เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับชั่วพริบตา จุนห่าวมาอยู่ ณ แผ่นดินชางหลานได้หนึ่งเดือนแล้ว ใน่หนึ่งเดือนมานี้ จุนห่าวกับหานรุ่ยมีชีวิตความเป็อยู่ที่อบอุ่นและสงบสุข ท้องของหานรุ่ยนั้นยิ่งโตขึ้น ทุกครั้งที่เห็นหานรุ่ยพยุงท้องเดินไปเดินมา ก็ทำเอาจุนห่าวเป็ห่วงไม่น้อย เกรงว่า ถ้าหานรุ่ยไม่ระวังท้องอาจจะถูกกระทบกระแทกได้ ยามนี้จุนห่าวเป็ดั่งหางเล็ก ๆ ของหานรุ่ย หายรุ่ยเดินเหินไปไหน เขาก็จะตามไปที่นั่นและคอยดูแลปรนนิบัติหานรุ่ยอยู่ไม่ห่าง
ใน่เวลานี้ จุนห่าวได้ปลูกข้าวิญญา ยาิญญา อีกทั้งผักผลไม้ในเทศะ ภายในเทศะได้แปรเปลี่ยนเป็พลังชีวิตที่เปี่ยมล้น หลังจากปลูกสิ่งต่าง ๆ ในเทศะแล้ว จุนห่าวก็รับรู้ได้ว่าพลังปราณในเทศะหอมกรุ่นขึ้น
ดินสีแดงในเทศะ ช่างสมแล้วที่เป็ ‘ดินเซียน’ ไม่ว่าจะผักผลไม้ธรรมดา ข้าวิญญา หรือยาิญญาที่ปลูกในเทศะแห่งนี้ เพียงไม่กี่สิบวันก็โตเต็มที่แล้ว ออกลูกออกผลจนถึงขั้นที่ทั้งสองคนกินไม่หวาดไม่ไหว จุนห่าวจึงปล่อยให้มันอยู่ในเทศะไปทั้งอย่างนั้น แต่อย่างไรก็ตามพืชที่ปลูกในเทศะแห่งนี้ หลังจากโตเต็มที่แล้ว ก็จะไม่โตขึ้นอีก ทั้งนี้สรรพสิ่งที่เกิดในเทศะล้วนมีพลังิญญา พืชผลที่จุนห่าวกับหานรุ่ยกินอยู่ทุกวันนี้ ล้วนเปี่ยมไปด้วยพลังิญญา พลังปราณทั้งหมดจึงเพิ่มทวีขึ้น หลังจากหานรุ่ยฟื้นฟูจากอาการาเ็อยู่สองวัน ก็สามารถดูดซับพลังเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ จนกลายเป็นักพรตผู้ฝึกปราณขั้นที่หนึ่ง และเนื่องด้วยตั้งครรภ์ แม้ว่าหานรุ่ยจะบำเพ็ญเพียรได้แล้ว แต่ก็ไม่อาจใช้กำลังวังชาบำในการบำเพ็ญเพียรได้มากนัก อนึ่ง เพราะยามนี้เขาเคลื่อนไหวได้ช้า แม้แต่นั่งยังยากลำบาก เขาจึงมุ่งที่จะดูแลลูกแฝดเป็หลัก ่เดือนนี้จุนห่าวขุนหานรุ่ยจนอ้วนขึ้นมาก แล้วให้เสี่ยวไป๋คอยตรวจดู เสี่ยวไป๋กล่าวว่าลูกแข็งแรงกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว
ทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดี เมื่อครั้งที่จุนห่าวและหานรุ่ยจัดระเบียบเทศะ จุนห่าวได้พบวิชาฝึกวิชาหนึ่ง วิชาฝึกนี้มีชื่อว่า ‘เคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้น’ พอได้เห็นวิชานี้ จุนห่าวก็รู้สึกว่า วิชาฝึกนี้เหมาะกับเขามาก หลังจากที่เขากับหานรุ่ยปรึกษากัน จุนห่าวจึงเริ่มฝึกวิชานี้ ั้แ่ที่เริ่มบำเพ็ญเพียรวิชานี้ จุนห่าวรู้สึกว่าตนเองดูดซับพลังปราณได้เร็วกว่าร่างเดิม ทั้งยังประกอบกับการที่กินสิ่งที่เปี่ยมด้วยพลังิญญาในปริมาณมาก ภายในหนึ่งเดือนจุนห่าวจึงได้สะสมพลังปราณมากกว่าที่ร่างเดิมสะสมมาเป็ระยะเวลาสิบปี ถึงตอนนี้จุนห่าวจะบำเพ็ญเพียรถึงขั้นที่หนึ่งระดับปลายแล้ว แต่จุนห่าวรู้สึกว่า ถ้าเขาบำเพ็ญเพียรต่ออีกเพียงไม่กี่วัน เขาก็จะเข้าสู่ขั้นที่สองได้ ซึ่งเป็การเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับจุนห่าวและทำให้เขามีแรงผลักดันมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เสี่ยวไป๋รู้ว่า จุนห่าวกำลังฝึกบำเพ็ญเพียรเคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้น ก็หัวเราะเย้ยหยันจุนห่าวอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า จุนห่าวกำลังขุดหลุมฝังศพตนเองและยังกำลังจะตัดหนทางตนเองอีกด้วย จุนห่าวถามมันว่าทำไมถึงกล่าวเช่นนี้ เสี่ยวไป๋จึงเล่าประวัติของเคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้นให้เขาฟัง
ตำนานกล่าวว่า เคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้น คือ วิชาฝึกของา สิ่งใดก็ตามที่ติดตราาจะแปรเปลี่ยนเป็ของล้ำค่าที่ไม่ธรรมดา ณ เวลานั้น หลังจากที่วิชาฝึกนี้ปรากฏบนแดนเซียน ก็นำมาซึ่งกลิ่นคาวเือันคละคลุ้งไปทั่วแดนเซียน เหล่าเซียนผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากต่อสู้กันอุตลุด เพื่อแย่งชิงวิชาฝึกนี้ ครานั้น มีเซียนผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากตกจาก์ ท้ายที่สุด ไม่รู้ว่าวิชานี้ถูกผู้ใดแย่งชิงและหายสาบสูญไปจากแดนเซียน จนกระทั่งวิชาฝึกนี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ก็กลายเป็ของที่มีในทุกแห่งหน เพียงชั่วข้ามคืนก็ได้ขจัดขจายไปทั่วแดนเซียน ครานั้น ผู้คนบนแดนเซียนต่างดิ้นรนฝึกเคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้นครั้งใหญ่ นอกจากยอดเซียนแล้ว คนส่วนใหญ่ในแดนเซียนต่างเปลี่ยนไป เพราะบำเพ็ญเพียรเคล็ดวิชานี้ เพราะคิดว่าวิชาเคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้นจะทำให้พลังปราณเพิ่มทวีคูณ ทว่าในความเป็จริง... ดั่งถูกตบด้วยฝ่ามืออย่างแรง คนที่บำเพ็ญเพียรวิชานี้ส่วนหนึ่ง ผ่านไปนานวันเข้าพลังปราณกลับไม่คืบหน้าเลยแม้แต่น้อย บางคนถึงกระทั่งพลังปราณถดถอย หลังจากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวจนละทิ้งการฝึกเคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้น และเปลี่ยนไปฝึกวิชาอื่น คนที่ยังยืนหยัดจะบำเพ็ญเพียรต่อ สุดท้ายก็ไม่ได้บรรลุผลอันใด นับั้แ่นั้นมา เคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้นจึงกลายเป็วิชาฝึกต้องห้ามของแดนเซียนและไม่มีใครกล้าใช้ในการบำเพ็ญเพียรอีกเลย จากที่วิชาฝึกนี้เคยเป็ดั่งสมบัติล้ำค่า แต่ก็กลับกลายเป็ขยะของแดนเซียนซะอย่างนั้น
เมื่อได้ฟังเสี่ยวไป๋เช่นนั้น จุนห่าวก็ไม่หวั่นไหว เขารู้สึกว่าเคล็ดวิชาห้าิญญาฮุ่นตุ้นเหมาะกับเขา เขาคิดว่าถ้าวิชาฝึกที่เหมาะกับตัวเองที่สุด ก็คือวิชาฝึกที่ดีที่สุด ผู้อื่นฝึกไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฝึกไม่ได้ ั้แ่เขาฝึกวิชานี้มา เขาบำเพ็ญเพียรได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็สิ่งที่ประจักษ์แจ้งที่ดีที่สุดแล้ว