ผู้เฒ่าหวังมักทำเื่กู้ยืมจากธนาคารบ่อยครั้ง เขาจึงมีประสบการณ์คุ้นเคยกว่าเฉินเฟิง เขาจึงค่อยๆ แนะนำตัวทั้งสองอย่างละเอียด
เฉินเฟิงตั้งใจฟังคำแนะนำอย่างจริงจังภายใต้ั์ตาของหลิ่วอีอี เป็ครั้งแรกที่เขามองผู้จัดการธนาคารคนสวยคนนี้อย่างตั้งใจ
"ถ้างั้น คุณหลี่ช่วยอธิบายวิธีทำเื่กู้ยืมอย่างละเอียดให้ผมฟังได้ไหมครับ" เฉินเฟิงวางท่าสุภาพ
"เชิญคุยธุรกิจกันตามสบาย ฉันจะไม่แทรกแซงเกี่ยวกับเื่นี้ แต่เอาเป็ว่า ฉันบอกได้เื่เดียวคือสัญญาโอนย้ายหุ้นเฉียนต๋ากรุ๊ปในมือเขาเป็ของจริงและมีผลบังคับใช้จริง" ผู้เฒ่าหวังชี้สัญญาในมือของเฉินเฟิงเป็การยืนยันให้หลี่ชิงเจา
หลี่ชิงเจาเข้าใจได้ทันที
'เฉินเฟิงคนนี้กับประธานหวังคงมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เฉียนต๋ากรุ๊ปก่อตั้งมาตั้งเจ็ดปี แต่ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครถือหุ้นของเฉียนต๋ากรุ๊ปนอกจากผู้เฒ่าหวังเลย'
จากนั้นผู้เฒ่าหวังจึงเดินทางกลับ ทางด้านหลี่ชิงเจาเริ่มลงมือตรวจสอบเอกสารสัญญาทั้งหมดอย่างมืออาชีพ
"คุณเฉินเฟิงอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีสินทรัพย์มากมายจริงๆ นะคะ"หลี่ชิงเจาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังระหว่างตรวจเอกสาร
"แค่มูลค่าหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเฉียนต๋ากรุ๊ปกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปก็มีค่าเป็ร้อยหรืออาจจะถึงพันล้าน แต่น่าเสียดายนะคะ การยื่นเื่จำนองที่ดินหรือกู้ยืมไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดค่ะ พวกเราต้องพิจารณาว่าคุณมีความสามารถพอจะจ่ายเงินที่กู้ยืมได้หรือไม่ด้วย ทั้งทางเฉียนต๋ากรุ๊ปและปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปเองก็ทำเื่กู้ยืมจากเรามากพอสมควรแล้ว ด้วยเหตุนี้ทางเราจึงต้องขอรบกวนคุณเฉินเฟิงนำใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร หรือกระแสธุรกิจของบริษัทคุณมาด้วยค่ะ"
เฉินเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะแก้เขินเบาๆ
"ถ้าผมพูดไป หวังว่าคุณหลี่จะไม่หัวเราะพวกเรานะครับ คือผมกับภรรยาเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกัน พวกเราวางแผนจะซื้อบ้านสักหลัง แต่พวกเราไม่้าแค่ตัวตึก พวกเรา้าที่พักอาศัยเต็มรูปแบบ พวกเราเลยจะขอทำเื่กู้ยืมจากธนาคารก่อน แต่ก่อนจะซื้อบ้าน ผมยังคิดว่าจะเอาเงินจากการกู้ยืมไปจดทะเบียนกลุ่มบริษัท ถ้าสักวันหนึ่งกำไรงอกงามสักหน่อย ผมก็อาจจะเปิดธนาคารด้วย ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วผู้จัดการหลี่อยากเปลี่ยนอาชีพหรือย้ายงาน คุณมาสมัครทำงานที่ธนาคารผมก็ได้ ส่วนเื่ความเคลื่อนไหวทางบัญชีธนาคาร ผมมีการเคลื่อนไหวแค่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง ก็มีใช้ซื้อลอตเตอรี่รวมไม่กี่หยวน ที่เหลือเป็ยอดเงินเข้าห้าสิบสองล้านกับซื้อโรงแรมเฉียนต๋า แล้วไปๆ มาๆ ก็กลายเป็ผู้ถือหุ้นลำดับที่สองของเฉียนต๋ากรุ๊ปกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปด้วยครับ" เฉินเฟิงอธิบายตามความจริงทุกอย่าง แต่ความจริงนี้กลับฟังดูราวกับเื่เพ้อฝันมากกว่า
"คุณถูกหวยแล้วก็กลายเป็ผู้ถือหุ้นลำดับที่สองของเฉียนต๋ากรุ๊ปกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปเหรอคะ?!" หลี่ชิงเจาถามด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
เฉินเฟิงพยักหน้าป็นการยืนยัน
"ครับ! ถ้ามีปัญหายังไงผมไปขอกู้ยืมธนาคารอื่นก็ได้ เงินสำรองของพวกคุณก็น่าจะอยู่กับผู้เฒ่าหวังหมดแล้ว" เฉินเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเื่จะกลายเป็แบบนี้ เหตุผลหลักเลยคือเขายังหนุ่มเกินไป คงไม่มีธนาคารไหนอยากให้เขากู้ โดยเฉพาะหลังจากตรวจสอบความเคลื่อนไหวของบัญชีเขา เพราะโดยปกติแล้วต้องมีความเคลื่อนไหวอย่างน้อยครึ่งปีเพื่อทำเื่กู้ยืม
"คุณเฉินคะ สถานการณ์ของคุณค่อนข้างเฉพาะเกินไป ดิฉันขอแนะนำให้รอมีความเคลื่อนไหวทางบัญชีมากกว่านี้ก่อน ไม่อย่างนั้นธนาคารอื่นก็คงไม่ให้ผ่านเช่นกันค่ะ" หลี่ชิงเจาให้คำแนะนำหลังจากคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน
เฉินเฟิงไม่เก็บคำแนะนำมาใส่ใจ
"ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน ผมจะลองถามธนาคารอื่นดูก่อน บางทีวันข้างหน้าผมอาจกลายเป็ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคาร ICB ก็ได้นะ"
เฉินเฟิงไม่พูดเปล่า เขาเก็บเอกสารและเดินออกมาพร้อมหลิ่วอีอีโดยไม่พูดอะไรเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา
การทำเื่กู้ยืมค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร ยิ่งกว่านั้นผู้เฒ่าหวังเพิ่งกู้ธนาคารนี้ไป เฉินเฟิงเองก็รู้สึกเหมือนกันว่า ICB สาขาเมืองโม๋ตูนี้คงไม่มีเงินสำรองมากพอให้เขากู้
ทุกธนาคารมีเป้าหมายเงินฝากและเพดานปล่อยกู้ต่างกัน แน่นอนว่าการฝากเงินไม่ว่าที่ไหนก็ยินดีต้อนรับ แต่การปล่อยกู้มีเพดานสูงไม่เหมือนกัน
หลี่ชิงเจาคิดว่าเฉินเฟิงพูดเล่นเื่เปิดธนาคาร เธอจึงไม่คิดอะไรมาก แต่เมื่อเฉินเฟิงพูดว่าเขาจะกลายเป็ผู้ถือหุ้นของธนาคาร ICB นั้นฟังดูเหลือจะเชื่อเกินไป
แม้แต่กลุ่มธุรกิจอสังหาริมขนาดใหญ่อย่างเฉียนต๋ากรุ๊ปหรือปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปก็ยังต้องกู้เงินธนาคารอยู่เสมอ แต่พวกเขาไม่เคยพูดว่าจะเข้าลงทุนในธนาคาร
ธนาคาร ICB เป็สถาบันแบบไหน ใครบ้างไม่รู้?
โดยพื้นฐานแล้วธนาคาร ICB เป็ของประเทศเหยียนหวง นิติบุคคลทั่วไปจะกลายเป็ผู้ถือหุ้นได้อย่างไร?
ในปี 1995 ธนาคารเหล่านี้เป็ของรัฐจริง แต่เฉินเฟิงรู้ดีว่าในอนาคต รัฐวิสาหกิจหลายแห่งจะแปลงเป็บริษัทมหาชน ตราบใดที่เฉินเฟิงมีเงินมากพอ เขาก็มีโอกาสถือหุ้น ICB
ถ้าพูดถึงธุรกิจที่ทำเงินได้มากที่สุด ธนาคารเหล่านี้ย่อมเป็อันดับต้นๆ
ในอนาคตปี 2021 ธนาคาร ICB จะเป็ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดในโลก รวมถึงมีกำไรสุทธิมากที่สุดด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเฉินเฟิงจึงประกาศว่าในอนาคตเขาต้องเปิดธนาคารพาณิชย์ของตัวเองและเข้าลงทุนในธนาคาร ICB
ใช้เงินทำงาน เป็วิธีการสร้างรายได้ที่เร็วที่สุด!
แม้ว่าธนาคาร ICB จะไม่อนุญาตให้มีผู้ถือหุ้นหลัก แต่ก็ยังมีหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ ยังไงเสียเฉินเฟิงก็กลายเป็ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ใหญ่ที่สุดได้
"คุณเฉิน ล้อเล่นอะไรกันคะเนี่ย? ธนาคาร ICB ของเราเป็รัฐวิสาหกิจ บุคคลทั่วไปไม่สามารถเข้าร่วมลงทุนได้นะคะ" ในที่สุดหลี่ชิงเจาก็โต้แย้งอย่างอดไม่อยู่
เฉินเฟิงหยุดชะงักทันควัน เขาหันหน้ากลับไปมองหลี่ชิงเจาและแย้มรอยยิ้มยินดี
"กล้าเดิมพันกันไหมครับ ภายใน 10 ปีนี้ ผมจะเข้าลงทุนในธนาคาร ICB และกลายเป็ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ใหญ่ที่สุด"
หลี่ชิงเจาหัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน
"คุณเฉิน คุณช่างพูดเล่นเก่งจริงๆ แต่ดิฉันอยากรู้ว่าคุณจะเดิมพันด้วยอะไร"
เมื่อเห็นผู้จัดการสาวคนนี้ตกหลุมพราง เฉินเฟิงก็พูดด้วยคำพูดก้ำๆ กึ่งๆ
"คิดว่าผมกลายเป็ผู้ถือหุ้นของเฉียนต๋ากรุ๊ปกับปี้หลงเยี่ยนกรุ๊ปได้ยังไงครับ? ผมเซ็นสัญญาเดิมพันกับผู้เฒ่าหวังและผู้เฒ่าหยาง หลังจากนั้นพวกเขาก็โอนหุ้นให้ผม"
หลี่ชิงเจาถามกลับด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ช่วยอธิบายให้ละเอียดได้ไหมคะ แม้ว่าดิฉันไม่ได้เป็เศรษฐีพันล้าน แต่ในฐานะผู้จัดการธนาคาร ICB สาขาโม๋ตู ดิฉันค่อนข้างสนใจประสบการณ์ใหม่ๆ"
หลี่ชิงเจาเองก็ตระหนักถึงเื่ที่ว่าเธอตกหลุมพรางเฉินเฟิงเข้าอย่างจัง ไม่อย่างนั้นเฉินเฟิงจะยอมถอดใจเื่เงินกู้อย่างว่าง่ายได้ยังไง?
ด้วยมูลค่าเอกสารสัญญาในมือ เฉินเฟิงถือว่าเป็คนหนุ่มผู้ร่ำรวยคนหนึ่งเหมือนกัน
"ฮะๆ งั้นพวกเราไปคุยกันต่อที่ออฟฟิศเถอะครับ ที่นี่คนเยอะเกินไป มันเสียงดัง"
รอยยิ้มเฉินเฟิงเ้าเล่ห์ยิ่ง
