น้ำเสียงไร้ซึ่งความแยแสดังออกจากปากของเย่เฟิง จากนั้นเงาหมัดพลันปรากฏขึ้น ก่อนมันจะทะลุผ่านทุกสิ่งและโจมตีไปที่หน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ตามมาด้วยเสียงแตกหัก กระดูกบริเวณหน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นพลันแตกหักและเสียชีวิตคาที่ทันที
“พลังกายช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ฉากนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างใไปชั่วขณะ ฝ่ามือของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นทรงพลังมาก แต่เย่เฟิงกลับสามารถต้านทานมันได้ด้วยพลังกายและไร้ซึ่งรอยาแใด ๆ เห็นชัดว่าพลังป้องกันแข็งแกร่งเพียงใด
เย่เฟิงดูเฉยเมยขณะก้าวเดินต่อ ฉินเยียนหรานก็เดินตามอยู่ด้านหลังพลางดวงตาคู่งามทอประกายด้วยความประหลาดใจและในใจมิอาจสงบนิ่งได้
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มาไล่ฆ่าเขาต่างเผยสีหน้าย่ำแย่ พลังของเย่เฟิงอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขามาก พวกเขาพยายามสุดความสามารถ แต่ก็ไม่อาจหยุดฝีเท้าของเย่เฟิงได้ ทำให้ใน่เวลาสั้น ๆ ต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ตกตายหลายชีวิต ต่อให้เทพมาขวางก็ย่อมสังหารได้!
“ทุกคนต้องช่วยกันหยุดเขา แล้วผลเทียนเสวียนก็จะเป็ของพวกเรา!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวราวกับปลุกขวัญกำลังใจทุกคน ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ดวงตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็กลับมาลุกเป็ไฟอีกครั้ง ตราบใดที่ฆ่าคนผู้นี้ พวกเขาก็จะได้ผลเทียนเสวียน
“วูบ!” ทว่าก่อนที่เสียงของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจะจางหายไปก็มีรังสีหอกพุ่งไปหาเขา หอกนี้อัดแน่นไปด้วยพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตื่นใและ้าจะหลบหนี แต่เขายังไม่ทันขยับตัว ลำแสงแห่งการทำลายล้างก็ทะลวงร่างเขาเสียก่อน ส่งผลให้อวัยวะภายในทั้งหมดฉีกขาด และตายทันที!
“นี่มันวิชาหอกอะไรกัน ทั้งเร็วและทรงพลัง!” ผู้คนต่างตกตะลึงในความสามารถของเย่เฟิงที่แข็งแกร่งเกินไป ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นแค่ปลุกขวัญกำลังใจ แต่ถูกเย่เฟิงสังหารภายในหนึ่งหอก
“ฮู่ว!” ขณะเดียวกันมีเสียงถอนหายใจดังออกมาจากฝูงชน ฉากที่น่าในี้ แม้แต่ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่มีการต่อสู้อย่างต่อเนื่องก็ยังหาดูได้ยากยิ่ง เย่เฟิงผู้นี้ช่างเด็ดขาดมาก เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนแต่ก็ไม่สะทกสะท้านอะไร ซ้ำยังไม่มีใครหยุดยั้งเขาได้ ทุกย่างก้าวของเขาจะต้องมีศัตรูตายหนึ่งคน ช่างเป็ฉากที่น่าใยิ่งนัก
ฉินเยียนหรานที่เดินตามหลังก็ชาวาบไปทั้งร่าง เดิมทีนางคิดจะลงมือช่วยเย่เฟิง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด นางจึงลืมลงมืออย่างไม่รู้ตัว นางต้องใกับความสง่าผ่าเผยของเย่เฟิงที่แสดงออกมาในเวลานี้ ราวกับว่ากำลังชื่นชมอยู่ก็ไม่ปาน นางเพียงเดินตามหลังเย่เฟิงไปเงียบ ๆ ในขณะที่มองผู้ฝึกยุทธ์ตกตายด้วยการโจมตีของเย่เฟิงทีละคน ๆ ฉินเยียนหรานก็ยิ่งใหนักกว่าเก่า จู่ ๆ นางพบว่าการฆ่าคนก็สามารถฆ่าได้อย่างสง่าผ่าเผยได้เช่นกัน
เย่เฟิงยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง มีผู้ฝึกยุทธ์ 20 คนตกตายด้วยการโจมตีของเขา ทำให้เสื้อคลุมของเย่เฟิงเปื้อนไปด้วยเืสีแดงฉาน สายตาของเขายังคงฉายประกายแหลมคม ซึ่งศิษย์พี่ฉู่ยังรอยารักษาจากเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหยุดได้
ด้วยการสังหารอย่างต่อเนื่องของเย่เฟิง ทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ไล่ล่าเย่เฟิงรู้สึกหวาดผวา จิตใจก็เริ่มสั่นคลอน และลังเลที่จะปล่อยการโจมตี กระทั่งคนบางส่วนถึงกับล่าถอยไปเงียบ ๆ ถึงอย่างไรชีวิตของพวกเขาก็สำคัญกว่าเมื่อเทียบกับผลเทียนเสวียนที่จะได้รับ
“คนผู้นี้นี่แหละที่ฆ่าคนตระกูลเฉินของข้าไปหลายคนที่หุบเขาเทียนเสวียน!”
“ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ของข้าก็ตายเพราะคนผู้นี้เช่นกัน”
“สำนักแสงอรุณข้าก็เช่นกัน!” พลันมีหลายเสียงดังขึ้นทั่วสารทิศ จากนั้นมีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนปรากฏตัวและมองไปที่เย่เฟิง ขณะไอสังหารแผ่ออกจากร่าง
“ผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลเฉิน นิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ และสำนักแสงอรุณมาถึงแล้ว” แววตาของผู้คนชะงักไปชั่วขณะ พวกเขาต่างมองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ล้อมกรอบเย่เฟิงด้วยหัวใจสั่นระรัว
“ชายผู้นี้ล่วงเกินคนมีอำนาจไปเท่าไรกัน? แม้แต่สามกองกำลังที่ทรงอิทธิพลก็ปรากฏตัวด้วย” มีคนกล่าวพลางในดวงตาส่องประกายคมกริบ
“คนผู้นี้เย่อหยิ่งเกินไป ถึงกับล่วงเกินคนตั้งมากมาย เกรงว่าครั้งนี้เขาคงหนีไม่พ้นและต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน” ผู้คนมากมายเห็นฉากนี้ก็ครุ่นคิดในใจ การปรากฏตัวของสามกองกำลัง ต่อให้เย่เฟิงเก่งกาจเพียงใดก็มิอาจหนีพ้นไปได้!
ฉินเยียนหรานเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก พร้อมกล่าวขึ้น “พวกเ้ารวมตัวกันเพื่อจัดการคนคนเดียว ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง?”
ด้านตระกูลเฉิน มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งก้าวออกมาแล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้สังหารศิษย์ของพวกเราในหุบเขาเทียนเสวียน ความผิดของเขาต้องได้รับโทษปะา!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนปลดปล่อยิญญาาและเข้าโจมตีเย่เฟิง การที่พวกเขาปลดปล่อยิญญาาออกมา แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้้าสังหารเย่เฟิงมากเพียงใด
“ใครขวางทางข้า จงตายซะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโพร้อมรังสีหอกถูกปล่อย ซึ่งมีพลังน่าสะพรึงกลัวไหลวนเหนือคมหอกซึ่งสามารถทะลวงได้ทุกสิ่ง ตามมาด้วยเสียงสวบดังขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลเฉินคนหนึ่งถูกหอกแทงทะลุศีรษะจนเืทะลักออกมาและเสียชีวิตทันที
“ตายซะ” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาขั้นที่ 8 จากนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่โบกสะบัดค้อนั์ แล้วฟาดฟันไปที่เย่เฟิง เย่เฟิงปล่อยหมัดออกไปโจมตีค้อนั์ที่พุ่งมาหาเขาจนเกิดเสียงดังปัง พลังที่อัดแน่นอยู่ในหมัดะเืไปยังผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นจนอีกฝ่ายตัวสั่นแรง ส่วนค้อนั์กระเด็นหลุดมือ มันกระแทกไปโดนหน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งของสำนักแสงอรุณ ทำให้อวัยวะภายในของผู้ฝึกยุทธ์แตกกระจาย เืพุ่งกระฉูดอย่างบ้าคลั่ง เขายังไม่ทันเริ่มต่อสู้ก็โดนลูกหลงจากการต่อสู้เมื่อครู่ ช่างน่าเศร้าเหลือเกิน
“ตายซะเถอะ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเ็า พลันฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานเอกลักษณ์หอกเข้าโจมตีผู้ฝึกยุทธ์เ้าของค้อนั์คนนั้น ทำให้บริเวณหน้าอกของอีกฝ่ายยุบลงเป็หลุม และตายในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นมีแสงเย็นเยือกสาดส่องที่ข้างตัวของเย่เฟิง ก่อนมันจะกรีดผ่านไหล่ของเย่เฟิงจนเืซึมออกมา เย่เฟิงหันไปมอง และเห็นรังสีมีดจู่โจมเขาอีกครั้ง เขาจึงเคลื่อนที่ภายในพริบตาเพื่อหลบหลีก เมื่อรังสีหอกปรากฏก็มีเืสาดกระเซ็นฉับพลัน จากนั้นอีกฝ่ายก็ล้มลงไปกองกับพื้น
ด้านหลัง ฉินเยียนหรานก็ลงมือเช่นกัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แม้นางจะไม่สนิทกับเย่เฟิง แต่นางก็ไม่สามารถทนดูผู้ฝึกยุทธ์มากขนาดนี้ไล่ล่าเย่เฟิงคนเดียวเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นนางคงรู้สึกผิดไปจนตาย นางวาดฝ่ามือหงส์แดง ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล เพียงเวลาสั้น ๆ ก็มีผู้ฝึกยุทธ์สองคนตายด้วยฝ่ามือนี้ ว่าด้วยฝีมือของฉินเยียนหราน เดิมทีนางมีฝีมือพอที่จะเข้าไปอยู่ในรายนามแห่งแท่นศิลาเทียนเสวียน บัดนี้ยังได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจากรูปปั้นในหุบเขาเทียนเสวียน พลังจึงแกร่งขึ้นมาก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาขั้นที่ 8 และ 9 ไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของนางได้
ทั้งสองต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์จากสามกองกำลังก็ยังทำอะไรพวกเขาไม่ได้ หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าการโจมตีของคนเหล่านี้คือการโจมตีปลิดชีวิต แต่พวกเขากลับออมมือให้ฉินเยียนหราน การโจมตีเช่นนั้นอย่างน้อยก็ไม่ทำให้ถึงตาย
ศึกต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ฝึกยุทธ์จากสามกองกำลังยังคงไม่ออมมือให้เย่เฟิง และ้าสังหารเย่เฟิงให้จงได้
การโจมตีทำลายล้างยังคงปะทุอย่างต่อเนื่อง ส่วนเย่เฟิงถือหอกประหนึ่งเทพา ใครก็ตามที่ขวางทางเขา เขาจะสังหารคนผู้นั้น ศึกต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดจนกลิ่นคาวเืคละคลุ้งไปตามสายลม บนพื้นดินก็นองไปด้วยเืสีแดงฉาน เย่เฟิงนั้นไม่เคยปรานีศัตรู แม้ทั้งสามกองกำลัง้าให้เขาตาย เช่นนั้นเขาก็จะฆ่าให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
เย่เฟิงยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ปลายหอกของเขาก็มีเืหยดลงมาซึ่งเป็เืของศัตรู ซึ่งไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์กี่คนแล้วที่ตายด้วยหอกของเขา ทว่าตามร่างกายของเขาเองก็มีรอยาแเช่นกัน
เมื่อเวลาผันผ่าน พลังหยวนในกายของเย่เฟิงก็ค่อย ๆ เหือดแห้ง เริ่มมีอาการเวียนหัว และอาการเหล่านี้ล้วนเกิดจากการาเ็ที่เพิ่มขึ้นบนร่างกายของเย่เฟิง ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็มีจำนวนคนมากกว่าหลายเท่า แค่ลำพังเย่เฟิงและฉินเยียนหรานสองคนก็ย่อมยากที่จะทำการให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี
“เขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว บุกฆ่าเขาไปพร้อมกัน!” มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเห็นสถานการณ์ของเย่เฟิงดูไม่ค่อยดี จึงกล่าวเช่นนั้น
“ฟิ้ว!” รังสีดาบพลันจู่โจมมา เย่เฟิงก็หลบโดยสัญชาตญาณ ทว่ามีรังสีมีดโจมตีมาทางด้านหลัง จึงเฉือนเนื้อที่หลังเขาเต็ม ๆ จนมีเืซึมออกมา
เมื่อเย่เฟิงแทงหอกออกไป อีกฝ่ายก็ตายทันที ในขณะเดียวกันก็มีฝ่ามือโจมตีร่างเย่เฟิง เย่เฟิงที่าเ็สาหัสอยู่แล้วต้องกระอักเืออกมา
อย่างไรก็ตามหลังเขายังคงยืดตรงดุจพู่กัน เขาปล่อยหมัดออกไปะเิศีรษะของอีกฝ่าย จนศีรษะของอีกฝ่ายแตกเป็เสี่ยง ๆ พร้อมชิ้นเนื้อปลิวกระจาย
จากนั้นมีอีกสองการโจมตีพุ่งเข้าหาเย่เฟิง หากไม่ใช่ว่าเขาฝึกทักษะหล่อิญญาถึงขั้นสุดท้าย ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แบบขึ้น ป่านนี้เขาคงตายไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว
ฉินเยียนหรานพบว่าเย่เฟิงตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนเหล่านี้กล้าฆ่าเย่เฟิง แต่กลับไม่กล้าลงมือกับนางอย่างโเี้ ถึงอย่างไรฐานะของนางก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้ แม้ที่สำนักยุทธ์จะมีการแข่งขันถึงตายที่ถือเป็เื่ปกติ แต่คนของกองกำลังเหล่านี้ก็ยังคงหวั่นเกรงฐานะของนาง
“เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” ฉินเยียนหรานโจมตีไปพลางเอ่ยถามเย่เฟิงไปพลาง นางััได้ว่าลมปราณของเย่เฟิงกำลังสั่นคลอนและได้เข้าสู่สภาวะหมดเรี่ยวแรงแล้ว
“ไม่เป็ไร เ้ากับข้าฝ่าวงล้อมนี้ไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เย่เฟิงกล่าวพลางแทงหอกออกไป ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งตายทันที ในเวลาเดียวกันคู่ต่อสู้ก็โจมตีเย่เฟิง ซึ่งการโจมตีนี้ทรงพลังกว่าเดิม พลันพลังแห่งการทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วร่าง แทบจะคร่าชีวิตของเขา ทำให้ร่างกายของเย่เฟิงเริ่มโอนเอน
สีหน้าของฉินเยียนหรานพลันบิดเบี้ยว มือหนึ่งประคองร่างเย่เฟิง ในขณะที่หน้าไม้เล็กปรากฏในมือขวาพร้อมกับปลดปล่อยพลังออกมา
“ถอยไปซะ” ฉินเยียนหรานถือหน้าไม้เล็กและพูดด้วยน้ำเสียงเ็ากับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์
แววตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์เกิดสั่นไหวเล็กน้อย พวกเขารู้ดีถึงพลังของหน้าไม้เล็กที่อยู่ในมือของฉินเยียนหราน ลูกศรของมันสามารถปลิดชีวิตคนได้ในพริบตา
“หากใครยังกล้าลงมืออีกล่ะก็ ข้าจะปลิดชีวิตคนผู้นั้นซะ!” ฉินเยียนหรานกล่าวเสียงเย็น การที่นางนำหน้าไม้เล็กออกมานั้นเป็การละเมิดกฎของสำนักยุทธ์และจะต้องถูกผู้าุโในตระกูลลงโทษ
อย่างไรก็ตามนี่เป็ครั้งที่สองที่นางใช้หน้าไม้เล็กใน่หลายวันที่ผ่านมานี้ นั่นก็เพื่อช่วยเย่เฟิงผู้นี้
แน่นอนว่าทันทีที่หน้าไม้เล็กปรากฏ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่มีใครกล้าลงมืออีก ทำได้เพียงมองดูอยู่ห่าง ๆ ดังนั้นฉินเยียนหรานฉวยโอกาสนี้พาเย่เฟิงล่าถอยไปยังพื้นที่ส่วนกลางของสำนักยุทธ์อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงที่นั่น ต่อให้คนเหล่านี้เกลียดเย่เฟิงมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางกล้าล้อมกรอบเพื่อฆ่าเย่เฟิงอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ไม่นานนักฉินเยียนหรานและเย่เฟิงก็หายตัวไป
ผู้คนจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าร่วมศึกต่อสู้ด้วยต่างมองศพหลายสิบร่างที่นอนเกลื่อนพื้นด้วยความตกตะลึง
“ระดับการบ่มเพาะของคนผู้นี้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 จริง ๆ งั้นหรือ?” ทุกคนตั้งคำถามขึ้นในใจ หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขาก็คงไม่เชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนจะถูกฆ่าโดยคนเพียงคนเดียว อีกอย่างระดับการบ่มเพาะก็ยังอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 เท่านั้น
ในป่าทึบแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป มีสี่เงาร่างอยู่ตรงนั้น นั่นก็คือซ่างกวนหง โจวมู่ไป๋ เฟิงเฉียน และเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ เวลานี้สีหน้าของพวกเขาทั้งสี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก แม้ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังไม่สามารถปลิดชีวิตเย่เฟิงได้ ทำได้เพียงพูดว่าดวงของเย่เฟิงช่างแข็งยิ่งนัก
เนื่องจากเย่เฟิงมีศัตรูมากมาย พวกเขาทั้งสี่คนจึงร่วมมือกันและชักใยแผนการล้อมกรอบสังหารครั้งใหญ่นี้อยู่เื้ั
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้