หวังว่าการเดินทางของเ้าในครั้งนี้จะสามารถทำให้ความปรารถนาของประชาชนชาวทวีปที่สาบสูญสำเร็จไปได้นะ” นักพรตชราตั้งใจพูดออกมาอย่างละเอียด
“ครับ” เย่เทียนเซี่ยอดแสดงสีหน้าใจร้อนออกไปไม่ได้ จากนั้นเขาก็ตอบรับอย่างตั้งใจ
“แล้วมีเ้าเพียงคนเดียวรึ?”นักพรตชราพนมมือขึ้นพูด
“ครับ รบกวนท่านช่วยส่งผมไปที่นั่นด้วยครับ” เย่เทียนเซี่ยตอบออกไป
“อมิตตาพุทธ วันนี้อาตมาส่งกลุ่มผู้กล้าไปที่แห่งนั้นแล้วกว่า 372 กลุ่ม เ้าเป็คนแรกที่ยินดีไปที่นั่นเพียงลำพัง....... อาตมาอยากจะบอกกับเ้าว่า ตอนนี้ซากหมื่นกระดูกเปิดไปถึงเจ็ดครั้งแล้ว วันนี้เหลือโอกาสเปิดมันอีกเป็ครั้งสุดท้ายเท่านั้น แล้วก็ยังมีกลุ่มผู้กล้าที่ยังรอคอยอยู่ที่นั่นถึง 343 กลุ่มดังนั้นเ้ายังอยากจะไปอยู่อีกหรือไม่?” นักรพชราเอ่ยปากเตือน ในแผนที่ภารกิจระบบทั้งสาม ทุกแผนที่จะสามารถเข้าไปได้มากสุดเพียงแค่วันละ 8 ครั้งเท่านั้น หากเกินกว่า 8 ครั้งมันก็จะปิดตัวลง
“ครับ ส่งผมไปเถอะครับ ขอบคุณท่านนักพรตมากที่แจ้งให้ทราบครับ............ เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรเหรอครับ?” เย่เทียนเซี่ยตอบกลับไปสบายๆ ขณะเดียวกันในใจของเขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเช่นกัน....... ตอนนี้ก็ใกล้จะบ่ายสองแล้ว นั่นก็หมายความว่าวันนี้ผ่านไป 14 ชั่วโมงแล้ว......... และใน 14 ชั่วโมงก็มีทีมที่ทำภารกิจไปแล้วแค่ 7 ทีมเท่านั้น จะบอกว่าั้แ่หนึ่งทีมเข้าไปในซากหมื่นกระดูกจนกระทั่งออกมาเฉลี่ยแล้วใช้เวลาไปประมาณสองชั่วโมงงั้นสิ............
สองชั่วโมง!?
เมื่อคิดไปถึงความยากของภารกิจสุสานเทพ์ ด้วยระดับของผู้เล่นใน่เวลานี้ ถ้าจะทำมันให้ได้ภายในสองชั่วโมง............ เห็นทีว่าคงเป็ไปไม่ได้
เพราะภารกิจ ‘กระดูกเทพา’ ง่ายไปอย่างนั้นเหรอ? หรือจะมีอะไรลึกลับซับซ้อนอีก? หลังจากทำภารกิจ‘โบราณวัตถุแห่งาาทหารรับจ้าง’ เสร็จก็ได้รับรางวัลเป็ค่าเกียรติยศเขตาจำนวน 100 หน่วย แต่รางวัลของภารกิจ ‘กระดูกเทพา’ คือ 150 หน่วย เมื่อดูจากจุดนี้แล้วน่าจะสรุปได้ว่า ภารกิจ ‘กระดูกเทพา’ น่าจะยากขึ้นมาหน่อยถึงจะถูก
“อมิตตาพุทธ ผู้ใจบุญช่างมีมารยาทยิ่งนัก อาตมามีชื่อว่า.........เผียวเค่อ” นักพรตชราพนมมือแล้วพูดออกมาอย่างอบอุ่น
“!@#¥%……&*”เย่เทียนเซี่ย
“งั้นท่านเผียว.......... ท่านนักพรตเผียวเค่อ รบกวนท่านส่งผมไปที่ซากหมื่นกระดูกตอนนี้เลยเถอะครับ”
“ได้สิ ท่านผู้ใจบุญ กรุณายืนรอสักครู่”
เมื่อเสียงของนักพรตชราจบลงไปแสงสีขาวสองสายก็ส่องลงมาจากท้องฟ้าเหมือนเมื่อวาน มันปกคลุ่มร่างของเย่เทียนเซี่ยแล้วนำพาเขาไปจากเมืองเทียนเฉิน
สีหน้าของนักพรตชราไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขายังคงนั่งอยู่อย่างเงียบงันด้วยใบหน้าสงบนิ่ง และในท่าทีเคร่งขรึมนั้นก็ยังมีบนสวดเบาๆลอยออกมา ด้วยรูปลักษณ์ของนักพรตชราไม่ว่าใครเห็นเขาก็ล้วนต้องพูดเป็เสียงเดียวกันว่า “ผู้ตรัสรู้ขั้นสูง” อย่างแน่นอน ดวงตาชราของเขาปิดลงแล้วเคาะไม้เบาๆ เขาพึมพำบทสวดขั้นสูงออกมาจากปากของเขาคลอไปกับจังหวะเคาะไม้ “ข้า........ไม่..........ใช่...........อึ้ง..........ย้ง..........ข้า............ไม่..........เป็............กัง..............ฟู.............”