“พวกเ้าเก็บสะสมคะแนนมาได้เท่าไร?” เย่ชิงหานฟังจนจบจากนั้นจึงเอ่ยปากถามออกไปพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เกือบจะห้าพันคะแนนแล้ว!” เย่อีพูดออกมาอย่างรู้สึกละอายใจ
“อืม...ไม่เลว! ต่อไปพวกเ้าวางแผนกันไว้ว่าอย่างไร? หรือว่าจะไปร่วมกับพวกข้า?” เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับ พวกเย่อีล่าแต้มได้มากมายขนาดนี้ถือว่าไม่เลวแล้ว ขนาดสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิที่พวกเขาทั้งสี่ตระกูลจัดตั้งขึ้นมายังไม่สามารถล่าสะสมแต้มได้ถึงสี่พันเลยด้วยซ้ำ!
แผนการเหยื่อล่อของพวกเย่อีทำได้ไม่เลว และแรกเริ่มยังไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมากนัก ดังนั้นการล่าสะสมแต้มจึงได้มาค่อนข้างง่าย อีกทั้งพวกเขาต่างเป็เด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยง ภายในร่างจึงไม่มีพลังทางสายเืของทั้งห้าตระกูลใหญ่ ทั้งเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนจึงไม่ได้คิดว่าเป็คนของทั้งห้าตระกูล ดังนั้นเมื่อแรกเริ่มนักรบต่างเผ่าทั้งสองเขตปกครองจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากเท่าไร แต่ต่อมาพวกเย่อีสังหารนักรบของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนมากเกินไปจึงทำให้เยาขาข่าออกมาไล่ตามฆ่าอย่างที่เห็น
เย่อีส่ายหัวไปมา มองไปทางเย่สือซานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมจริงจัง “ไปกับพวกเ้า? นายน้อยหาน ชื่อเสียงของกองกำลังพวกท่านในตอนนี้โด่งดังกว่าพวกข้าในตอนนั้นเสียอีก ระหว่างทางขากลับมาข้าสอบถามมาหมดแล้ว เอาอย่างเดิมแหละดีแล้วพวกท่านอยู่ในที่แจ้งส่วนพวกข้าอยู่ในที่ลับ ครั้งนี้ที่มาพบก็เพื่อจะบอกเื่สำคัญแก่พวกท่านว่าอย่าได้ถูกโอบล้อมโจมตีอย่างพวกข้าอีก ปลอดภัยไว้ดีที่สุด ผู้าุโครูฝึกสั่งกำชับพวกข้ามาว่าความปลอดภัยต้องมาก่อน ยาิญญาเทวะไม่ได้มีแค่ในงานประลองาระหว่างเขตปกครองทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็ต้องเอาชีวิตเข้าไปแลกถึงเพียงนั้น”
“อืม พวกข้าเข้าใจแล้ว ั้แ่พรุ่งนี้เป็ต้นไปพวกข้าจะสั่งให้นักฆ่าตระกูลฮวาขยายอาณาเขตการลาดตระเวนและเฝ้าระวังภัยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว พี่ใหญ่พวกท่านระวังตัวด้วย พี่จิ่วท่านวางใจได้หากมีโอกาสข้าจะต้องแก้แค้นแทนท่านให้ได้” เย่สือซานพยักหน้าแล้วมองไปยังเย่ชิงหาน จากนั้นทั้งสองลุกขึ้นทำการอำลา กองกำลังของพวกเขาจากไปได้ระยะทางหนึ่งแล้วจำเป็จะต้องรีบตามไปให้เร็วที่สุด
พวกเย่อีทั้งสี่มองส่งเย่ชิงหานและเย่สือซานจนจากไป จากนั้นหันหลังกลับเข้ามายังภายในถ้ำ เย่ซานเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?”
เย่อีนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “จะอย่างไรต่อน่ะรึ ตอนนี้พวกเราถูกทั้งสองเผ่าหมายหัวเอาไว้แล้ว ในเมื่อแอบซ่อนไม่ได้แล้วก็ทำมันอย่างโจ่งแจ้งเลยแล้วกัน ทำตามพวกนายน้อยออกท่องเที่ยวไปตามสนามรบทุกๆ วัน เจอเป้าหมายที่สามารถจัดการได้ก็จัดการ จัดการไม่ได้ก็ล่าถอย สุดยอดกองกำลังของพวกนายน้อยหานตอนนี้ชื่อเสียงโด่งดังเป็อย่างมาก พวกเราไปช่วยดึงความสนใจของพวกนักรบต่างเผ่ามาสักหน่อยก็ยังดี จะอยู่หรือตายโชคชะตาฟ้าลิขิต พี่น้องของข้าพยายามกันหน่อย ภารกิจครั้งนี้ทำสำเร็จอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของพวกเราก็จะได้สบายกันแล้ว...”
เย่ชิงหานและเย่สือซานหลังจากไล่ตามมาอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ตามมาทันกองกำลังของทั้งสี่ตระกูล หลังจากนั้นเย่สือซานรีบออกคำสั่งให้หน่วยลาดตระเวนและเฝ้าระวังภัยขยายอาณาเขตออกไปอีกหนึ่งเท่าตัว จากของเดิมห้ากิโลเมตรเพิ่มขึ้นเป็สิบกิโลเมตร ถึงแม้ว่าขอบเขตของงานที่กว้างขึ้นจะทำให้หน่วยลาดตระเวนและหน่วยเฝ้าระวังภัยต้องทำงานหนักขึ้น แต่เมื่อได้รับรู้เื่ราวของเย่จิ่ว เย่สือซานตัดสินใจออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ว่าอย่างไรความปลอดภัยก็ต้องมาก่อนเป็อันดับแรก
เข้ามาภายในเกาะแห่งความมืดมิดก็เป็เวลาสี่เดือนแล้ว แต่สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสี่ตระกูลเพิ่งจะล่าสะสมคะแนนได้แค่เกือบจะสี่พันเพียงเท่านั้น เย่ชิงหานอดไม่ได้ที่จะเป็กังวลและร้อนใจ แม้ยามปกติเขาจะไม่พูดออกมาแต่ทุกคนรับรู้ได้เป็อย่างดีถึงความอับจนปัญญาและความร้อนรนกระวนกระวายใจของเขา ดังนั้น กองกำลังของพวกเขาหลายวันมานี้จึงออกท่องเที่ยวอยู่ภายในเขตสนามรบอยู่ตลอด เพื่อหวังว่าจะพบเจอเข้ากับกองกำลังของนักรบต่างเผ่าบ้างพอได้เก็บคะแนนเพิ่มเติม
เพียงแต่หลายวันมานี้นักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนเหมือนมีบางอย่างที่ผิดแปลกไป พวกเขาไม่พบกองกำลังของทั้งสองเขตปกครองเลยแม้แต่สักหน่วยเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าประมาทยังคงท่องเที่ยวไปบนเกาะแห่งความมืดมิดด้วยความระมัดระวัง
“พวกเย่อีไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม?” ขณะที่เดินอยู่เย่ชิงอู่ค่อยๆ แอบเดินเข้ามาหาเย่ชิงหาน ถามออกมาด้วยความห่วงกังวล
“เย่จิ่วเสียแขนไปข้างหนึ่ง เป็ฝีมือของเผ่าปีศาจเยาขาข่า” เย่ชิงหานกัดฟัน เส้นเอ็นบนหน้าผากปรากฏนูนขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้าเศร้าเสียใจ
“อืม!” เย่ชิงอู่ดวงตาหรี่ลง กัดริมฝีปากพร้อมกับส่ายหัว จากนั้นถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น “สามารถรอดชีวิตกลับมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว วันหน้าค่อยให้ทางตระกูลชดเชยให้แก่เขาอย่างดีเป็การตอบแทนก็แล้วกัน”
เย่สือซานทางนั้นได้บอกเล่าเื่ราวแก่เย่สือชีที่รอมานานนับเดือน แม้จะไม่ใช่ข่าวร้ายแต่การเสียแขนไปข้างหนึ่งของเย่จิ่วก็ทำให้เขารู้สึกเป็ห่วงกังวลอยู่ภายในใจ ใบหน้าของเขาดำคล้ำลงในทันที ดวงตาลุกโชนขึ้นด้วยไฟแห่งโทสะ สายตาสาดส่องไปทั่วทั้งสี่ทิศราวกับว่าจะมองหานักรบเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนออกมาให้ได้เพื่อมาระบายไฟโทสะที่เดือดดาลอยู่ภายในใจในขณะนี้
กลางหุบเขาลำเนาไพรในตอนนี้ไม่มีปีศาจและไม่มีคนเถื่อน มีเพียงสายลมเย็นที่พัดโชยมาและหมู่แมกไม้เขียวขจีที่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด เพียงแต่...หน่วยลาดตระเวนของตระกูลฮวานำข่าวดีอย่างหนึ่งกลับมารายงาน ทำให้ดวงตาของเขาทอประกายแสงแหลมคมขึ้น
สี่ห้าวันมาแล้ว ในที่สุดก็พบเจอกับกองกำลังรบเผ่าปีศาจเสียที
“หยุดอยู่กับที่เพื่อรอคำสั่ง เตรียมพร้อมทำการสู้รบ หน่วยฮวาอีทำการลาดตระเวนและเฝ้าระวังภัยต่อ ตรวจสอบดูพลังรบของกองกำลังนักรบต่างเผ่าที่พบให้ชัดเจนแล้วกลับมารายงานอย่างเร็วที่สุด”
เย่สือซานออกคำสั่งอย่างระมัดระวัง แม้เมื่อนึกถึงภาพแขนของเย่จิ่วที่ขาดด้วนและความคับแค้นเสียใจที่อยู่ภายในใจมันทำให้เขาอยากจะบุกทะลวงออกไปฆ่าอย่างบ้างระห่ำ แต่เขาก็ยังข่มมันเอาไว้ ออกคำสั่งให้ตรวจสอบและหยุดรออยู่กับที่ก่อน
หลังจากผ่านมาหลายวันในที่สุดก็จะได้ต่อสู้อีกครั้ง ฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อดวงตาปรากฏแววกระหายการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ค่อยๆ ลูบไล้ดาบที่อยู่ในมือของตนเอง สำหรับการออกคำสั่งที่ค่อนข้างระมัดระวังของเย่สือซานพวกเขาไม่ได้มีความเห็นแต่อย่างใด เพียงแต่ลมหายใจที่หนักหน่วงและถี่ขึ้นของพวกเขาเปิดเผยให้เห็นถึงความรีบร้อนภายในใจอย่างชัดเจน
เย่ชิงหานยืนอยู่เงียบๆ ไม่ได้มีอาการเคลื่อนไหวใดๆ มีเพียงแค่ศีรษะที่ก้มลงมองดูแหวนคะแนนสีเหลืองที่อยู่ในมือ เย่อีที่เป็กองกำลังลับไม่สามารถปฏิบัติการได้อย่างบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้มีบุคคลที่ราวกับมกุฎราชกุมารจากทั้งสองเผ่ามาเข้าร่วมด้วย ทำให้การสู้รบที่คาดคิดไว้ว่าจะต้องชุลมุนวุ่นวายเหมือนดั่งเช่นทุกครั้งนั้นกลับกลายเป็มีระเบียบแบบแผนขึ้นมา เดิมทีคิดว่ากองกำลังลับจะสามารถเก็บสะสมคะแนนถึงเป้าได้อย่างไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ มากมาย แต่ตอนนี้ไม่แน่นอนแล้ว ภายในใจของเขาในตอนนี้ทั้งกระวนกระวาย ทั้งห่วงกังวล และทั้งกลัดกลุ้ม
หลังจากผ่านไปได้สิบนาที หน่วยลาดตระเวนของตระกูลฮวากลับมาพร้อมกับข่าวดี ในละแวกใกล้เคียงสิบกิโลเมตรจากการตรวจสอบดูไม่พบนักรบต่างเผ่าอื่นอีก ส่วนกองกำลังนักรบเผ่าปีศาจที่พบล้วนเป็ปีศาจเสือดาวทั้งหมด พบว่าภายในมีนักรบพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์ปีศาจเพียงตัวเดียวเท่านั้น
“สู้!”
เย่สือซานกับนักรบพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบคนอื่นๆ มองตากัน จากนั้นพยักหน้าแล้วออกคำสั่งเข้าต่อสู้ในทันที
“แหะๆ!” เฟิงจื่อยิ้มออกมาดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยขยับกระบี่ใหญ่ที่สะพายอยู่ด้านหลัง ฮวาเฉ่าและฮวาซินพยักหน้า ทั้งสองทำท่าโบกมือนักฆ่าของตระกูลฮวาทั้งหมดเริ่มอำพรางกายแยกย้ายหายกันออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ เย่ชิงหานค่อยๆ ดึงกริชัเขียวที่เสียบไว้ที่รองเท้าบูทยาวออกมา ออกเดินไปพร้อมกับเย่ชิงอู่ไปยืนรวมอยู่กับกองกำลังลูกหลานของตระกูลเย่
พวกเขาทั้งหมดค่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แ่เบา และเป็ระเบียบแบบแผน สี่เดือนที่ร่วมมือต่อสู้สอดประสานกันมาทำให้พวกเขาในตอนนี้รู้ใจกันเป็อย่างดี สี่เดือนสำหรับการสู้รบที่เจิ่งนองไปด้วยเืล้วนทำให้พวกเขาเคยชินไปเสียแล้ว แม้กระทั่งดวงตาของนักรบสาวตระกูลเยว่ในตอนนี้ยังเปล่งประกายแสงของความอยากจะลงไม้ลงมือเสียด้วยซ้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้