เมื่อทั้งสามคนเบียดฝูงชนไปยังประตูโรงเรียนก็พบร่างสะโอดสะองของหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู ร่างอรชรของเธอดึงดูดสายตานักเรียนและผู้ปกครองจำนวนมาก เนื่องจากผู้คนล้มหลามทำให้ทั้งสามคนไม่สามารถเห็นหน้าตาของเธอชัดเจนนัก เมื่อเหล่านักเรียนและผู้ปกครองจำได้ว่าเธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลหลินก็พากันเข้าไปตีสนิท
“เย่เฟิง!” น้ำเสียงไพเราะน่าฟังดังจากประตูโรงเรียน เมื่อสิ้นเสียงผู้คนที่ยืนรายล้อมตรงประตูต่างแหวกทางให้เย่เฟิงและเพื่อนของเขา เย่เฟิงเงยหน้าเหลือบตามอง ก่อนจะตะลึงงันไปสักพัก
ชายหนุ่มเห็นเพียงร่างอรชรและใบหน้าเปื้อนยิ้มของหญิงสาว เธอกำลังเดินเข้ามาหาเขา ใบหน้างดงามส่งยิ้มมาให้อย่างเป็มิตร เสน่ห์ของเธอทำให้ผู้คนเพลิดเพลินดั่งอาบสายลมฤดูใบไม้ผลิ
ช่างเป็พี่สาวที่งดงามล้ำเลิศ!
ใบหน้ารูปไข่งดงามไร้ที่ติ ไม่ว่าใครพบเห็นต่างต้องจดจำใบหน้านี้ได้ขึ้นใจ โดยเฉพาะดวงตาคู่สวยเปี่ยมเสน่ห์ เพียงสบตาก็รู้สึกเหมือนจ้องมองท้องฟ้าที่มีแสงดาวระยิบระยับ เส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยราวกับน้ำตกพาดบนบ่า ขับให้ซอกคอขาวเนียนและกระดูกไหปลาร้าเด่นชัดขึ้น ไม่ว่าผู้ชายคนไหนต่างอดมองเธอหลายครั้งไม่ได้
ยิ่งกว่านั้นเสื้อเชิ้ตคอวีสีขาวเผยให้เห็นร่องอกสวยอย่างชัดเจน อีกทั้งแนบชิดหน้าอกอวบอิ่มคู่สวยของเธอ ผู้ชายต่างรู้สึกลำคอแห้งผาก เสื้อเชิ้ตสีขาวแนบเนื้อทำให้หน้าอกอวบอิ่มเด่นชัด ทรวดทรงของเธอดูดีราวกับหลุดออกมาจากภาพวาด!
ภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางและกระโปรงสั้นสีดำเน้นเอวคอดกิ่วรับสะโพกผาย มองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอได้ชัดเจน เรียวขาคู่สวยสวมถุงน่องสีเนื้อยิ่งเผยให้เห็นขาเรียวยาวดูเป็ธรรมชาติ เท้าเล็กสวมใส่รองเท้าส้นสูงแบบเปลือยขับเน้นข้อเท้าเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม ไร้จุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย
เมื่อหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามเช่นนี้มีรอยยิ้มแสนหวานประดับบนใบหน้าตลอด ยิ่งสั่นคลอนจิตใจของเหล่าชายหนุ่ม!
“เฮ้ เธอเพิ่งจะยิ้มให้ฉันล่ะ อะฮ่าฮ่า! ”
“ไสหัวไปให้พ้น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอยิ้มให้ฉันต่างหาก!” ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ด้านข้างเกิดทะเลาะกัน ทว่าไม่มีใครสนใจพวกเขามากนัก เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังสนใจหญิงสาวคนสวยที่กำลังเดินมาทางนี้ เธอมาที่นี่เพื่อตามหาเ้าเด็กเย่เฟิงงั้นหรือ?
แม้เย่เฟิงจะเป็ที่รู้จักของผู้คนในโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยนจิง ทว่าผู้ปกครองของนักเรียนหลายคนก็ไม่รู้จักเขา พวกเขาต่างแปลกใจมากว่าหญิงสาวผู้งดงามคนนี้จะเกี่ยวข้องกับนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ ได้อย่างไร เป็ญาติกันงั้นหรือ?
“เฮ้ ละสายตาไม่ได้เลยหรือไง? ” เมื่อซูเมิ่งหานเห็นท่าทีการแสดงออกของเย่เฟิงที่มองอีกฝ่ายอย่างไม่ละลายตา ก็อดหยิกแขนเขาไม่ได้
“เอ่อ เปล่า แค่เธอดูไม่เหมือนกับที่ฉันเคยคิดเอาไว้...” เย่เฟิงยิ้มแห้งอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดว่าหลินซือฉิงจะเหมือนซูเฟยหยิ่งอาจารย์คนสวยของเขาที่สวยสง่า ดูสูงส่ง บุคลิกเ็า ทว่าตอนนี้เมื่อมองดูแล้วกลับไม่เป็เช่นนั้น
“เหอะ งั้นนายก็คุยกับเธอไปเถอะ ฉันจะเข้าโรงเรียนก่อน”
ซูเมิ่งหานพูดเสียงเบาก่อนหยิกแขนของเขาอีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมเข้าใจอย่างว่าง่ายทั้งยังยอมปลีกตัวออกไปก่อน! เดิมทีเย่เฟิงยังคิดว่าหญิงสาวจะไม่ยอมเข้าใจและสร้างปัญหา ตอนนี้กลายเป็เช่นนี้แล้วเขาก็สบายใจ
“เสี่ยวมี่เฟิง นายทำตัวดีๆ ล่ะ” โอวบีที่ยืนอยู่ด้านข้างถอนหายใจก่อนตบลงที่ไหล่ของเขา
ตลอดมาเขาไม่พอใจที่เย่เฟิงปกปิดความลับกับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเื่ที่อีกฝ่ายมีสัญญาหมั้นหมายกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน ไหนจะเื่ของดาวโรงเรียนสาว มันชักจะสิ้นเปลืองทรัพยากรมากเกินไปแล้ว อีกฝ่ายช่างโลภมากเสียจริง!
จากปฏิกิริยาของโอวบี เย่เฟิงทำได้เพียงยิ้มเจื่อน ทั้งหมดนี้ตัวเขาเองยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
หลังจากโอวบีเดินเข้าโรงเรียนไปแล้ว หญิงสาวคนสวยเป้าสายตาของผู้คนก็มายืนยิ้มตรงหน้าเย่เฟิงเสียแล้ว เธอยื่นมือเรียวขาวเนียนราวกับหยกออกมา “ฉันหลินซือฉิง”
“ผมเย่เฟิง”. เย่เฟิงยื่นมือออกมาจับมือของเธอเพื่อทำความรู้จัก หลังจากััมือขาวเนียนเขาก็รู้สึกว่ามือของเธอทั้งเนียนละเอียดและนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูก!
นักเรียนและผู้ปกครองที่อยู่โดยรอบต่างจ้องเย่เฟิงด้วยความอิจฉา นึกไม่ถึงว่าเขาจะได้จับมือกับเทพธิดาคนสวย เย่เฟิงดูจะมีความสุขเกินไปแล้ว! พวกเขาต่างสบสายตากัน ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าไปแทนที่เย่เฟิง หลังจากที่ได้จับมือขาวเนียนของหลินซือฉิงพวกเขาคงไม่ยอมปล่อยแน่
น่าเสียดายที่ความคิดของเย่เฟิงและพวกเขาไม่เหมือนกัน เขาเพียงจับมือเธอแ่เบาก่อนจะดึงมือกลับ นั่นยิ่งทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจ
หรือว่าเ้าหนุ่มคนนี้ยังเด็กเกินไป มีโอกาสขนาดนี้ยังไม่กอบโกยอีก! มีบางคนคิดว่าเย่เฟิงต้องเสแสร้งแน่ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับหลินซือฉิง แต่มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่าเย่เฟิงและหลินซือฉิงมีสัญญาหมั้นหมายกันจึงแอบหัวเราะเยาะ อย่างไรก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วจำเป็ต้องทำอะไรด้วยหรือ?
ไหนเลยจะรู้ว่าเดิมทีเย่เฟิงไม่มีความคิดที่จะเอาเปรียบอีกฝ่ายหรือแม้แต่จะสร้างความประทับใจอะไรพวกนั้นเลย ตอนนี้เขามีหลงหว่านเอ๋อร์อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีซูเมิ่งหานคอยอยู่เคียงข้าง ทุกคนล้วนแต่เป็สาวงามไม่แพ้หลินซือฉิงเลย เพียงแต่สวยกันคนละแบบเท่านั้น
เย่เฟิงทอดถอนใจ หลินซือฉิงคนนี้รูปร่างหน้าตางดงาม อุปนิสัยก็ดสุภาพอ่อนโยน ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะถูกเรียกว่าสาวสวยอันดับหนึ่งของมหาลัยเยี่ยนจิง
หลินซือฉิงเป็นักศึกษาชั้นปีที่สอง ปีนี้เธออายุยี่สิบเอ็ดปีถ้วน ทว่าการแต่งตัวและใบหน้าของหญิงสาวดูอ่อนกว่าวัยจนทำให้ผู้ชายหลายคนเืกำเดาไหล
“ไปกันเถอะ เจอกันครั้งแรกเดี๋ยวพี่สาวจะพานายออกไปเที่ยวเล่น” บางทีหลินซือฉิงคงรู้สึกว่าผู้คนที่รายล้อมรอบตัวน่ารำคาญ เธอจึงยิ้มและกะพริบตาให้เขาก่อนลากมือเย่เฟิงเดินออกไป
เมื่อเย่เฟิงได้ยินคำนั้นก็รู้สึกแปลกๆ พี่สาว? แต่ถึงอย่างไรเขาก็เข้าใจแผนการของหลินซือฉิง ดูเหมือนเธอมาเจอเขาในวันนี้เป้าหมายคงมาเพื่อเคลียร์ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอให้ชัดเจน จึงรีบเรียกเขาอย่างนั้นเพื่อแสดงความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วยกับสัญญาหมั้นหมายระหว่างเธอและเย่เฟิง!
‘ดูท่าสาวสวยคนนี้เหมาะสมที่จะเป็คุณหนูใหญ่ตระกูลหลินมากทีเดียว ต่อไปในอนาคตเธอต้องมีธุรกิจมากมาย และเส้นสายทางการเมืองมากแน่’ เย่เฟิงครุ่นคิดพร้อมเดินตามหลินซือฉิงออกห่างจากฝูงชน
หากหลินซือฉิงอาศัยฉากหน้าความเป็พี่น้องเพื่อปฏิเสธการแต่งงาน ไม่เพียงแต่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย ยังไม่ทำร้ายความรู้สึกของทั้งตะกูลหลินและตระกูลเย่ สำหรับเธอแล้วการทำเช่นนี้จึงเป็ทางเลือกที่ดีที่สุด
เธอคิดต่อต้าน ทว่าเป็การต่อต้านด้วยวิธีที่นุ่มนวล เทียบความแข็งกร้าวกับผู้าุโตระกูลหลินงั้นหรือ?
เหอะ ฝันไปเถอะ...
“ขึ้นรถเถอะ” หลินซือฉิงเดินนำเย่เฟิงไปยังรถแลมโบกินีสีแดงสะดุดตาที่จอดอยู่ริมถนน ประตูรถแลมโบกินี่ชี้ขึ้นเหมือนกับปีกนกทำให้รถดูเท่ยิ่งขึ้น หลงซือฉิงอธิบายปนยิ้มว่า “เดิมทีฉันอยากไปรับนายที่บ้าน แต่คิดดูแล้ว ยังไงฉันก็ต้องมาโรงเรียนเพื่อลาหยุดให้นาย ฉันก็เลยมารอนายที่นี่”
ความคิดของเธอนั้นถือว่ารอบคอบมาก น่าเสียดายที่ประเมินผลที่จะตามมาต่ำไปหน่อย ตอนอยู่หน้าประตูโรงเรียนถึงเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อครู่...
“ลาให้ผมแล้วเหรอครับ จะพาผมไปเที่ยวเล่นทั้งวันเลยเหรอ?” เย่เฟิงถามพลางยิ้ม จากนั้นขึ้นไปนั่งบนรถเปิดประทุนสีแดง เขาได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้หญิงลอยมาแตะจมูก ทำให้ผ่อนคลายและเบิกบานใจ
“ทำไม นายไม่ว่างเหรอ?” ดวงตาที่มีขนตาโค้งงอนมองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ว่างสิครับ ไปขับรถเถอะ” เย่เฟิงพยักหน้า จากนั้นเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทีสบายๆ
เขากำลังครุ่นคิดเื่ที่องค์กรลึกลับเคลื่อนไหวในเมืองเยี่ยนจิงมาหนึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าตระกูลหลินจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้หรือไม่? เขาจะลองเลียบเคียงถามเื่นี้ดูสักหน่อย ไม่แน่ว่าหลินซือฉิงอาจจะเผยอะไรบางอย่างออกมาก็ได้
รถแลมโบกินีสีแดงเคลื่อนออกจากโรงเรียนมัธยมปลายเยี่ยนอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงสายตาอิจฉาริษยาจากกลุ่มคนที่ยังยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้