หยางลู่แสดงผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากในหลายๆ นัดที่ผ่านมา การใช้ดาบนั้นทั้งคล่องแคล่วและหลากหลาย ทำให้สามารถเอาชนะมาได้ติดต่อกันหลายครั้ง บวกกับหน้าตาที่ทั้งงดงาม นิสัยที่อ่อนโยนน่ารัก ทำให้นางได้รับการสนับสนุนจากผู้คนเป็จำนวนมากภายในเวลาเพียงสองวัน
แต่ผู้ชมเกือบทั้งหมดก็คาดการณ์ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้เอาไว้ในใจแล้ว!
นั่นคือเยี่ยเฟิงชนะ!
ทว่าเหตุผลที่การประลองครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากก็เพราะว่า คนส่วนใหญ่อยากรู้ว่าเยี่ยเฟิงจะลงมือทำร้ายหยางลู่ซึ่งเป็คู่ต่อสู้ ผู้เป็หญิงงามที่ทั้งน่ารักและเรียบร้อยเช่นนี้ได้อย่างไร เขาจะทำร้ายนางในทันทีเลยหรือไม่ หรือจะต่อสู้กันสักหลายดาบเป็การให้เกียรติคู่ต่อสู้หญิงงามก่อน แล้วค่อยเอาชนะนางภายหลัง
เซียวหลิงอวิ๋นเองก็ให้ความสนใจกับการประลองนัดนี้ด้วยเช่นกัน!
มีเพียงเซียวหลิงอวิ๋นเท่านั้นที่รู้ว่าหลังจากที่เขาได้ชี้แนะแนวทางให้หยางลู่แล้ว ความสามารถของนางก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถเอาชนะหยางลู่ได้ในกระบวนท่าเดียว ถึงแม้ว่าวิชาดาบของเยี่ยเฟิงนั้นจะรุนแรงกว่า แต่เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน การประลองครั้งนี้อาจทำให้คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึงก็ได้ หยางลู่จะบังคับให้เยี่ยเฟิงต้องงัดไพ่ตายบางอย่างออกมาเพื่อเอาชนะ!
...
การประลองครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเซียวหลิงอวิ๋นเท่านั้นที่ให้ความสนใจ แต่จ้าวหนีอิ่งและชายชราเคราแพะที่อยู่บนอัฒจันทร์เองก็รอคอยอย่างจดจ่อ!
ทั้งสองคนอยากเห็นว่าหยางลู่ที่ได้รับการชี้แนะจากหัตถ์ทองเซียวหลิงอวิ๋นนั้นจะสร้างผลงานที่น่าทึ่งอย่างไร!
เมื่ออาจารย์ผู้ตัดสินประกาศรายชื่อผู้เข้าประลอง!
เยี่ยเฟิงและหยางลู่ทั้งสองคนก็ก้าวเข้าสู่สนามประลองอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คน
หยางลู่มองไปที่เยี่ยเฟิงตรงหน้า เสียงที่ไพเราะเสนาะหูของนางก้องกังวานขึ้น “ศิษย์น้องเยี่ยเป็บุตรแห่ง์ หากการประลองนัดนี้จัดขึ้นในวันแรกของการประลองรอบสิบคน ข้าก็คงจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่เมื่อคืนนี้และคืนก่อนหน้านั้นเป็สองค่ำคืนที่ข้าจะไม่มีวันลืม เพราะใครบางคนทำให้การใช้ดาบของข้าพัฒนาขึ้นอย่างมาก! ในวันนี้ข้าจึงอยากจะพิสูจน์ให้เขาคนนั้นได้เห็นว่า ข้า หยางลู่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนอื่น และข้าจะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวข้า เพราะตัวข้าก็จะรู้สึกทั้งมีความสุข ทั้งภูมิใจ และยินดีกับความสำเร็จนี้ของเขาเช่นกัน”
คำพูดของหยางลู่ทำให้ผู้ชมหลายพันคนในสนามประลองพากันรู้สึกใ!
รอยยิ้มที่มุมปากของเซียวหลิงอวิ๋นค่อยๆ แข็งทื่อ! ในดวงตาของเขามีความเ็าปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง!
“คะ...คะ...คำพูดของเทพธิดาหยางลู่ฟังดูเหมือนกำลังสารภาพรักกับใครบางคนอยู่เลย!”
“เ้าหมอนั่นโชคดีเป็บ้า เทพธิดาถึงกับสารภาพรักด้วยตนเอง! และยังเป็การสารภาพรักต่อหน้าผู้คนมากมายอีกด้วย หากเป็ข้านะ ข้าจะออกมายืนและยืดอกยอมรับต่อหน้าผู้คนอย่างแน่นอน!” ศิษย์ชายคนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น!
“เ้าแน่ใจแล้วหรือว่าที่จับจ้องน่ะเป็สายตา ไม่ใช่ดาบและหอกนับพัน?” คนข้างๆ พูดขึ้นอย่างประชดประชัน
ท่ามกลางฝูงชน จ้าวหนีอิ่งก็ขยับริมฝีปากสีแดงของนางเบาๆ พูดอย่างไร้เสียง นางผู้หญิงเ้าเล่ห์!
พร้อมกับมองไปทางหยางลู่ด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม!
เมื่อหนึ่งปีก่อน หยางลู่ได้เข้าหานางและฉินหรูเยียนอย่างมีจุดประสงค์ จ้าวหนีอิ่งนั้นไม่ค่อยชอบหญิงสาวผู้นี้ที่มีรูปลักษณ์ภายนอกดูเหนียมอายและเรียบร้อย แต่แท้จริงแล้วกลับเป็คนหัวสูงและเห็นแก่ตัว น่าเสียดายที่ฉินหรูเยียนมีนิสัยเหมือนผู้ชาย ใจกว้างเป็ที่หนึ่งจึงไม่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้
กระนั้นจ้าวหนีอิ่งเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเื่ของคนอื่น! ดังนั้นนางจึงไม่เคยพูดเื่นี้กับฉินหรูเยียนมาก่อน ทำเพียงรักษาความสัมพันธ์กับหยางลู่เอาไว้ในระดับที่ไม่ใกล้ชิดไม่ไกลห่าง ด้วยเหตุนี้ ในสายตาของคนอื่น ความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉินหรูเยียนจึงสนิทสนมกว่าหยางลู่มาก!
...
ชายชราเคราแพะบนอัฒจันทร์ที่เดิมทีมีสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากได้ยินคำสารภาพของหยางลู่ ใบหน้าของผู้าุโในสำนักหลักก็มืดดำลงทันที!
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าคนที่หยางลู่เอ่ยถึงนั้นคือใคร แต่ตัวเขารู้อย่างชัดแจ้ง!
ตัวเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อวานซืน แต่เมื่อคืนนี้เขาได้เห็นด้วยตาของตัวเอง และได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่เห็นว่าเซียวหลิงอวิ๋นจะมีเจตนาแอบแฝงใดๆ ต่อนางเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองก็ยังอายุน้อยอยู่ เซียวหลิงอวิ๋นอายุเพียงสิบสี่ปีเศษเท่านั้น ส่วนหยางลู่เองก็เพิ่งจะอายุครบสิบหก ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องกำหนดคู่บำเพ็ญด้วยซ้ำ!
หรือต่อให้กำหนดเป็คู่บำเพ็ญด้วยกันจริงๆ แต่ด้วยพร์และตัวตนอันลึกลับที่ยังไม่รู้แน่ชัดของเซียวหลิงอวิ๋น ในฐานะคู่บำเพ็ญ ผู้าุโกลับไม่คิดว่าหยางลู่จะเป็ตัวเลือกที่ดีเลยแม้แต่น้อย! ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าอัจฉริยะที่แท้จริงจากอาณาจักรอื่น แม้แต่ในอาณาจักรซินโยว หรือแม้แต่ในสำนักิญญาเมฆา หรืออาจจะแม้แต่ในสำนักแห่งนี้ หากพูดถึงพร์ รูปลักษณ์ และชาติตระกูลแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไหนก็ตาม กล่าวตามตรงเลยว่าหยางลู่ไม่สามารถเข้าถึงสิบอันดับแรกได้ด้วยซ้ำ!
นางไปเอาความมั่นใจมากมายนี้มาจากไหน ถึงกล้าประกาศต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้! การประกาศออกไปเช่นนี้ ก็เหมือนเป็การบีบบังคับเซียวหลิงอวิ๋นอย่างกลายๆ มิใช่หรือ?
ในเวลานี้ ความประทับใจที่มีต่อศิษย์สาวที่ดูเรียบร้อยของชายชราก็ลดลงอย่างมาก!
เดิมทีหยางลู่้าใช้โอกาสนี้เพื่อยึดตำแหน่งคนรักของเซียวหลิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว ทว่าหญิงสาวเ้าเล่ห์คนนี้คงไม่คิดฝันว่า ความฉลาดของนางจะกลับกลายเป็ความโง่เขลา การประกาศออกไปเช่นนี้ได้ทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีเอาไว้ในใจของเซียวหลิงอวิ๋น จ้าวหนีอิ่ง และผู้าุโของสำนักหลักซึ่งเป็บุคคลสำคัญทั้งสามเรียบร้อยแล้ว ความประทับใจที่ไม่ดีนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถแก้ไขได้จนถึงท้ายที่สุด!
...
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ขอเยี่ยเฟิงคนนี้ได้ประเมินกระบวนดาบอันน่าทึ่งของศิษย์พี่หลังจากที่ได้รับการพัฒนาอย่างมากจากบุคคลลึกลับคนนั้นหน่อยเถอะ!” เยี่ยเฟิงดีดดาบในมือด้วยสีหน้าผ่อนคลาย แต่ก็แฝงไปด้วยความมั่นใจ!
“ขอศิษย์น้องอย่าได้ออมมือ!” มุมปากของหยางลู่มีรอยยิ้ม แฝงไปด้วยความอวดดีและความมั่นใจ!
เดิมทีศิษย์จำนวนมากยังคงคาดเดากันอย่างดุเดือดว่าบุคคลที่หยางลู่พูดถึงคนนั้นคือใคร กระทั่งเห็นทั้งสองคนเผชิญหน้ากันแล้ว ต่างก็พากันหยุดคุยและหันหน้าไปที่กลางเวทีแทน
แม้ว่าเซียวหลิงอวิ๋นจะสามารถทำให้จ้าวิเจี้ยนพิการได้ในสามกระบวนดาบ แต่ในใจของศิษย์ระดับกลางส่วนใหญ่ที่มาชมการประลอง เมื่อพูดถึงวิชาดาบแล้ว ผู้ที่เก่งกาจที่สุดก็ยังคงเป็ดาบโลหิตเยี่ยเฟิง กระบวนดาบที่ฝึกฝนจากการฆ่าฟันนั้นทำให้เต็มไปด้วยความอำมหิต เรียบง่าย รุนแรง แต่ใช้งานได้จริง หากความแข็งแกร่งด้อยกว่าแม้เพียงเล็กน้อย ก็ยากที่จะต้านทานดาบของเขาได้ มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่าเทียมกันหรือเหนือกว่าเขาเล็กน้อยเท่านั้น ถึงจะสามารถต่อกรกับเขาได้
ส่วนหยางลู่ที่บอกกับเยี่ยเฟิงว่าอย่าได้ออมมือและใช้พลังทั้งหมด จากสีหน้าที่มั่นใจของนาง ทำให้รู้ได้ว่าหญิงสาวที่ดูเรียบร้อยคนนี้พูดจริง ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ชมจำนวนมากคาดหวังกับการประลองครั้งนี้เท่านั้น!
ไม่แน่ว่าเทพธิดาหยางลู่อาจจะพลิกโฉมทำให้เยี่ยเฟิงพ่ายแพ้ได้จริงๆ นั่นจะสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งสำนักอย่างแน่นอน!
บนเวทีในสนามประลอง
เยี่ยเฟิงสวมชุดดำ สายตาเย็นะเื สีหน้าเฉยเมย ลำตัวตรงแน่วราวกับดาบอันล้ำค่าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเวที
ฝั่งตรงข้ามอยู่ห่างออกไปสิบห้าเมตร เทพธิดาหยางลู่ก็มีสีหน้าและท่าทางที่สงบนิ่ง แฝงไปด้วยความสง่างาม
“ศิษย์พี่ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เยี่ยเฟิงจับฝักดาบด้วยมือซ้าย ยื่นมือขวาออกไปจับด้ามดาบ แล้วพลังปราณที่หนาแน่นก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ดาบอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะปลดปล่อยการโจมตีที่ร้ายแรงตลอดเวลา
“เชิญศิษย์น้องแสดงฝีมือได้เลย!” หยางลู่หัวเราะเบาๆ! ออร่าของนางดูสงบนิ่งราวกับสายลมและก้อนเมฆ!
“ฟิ่ว!”
เยี่ยเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว ตัวของเขาราวกับดาบที่ถูกชักออกจากฝัก พุ่งเข้าหาหยางลู่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเร็วสูง
ภายในชั่วพริบตา ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ลดลงจนเหลือเพียงห้าเมตร
“แกร๊ง!”
เยี่ยเฟิงยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับดาบยาวที่ชักออกจากฝัก แสงดาบสีแดงเข้มเหมือนจะดูช้า แต่แท้จริงแล้วเร็วมากปรากฏจากบนลงล่าง ราวกับฝันร้ายที่ค่อยๆ เป็รูปเป็ร่าง ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองออกได้ว่าเขาคิดจะโจมตีจุดไหนกันแน่
