“เ้ามีจิตใจนี้ก็พอแล้ว ชิงเกอไม่ได้เป็สหายกับเ้าโดยเสียเปล่า แต่ว่าเื่ที่เหลือให้ข้าเป็คนจัดการเถิด เ้าเป็คนต่ำต้อยคำพูดย่อมไม่มีน้ำหนัก สามารถโน้มน้าวเศรษฐีเฒ่าเหอกับข้าได้ แต่ยากที่จะโน้มน้าวผู้อื่น”
นายท่านห้าเฉิงตกลงแล้ว!
สมองของชุยเยี่ยนแล่นอย่างรวดเร็ว นายท่านห้าไม่เพียงตกลงแล้ว ยังเกรงว่าเขาจะมีน้ำหนักไม่พอ จึงตัดสินใจที่จะมาดำเนินการเื่นี้ด้วยตนเองสินะ?
สายตามองคนของเ้าเด็กเฉิงชิงแม่นยำจริงๆ
ก่อนหน้านี้ชุยเยี่ยนดูิ่เหยียดหยามพวกตระกูลใหญ่ร้อยปี ก็แค่บรรพบุรุษรุ่นก่อนโชคดีได้เป็ขุนนาง แต่พวกเขาตระกูลชุยชะตาไม่ดีจึงตกต่ำลงมาเป็พ่อค้า
พวกขุนนางเ่าั้ใช้จ่ายเงินแสดงความเคารพของตระกูลชุยไปพลางดูถูกตระกูลชุย
ชุยเยี่ยนขยะแขยงระบบชนชั้น ‘บัณฑิตชนชั้นนำ กสิกร กรรมกรและพ่อค้า’ และไม่รู้สึกว่าตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋จะเก่งกาจอะไรมากนัก
จนกระทั่งตอนนี้ ชุยเยี่ยนมองการรับ่ต่อเื่นี้อย่างสงบของนายท่านห้าเฉิง เขาจึงได้ตระหนักถึงระยะห่างของทั้งสองคน
เงินของตระกูลชุยแม้จะกองสูงเป็ูเาขนาดย่อม แต่ความมั่นใจก็มีไม่มากเท่านายท่านห้าเฉิง
เมื่อยามแรกเริ่ม นายท่านห้าเฉิงไม่เห็นด้วยกับการยกเื่ที่เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอในปีนี้ในทันที เมื่อถูกเขาโน้มน้าวก็ตัดสินใจที่จะออกหน้าเป็ผู้นำอย่างเยือกเย็น
เขากระวนกระวายมาก รู้สึกว่าแผน ‘ช่วยเหลือ’ เฉิงชิงเป็เื่ใหญ่อย่างยิ่ง แต่ภายในสายตาของนายท่านห้าเฉิงก็เหมือนกับการละเล่นครอบครัวของเด็กน้อย
ดังนั้นสุดท้ายแล้วจึงยังมีความแตกต่างอยู่
หากไม่มีความแตกต่าง เขาก็คงจะอยู่บ้านเป็คุณชายพ่อค้าร่ำรวยที่เรียกใช้ข้ารับใช้หญิง คงไม่แล่นมาหาความยากลำบากถึงสถานศึกษาหนานอี๋หรอก!
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีจึงจะสามารถเปลี่ยนตระกูลชุยเป็ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋อีกแห่ง เรียกลมเรียกฝนได้ ขอเพียงไม่ขุดหลุมสามฉื่อแล้วขุดรากถอนโคนจนเกลี้ยง ถึงอย่างไรความล้มเหลวเพียงชั่วคราวก็คงไม่มีผลกระทบมากมายต่อตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋หรอกกระมัง?
แม้จะเปลี่ยนราชวงศ์ปรับรัชสมัย ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ก็ต้องมีขุนนางบุ๋นช่วยปกครองใต้หล้า
ชุยเยี่ยนออกจากบ้านห้าด้วยฝีเท้าเบาหวิว
เขาวิ่งเต้นให้สหาย แต่จากประสบการณ์ของครอบครัวเฉิงชิง ชุยเยี่ยนก็เข้าใจบางสิ่งขึ้นแล้ว
มีบางสิ่งที่เมื่อก่อนเขารู้เพียงผิวเผิน เสมือนมีม่านหมอก อยากจะมองดอกไม้ก็มองได้ไม่ชัดเจน เฉิงชิงตกระกำลำบาก ท่าทีที่เดี๋ยวผ่อนคลายเดี๋ยวเข้มงวดนั้นของเ้าเมืองอวี๋ เมื่อชุยเยี่ยนสังเกตดูแล้ว กระดาษหน้าต่างชั้นนั้นก็ถูกแทงทะลุแล้ว
สิ่งนี้มีผลกระทบอะไรกับชุยเยี่ยน บัดนี้ตัวเขาเองก็ยังคงไม่เข้าใจ
แม้จะมอบหมายเื่ราวให้นายท่านห้าเฉิงออกหน้าแล้ว แต่ชุยเยี่ยนก็ยังคงมีเื่ที่ต้องลงมือด้วยตัวเอง เขากลับไปยังสถานศึกษาในยามค่ำคืน
นายท่านห้าเฉิงรู้ความจริงมากกว่าชุยเยี่ยน ั้แ่เยี่ยอ๋องซื่อจื่อเอ่ยแก้ตัวในท้องพระโรงให้จวนเยี่ยอ๋อง นายท่านหกเฉิงที่อยู่เมืองหลวงส่งจดหมายมาฉบับแล้วฉบับเล่า มีบางครั้งที่จดหมายก่อนหน้าเพิ่งจะมาถึงมือ จดหมายฉบับหลังก็มาถึงแล้ว เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายท่านหกเฉิงหวังจะให้หลายชายที่โชคร้ายของตระกูลได้รับการชำระมลทิน เพียงตามความเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ ‘เฉิงจือหย่วน’ สามตัวนี้ถูกฝังเข้าไปในตาพายุ เยี่ยอ๋องซื่อจื่อไม่ใช่สิ่งของ รังแกคนตายที่ไม่อาจพูด ผลักเฉิงจือหย่วนไปอยู่ภายใต้สายตาของทุกคน
เฉิงชิงและเยี่ยอ๋องซื่อจื่อรวมหัวกัน เหมือนดั่งที่นายท่านห้ากล่าวไว้ว่า เป็การขอหนังจากเสือ!
“จะบุญหรือกรรมก็หลบไม่พ้น”
ในเมื่อการเสียชีวิตของเฉิงจือหย่วนดึงดูดสายตาของทั้งท้องพระโรง นายท่านหกเฉิงก็ได้แต่เอ่ยว่าให้รอ
ตระกูลเฉิงไม่อาจยื่นมือไปยุ่ง ตระกูลเฉิงอยู่ในเขตหนานอี๋ทำสิ่งใดล้วนง่ายดาย แต่เมื่อทำไปจริงแล้ว ผลลัพธ์ที่ศาลต้าหลี่ตรวจสอบออกมาก็ไม่อาจเชื่อถือได้แล้ว นี่ถือเป็การถ่วงมากกว่าการช่วยเหลือ
ดังนั้นนายท่านห้าเฉิงจึงควบคุมมือเท้า ให้ผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่ตรวจสอบ ปล่อยให้เ้าเมืองอวี๋ขังครอบครัวเฉิงชิง
ผู้ตรวจการพิเศษของศาลต้าหลี่จากไปแล้ว เ้าเมืองอวี๋ก็ยังไม่ปล่อยคน
เป็การใช้อำนาจส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ระบายความโกรธให้บุตรชายหรือ?
แน่นอนว่าไม่ใช่ เ้าเมืองอวี๋ต้องระมัดระวัง กลัวว่าจะเกิดความยุ่งยากใดขึ้น
กังวลว่าพอหนังสือตัดสินของราชสำนักที่ส่งลงมาแล้ว จะต้องจับตัวครอบครัวเฉิงชิงอีกครั้ง ไม่สู้ยามนี้กักขังตามเดิม ถึงอย่างไรก็มีอาหารการกิน เงื่อนไขก็เอื้อเฟื้อกว่าในคุกมากนัก
นายท่านห้าเฉิงเอาจดหมายของน้องชายแท้ๆ มาดูอีกรอบหนึ่ง พึมพำกับตนเอง
“ความหวังยังถือว่ามีมาก อย่างน้อยคนของศาลต้าหลี่ที่มาตรวจสอบก็เอนเอียงไปทางเฉิงจือหย่วนไร้ความผิด หากผลลัพธ์ของการตรวจสอบไม่เป็ประโยชน์ต่อเฉิงจือหย่วน ทั้งครอบครัวชิงเกอก็ควรอยู่ในคุก ไม่ใช่ถูกกักบริเวณที่ตรอกหยางหลิ่ว…”
ผู้ที่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งขุนนางอย่างมั่นคงย่อมไม่ใช่คนโง่ เ้าเมืองอวี๋ก็เป็ผู้มีอำนาจ สามารถสั่งบุกสั่งถอยได้ ผู้ใดก็ไม่อาจล่วงเกิน!
ในเดือนหนึ่ง บรรยากาศของปีใหม่ยังไม่จางหายไปทั้งหมด
ทว่าวันคืนของครอบครัวเฉิงชิงผ่านไปอย่างเงียบเหงา
ถูกกีดกันจากโลกภายนอก ไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าการตรวจสอบไปถึงขั้นตอนไหนและยิ่งไม่รู้ถึงความคืบหน้าของคดี
ราวกับล่องเรืออยู่อย่างโดดเดี่ยวในมหาสมุทร ลมพัดไปทางไหน เรือลำน้อยก็แล่นไปทางนั้น ไม่ใช่การตัดสินของคนตระกูลเฉิงเลยแม้แต่น้อย
เฉิงชิงไม่รู้ว่าเพื่อนคนแรกในสถานศึกษาของตนใช้แรงกายมากมายเพื่อวิ่งเต้นให้นาง ้าให้นางออกมาจากตรอกหยางหลิ่วล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ
บุตรชายของพ่อค้า เกิดมาก็รู้จักการไล่ตามผลประโยชน์หลีกหนีอันตราย ไหนเลยจะมีผู้ที่จริงใจจริงๆ
เป็เพราะก่อนหน้าที่เฉิงชิงจะทะลุมิติมาก็เป็เช่นนี้ ครอบครัวที่ร่ำรวยเล็กน้อยและสงบสุขยังสามารถเลี้ยงดูดอกไม้ในเรือนกระจก สาวน้อยอ่อนหวานใสซื่อจากครอบครัวที่ร่ำรวยมากย่อมมีจุดจบที่น่าอนาถ
ถูกกดทับด้วยแรงกดดันยามเมื่อมาส่งสิ่งของที่ตรอกหยางหลิ่ว ก็คงจะเป็ขีดจำกัดของชุยเยี่ยแล้ว
แม้จะเป็เช่นนี้ เฉิงชิงก็ยังตัดสินใจที่จะยกระดับชุยเยี่ยนจากเพื่อนกินเป็สหายที่แท้จริง หลังจากนั้นการคุ้มกันเปลี่ยนเป็แ่า แม้แต่สิ่งของจากบ้านห้าก็เข้ามาไม่ได้ เฉิงชิงก็ไม่ได้ฝากความหวังว่าชุยเยี่ยนจะสามารถทำอะไรให้นางได้มากกว่านี้
เป็สหายไม่อาจเป็ฝ่ายร้องขออยู่ฝ่ายเดียว และยิ่งไม่ควรบังคับให้ผู้อื่นลำบากใจ
เช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว…
นางไม่คิดเลยว่าชุยเยี่ยนจะรู้สึกว่าตนเองยังทำไม่พอ
เฉิงชิงใช้จิตใจของคนวัยยี่สิบกว่าปี มาประเมินชุยเยี่ยนที่มีพื้นเพการเติบโตเหมือนกัน แต่นางลืมไปแล้วว่าชุยเยี่ยนที่นางรู้จักยามนี้เพิ่งจะอายุสิบกว่าปี ยังไม่ใช่คนแก่เ้าเล่ห์ที่ถูกสังคมทำร้ายจนร้อยพิษไม่อาจแผ้วพานยากที่จะคบค้า คนเขาเป็เด็กหนุ่มใสซื่อของจริง!
อวี๋ซานเองก็ยังอายุไม่เท่าไร ทั้งยังเป็ถึงคุณชายบุตรเ้าเมือง ยามนั้นก็ออกหน้าให้เฉิงกุยเช่นเดียวกัน เฉิงกุยยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรเสียด้วยซ้ำ อวี๋ซานก็มองเฉิงชิงซ้ายขวาไม่รื่นตา หาเื่นางด้วยสารพัดวิธีการ
เพื่ออะไรเล่า?
ถ้าไม่ใช่ถูกผลักดันด้วยความรักพวกพ้องอย่างเต็มเปี่ยม!
ผู้ใหญ่มักจะชั่งผลที่ได้และผลที่เสีย แต่การที่หนุ่มสาวเืขึ้นหน้าง่ายอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเฉิงชิง
อย่ามองว่านางเป็ผู้ที่เยือกเย็นที่สุดในบ้าน ทุกวันร่ำเรียนอย่างยากลำบากอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ที่จริงแล้วก็เป็การฆ่าเวลา นางไม่มีความหวังในการเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอของปีนี้แล้ว
ภายในใจด่าทอเยี่ยอ๋องซื่อจื่อให้ไปตาย กล่าวอย่างดีว่าจะคลี่คลายภายในสามเดือน บัดนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
หากพลาดการสอบระดับอำเภอของปีนี้ นางก็ต้องรอไปอีกหนึ่งปี
ไม่ได้ นางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเอง ไม่อาจนั่งรอความตาย
เฉิงชิงกางกระดาษ จัดระเบียบถ้อยคำของตนเองแล้วก็ลงพู่กัน
มายังแคว้นเว่ยจะครบหนึ่งปีแล้ว ตัวอักษรของนางมีการพัฒนาการ ไม่อาจกล่าวได้ว่าทำให้ผู้คุมสอบตกตะลึง แต่ก็พอจะเข้าตาได้บ้าง ถึงพลังในตัวอักษรจะยังไม่มี แต่ก็นับได้ว่าถูกต้องเหมาะสม
จดหมายฉบับนี้ นางเขียนถึงราชบัณฑิตเสิ่น
แม้ไม่แน่ใจว่าเ้าหน้าที่จะช่วยส่งให้นางหรือไม่ แต่ก็ต้องลองดูเสียหน่อย?
——เมื่อลองก็มีความหวัง ถ้าไม่ลองก็อย่าไปฝากความหวังว่าผู้ใดจะมีเมตตามาช่วย!
