ิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟที่ถูกปลดปล่อยออกมายามที่หนิงอ้ายฝึกฝนวิชายุทธได้แฝงไปด้วยความร้อนและความเเข็งแกร่งเป็อย่างมาก บทเวทย์ต่าง ๆ ที่หนิงอ้ายถือครองอยู่นั้นเรียกได้ว่าอาณุภาพของบทเวทย์ดังกล่าวไปทบทวีคูณมากเพิ่มขึ้นหลายเท่า
พื้นที่ส่วนด้านหลังเรือนพักได้แปรเปลี่ยนเป็ลานฝึกขนาดย่อม ด้วยเพราะหนิงอ้ายได้ร่ายเวทย์ป้องกันที่เสริมความเเข็งแกร่งไปอีกหลายชั้น เสียงะเิดังต่อเนื่องที่เกิดจากฝึกฝนเคล็ดวิชาจึงไม่อาจหลุดลอดออกไปสร้างความรำคานแก่ศิษย์พี่ท่านอื่นที่อยู่ไปไม่ไกลจากเรือนพัก
หนิงอ้ายมุ่งเน้นในการใช้ิญญายุทธ์ปราณธาตุไฟของตนเป็หลัก เพราะถึงอย่างไรเเล้วการเรียกใช้ิญญายุทธ์เเต่ละปราณธาตุนั้นล้วนต่างเหมือนกันทั้งสิ้น เพียงต้องอาศัยประสบการณ์ความคุ้นชินเสียมากกว่า แม้ว่าจะใช้ปราณธาตุน้ำตามเคล็ดวิชาคัมภีร์เบญจธาตุได้เเล้วก็จริง เเต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายยังต้องคอยฝึกฝนอยู่เสมอเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญคุ้นชินมากกว่านี้
สำหรับปราณธาตุต่อไปตามคัมภีร์เบญจธาตุที่หนิงอ้ายต้องศึกษา หลังจากปราณธาตุน้ำนั่นก็คือปราณธาตุลม เรียกได้ว่าเป็ปราณธาตุที่เป็อิสระอย่างยิ่ง สามารถเคลื่อนไหวกระจายไปทั่วสารทิศอีกทั้งยังยากที่จะควบคุมให้อยู่นิ่งได้ ดังนั้นหากผู้ฝึกตนที่มีิญญายุทธ์ปราณธาตุลมไม่มีความมั่นคงทางจิตใจรวมไปถึงสมาธิที่มากเพียงพอเเล้วนั้น ก็จะส่งผลให้เกิดความแปรปรวนในร่างกายได้ ร้ายแรงที่สุดถึงขั้นว่าหากจุดตันเถียรเกิดรอยร้าวหรือแตกสลายขึ้นมา เส้นทางชีวิตในฐานะผู้ฝึกตนในยุทธภพคงต้องสิ้นสุดลงไปอย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วก่อนที่จะเริ่มศึกษาปราณธาตุลมจากในคัมภีร์เบญจธาตุ หนิงอ้ายตั้งใจว่าเขานั้นจะฝึกฝนตัวเองโดยการนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจให้มั่นคงทางจิติญญาที่มากกว่านี้ เสียงของท่านผู้เฒ่าได้บอกกับเด็กหนุ่มว่า สำหรับการเตรียมตัวก่อนที่จะเริ่มศึกษาคัมภีร์นี้นอกจากสามารถที่จะนั่งสมาธิกำหนดจิตใจได้ในทุกวันแล้วก็สามารถใช้โอสถจิติญญาได้เช่นกัน
ด้วยเพราะเป็โอสถเฉพาะเจาะจงมากเกินไปรวมไปถึงมีเเต่นักปรุงโอสถระดับหกเท่านั้นที่สามารถหลอมสร้างปรุงโอสถชนิดนี้ได้ หากไม่นับว่าเป็โอสถที่หาได้ยาก มูลค่าต่อหนึ่งเม็ดโอสถก็ค่อนข้างที่จะสูงมากเลยทีเดียว คำกล่าวว่าเพียงเเค่มีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ก็คงไม่เกินจริงไปนักเพราะส่วนใหญ่เเล้วโอสถนี้มักจะถูกหลอมสร้างขึ้นมาให้ตัวเองเสียมากกว่า
การปรากฎตัวของโอสถจิติญญาในหอประมูลเเต่ละครั้งย่อมสร้างแรงสั่นะเืไปทั่ว จากกลุ่มอิทธิพลระดับสูงหรือตระกูลใหญ่ต่าง ๆ เ้าชายในราชวงศ์หรือแม้กระทั่งสำนักศึกษาน้อยใหญ่ ต่างหวังที่จะโอสถนี้ทั้งสิ้น
หนิงอ้ายที่ฟังจบก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่เื่ง่ายดายสักเท่าไหร่นัก การได้มาซึ่งโอสถเม็ดนี้มีความเป็ไปน้อยมาก หรือหากตนต้องคอยนั่งดูดซับปราณฟ้าดินเพื่อเสริมความเเข็งแกร่งของจิติญญานั้นคงเป็อีกหลายสิบปีให้หลังเป็แน่ เเต่เมื่อได้ยินท่านบรรพบุรุษบอกว่าหากสามารถหากระดูกิญญาสัตว์อสูรที่มากไปด้วยจิติญญาและสามารถนำมาประสานเข้ากับร่างกายได้ปัญหาเหล่านี้ก็จะได้รับการเเก้ไข
ขอเพียงว่าหลังจากที่ได้ประสานเข้ากับร่างกายเเล้ว ให้ทำการดูดซับปราณฟ้าดินและโคจรปราณในร่างกายไปตามเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆา เมื่อมีความกล้าแกร่งในจิติญญาที่เพิ่มขึ้นก็จะสามารถเริ่มศึกษาปราณธาตุลมตามเคล็ดวิชาคัมภีร์เบญจธาตุได้เเล้วนั่นเอง...
เช้าวันนี้หนิงอ้ายตั้งใจจะไปอาคารส่วนกลางเพื่อทำการเเลกเปลี่ยนโอสถก่อนที่จะไปหาท่านอาจารย์ของตนเพื่อไปสอบเลื่อนขั้นนักปรุงโอสถ ย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ที่เป็เคล็ดวิชาตัวเบาของเขามีความพริ้วไหวรวดเร็วยิ่ง เพียงชั่วครู่จากเรือนพักก็มาถึงจุดหมายที่้าเเล้วเด็กหนุ่มไม่รอช้าก้าวเท้าเดินเข้าไปในทันที
"มีอะไรให้ข้าช่วยเหลืออย่างนั้นรึ..." ซุนเกาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้ที่เดินเข้ามานั้นเป็ผู้ใด
"คำนับเหล่าซุนขอรับ วันนี้ข้านำโอสถมาแลกแต้มคะเเนนและ้าเเลกเปลี่ยนเป็สมุนไพรด้วยขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย พร้อมกับหยิบขวดโอสถจากเเหวนมิติของตอนออกมา
"โอสถห้ามเืระดับสองสิบห้าเม็ด โอสถลมปราณระดับสองสิบเม็ด โอสถรักษาระดับสองยี่สิบเม็ด ล้วนเเต่มีความบริสุทธิ์ครบสิบส่วนทั้งสิ้น..."
"ความสามารถในการปรุงโอสถระดับได้ภายในไม่กี่วันเช่นนี้ สมกับเป็ตัวประหลาดน้อยที่ตาเฒ่าเหวินคัดเลือกมาเสียจริง เเล้วเ้าไปไปสอบเลื่อนขั้นนักปรุงโอสถเเล้วหรือยังเล่า??" ผู้าุโซุนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชมพร้อมกับถามกลับเด็กหนุ่มด้วยความสงสัย
"วันนี้ท่านอาจารย์จะพาข้าไปสอบเลื่อนระดับขอรับเหล่าซุน..."
"หากตาเฒ่าพวกนั้นรู้ว่าพวกเรามีศิษย์ในตำนักที่มีความสามารถเป็นักปรุงโอสถระดับหนึ่งตั้งเเต่สิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ ชักอยากจะเห็นหน้าของพวกนั้นยิ่งนัก..." ผู้าุโซุนเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
"เงื่อนไขการแลกโอสถกับแต้มคะเเนนก็เป็เช่นเดิม วันนี้เ้าจะได้ไปทั้งหมดเป็สามร้อยแต้มคะเเนน เอาละ!! ส่งป้ายหยกประจำตัวของเ้ามาข้าจะถ่ายโอนแต้มคะเเนนให้..."
"เหล่าซุน ข้าอยากจะขอฝากโอสถที่ข้าปรุงขึ้นขายที่ในเมืองด้วยได้หรือไม่ขอรับ..."หนิงอ้ายถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าตกลงเด็กหนุ่มจึงนำของออกจากแหวนมิติของตนในทันที
"ขวดนี้เป็โอสถห้ามเืระดับหนึ่งทั้งหมดสี่สิบเม็ดล้วนมีความบริสุทธิ์อยู่ที่แปดส่วน ขวดนี้เป็โอสถรักษาระดับหนึ่งจำนวนห้าสิบเม็ดความบริสุทธิ์ระดับเจ็ด สำหรับขวดสุดท้ายนี้เป็โอสถลมปราณระดับหนึ่งจำนวนสามสิบเม็ดความบริสุทธิ์เจ็ดส่วนขอรับ..."
"แม้จะเป็โอสถระดับหนึ่งก็จริง ขอเพียงเเค่มีความบริสุทธิ์เกินหกส่วนขึ้นไปก็ใช้ได้เเล้ว เดี๋ยวข้าจัดการให้ เเล้วนี่เ้า้าเเลกสมุนไพรด้วยอย่างนั้นรึ??"
"ตอนนี้ข้าเริ่มฝึกฝนหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองเเล้ว แม้ว่าสวนสมุนไพรข้างเรือนข้าจะปลูกสมุนไพรไปบางส่วนเเล้วก็จริง เเต่อย่างไรก็จำเป็ต้องใช้สมุนไพรระดับสองอยู่บ้างเช่นกันขอรับ..."
"ข้า้าสมุนไพรตามสูตรโอสถห้ามเื โอสถลมปราณและโอสถพื้นฟู ข้าอยากฝึกฝนสูตรพื้นฐานเหล่านี้ให้แม่นยำก่อนที่จะเริ่มศึกษาโอสถเฉพาะในภายหลังขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับอธิบายเหตุผลของตนให้ผู้าุโตรงหน้า
"เเล้วเ้า้าขวดโอสถด้วยเลยหรือไม่??'
"ครั้งก่อนหน้าที่ได้รับมาถือว่ายังเพียงพออยู่ขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับไปอีกครั้งก่อนที่ชายชราจะหายไปตรงด้านหลังพร้อมกับกลับมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน
"ขอบคุณเหล่าซุนอีกครั้งนะขอรับ อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าข้าจะมาอีกครั้ง...." เมื่อได้ของครบทุกอย่างได้ตามที่้าเเล้วเด็กหนุ่มจึงเก็บของทั้งหมดลงในเเหวนมิติในทันที
เสร็จสิ้นทุกอย่างเเล้วนั้น หนิงอ้ายจึงกลับไปที่เรือนพักของตนพร้อมกับพาต้าเฮยออกมาด้วยในครั้งนี้เนื่องจากว่าใกล้ยามซื่อเเล้ว วันนี้ท่านอาจารย์จะพาไปสอบเลื่อนระดับนักปรุงโอสถที่มีป้ายยืนยันรับรอง เมื่อไปถึงหน้าเรือนพักก็เห็นว่าอาจารย์ของตนกำลังคุยกับศิษย์พี่ห้าของตนอยู่
"คำนับท่านอาจารย์และศิษย์พี่ไป๋ขอรับ..."
"มาแล้วอย่างนั้นรึ อาจารย์คุยกับศิษย์พี่ของเ้าพอดี..." เหวินหวู่รับคำนับจากเด็กหนุ่มพร้อมกับเอ่ยทักขึ้น
"ขอรับท่านอาจารย์ ก่อนหน้าข้าไปอาคารส่วนกลางเพื่อเเลกเปลี่ยนโอสถมาขอรับ"
"ศิษย์พี่อวยพรให้เ้าสอบเลื่อนขั้นได้สำเร็จสมใจหวัง เ้าก็อย่ากดดันตัวเองด้วยเล่า..." ไป๋เหลียนฮวาอวยพรให้กับเด็กหนุ่มผู้เป็ศิษย์น้องของตน
ศิษย์น้องของนางผู้นี้มากไปด้วยพร์อย่างเเท้จริง ฟังว่าโอสถระดับหนึ่งก็สามารถปรุงออกมาความบริสุทธิ์ทั้งสิบส่วนได้เเต่ครั้งเเรก อีกทั้งไม่กี่วันหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็สามารถปรุงโอสถระดับสองบางชนิดได้เเล้ว เมื่อเทียบกับ่อายุของอีกฝ่ายเพียงเท่านี้นับว่าโดดเด่นมากเลยทีเดียว
"ขอบคุณศิษย์พี่ไป๋ข้าจะทำให้ดีที่สุดขอรับ!!!" หนิงอ้ายตอบกลับไปอย่างหนักเเน่น
"เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อนนะเ้าคะท่านอาจารย์...."
"อาจารย์ขอฝากดูเเลทางนี้ด้วยเล่า อย่าให้เ้าลูกลิงพวกนั้นออกไปซุกซนที่ใด..." เหวินหวู่รับคำของศิษย์หญิงเพียงคนเดียวของตน ไป๋เหลียนฮวาเอ่ยลาเด็กหนุ่มอีกเล็กน้อยก่อนที่เเยกตัวไปจัดการธุระที่อาจารย์ได้มอบหมายหน้าที่ให้
"เ้าคงใช้ก้าวย่างทะยานหมื่นลี้ได้อย่างคล่องแคล่วเเล้วใช่หรือไม่??'' เหวินหวู่ถามขึ้นแม้จะพอดูออกตั้งเเต่ในการทดสอบก่อนหน้า วิชาตัวเบาของตระกูลหวังนั้นอีกฝ่ายสามารถใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญเลยทีเดียว
"ขอรับท่านอาจารย์..." หนิงอ้ายตอบกลับไปด้วยความเขินอายเล็กน้อย พริบตานั้นร่างของชายชราร่างเล็กที่เป็อาจารย์ได้ทะยานตัวหายไปเเล้ว ไม่รอช้าเด็กหนุ่มจึงรีดเค้นลมปราณใช้วิชาตัวเบาของตนในทันที
เงาร่างของชายชราอยู่ตรงหน้าถือว่าเป็ระยะที่ห่างไกลพอสมควร จากที่หนิงอ้ายรับรู้มาก่อนว่าชายชรานั้นเป็ผู้ฝึกตนระดับราชันิญญาขั้นสูงอีกเพียงครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงระดับเทพยุทธ์ิญญาซึ่งติดอยู่ในขั้นนี้มานานเเล้วหลายสิบปี ความแตกต่างเมื่อเทียบกับหนิงอ้ายแล้วคงไม่ต่างไปจากเด็กน้อยที่พึ่งหัดเดินที่ริอาจเทียบผู้ใหญ่วัยกลางคนผู้หนึ่ง
แม้ว่าย่างก้าวทะยานหมื่นลี้จะเป็เคล็ดวิชาตัวเบาของตระกูลหวังที่ขึ้นชื่อ เเต่ถึงอย่างนั้นตระกูลเหวินของท่านอาจารย์ก็หาใช่ตระกูลธรรมดาสามัญเช่นกัน ยิ่งเคล็ดวิชาล้ำค่าถูกเรียกใช้โดยผู้ฝึกตนระดับสูงเช่นนี้จึงยิ่งเสริมอานุภาพไปอีกหลายเท่าตัว
ครึ่งชั่วยามถัดมาหนิงอ้ายเห็นว่าอาจารย์ได้ยืนรออยู่เเล้ว ก่อนที่หนิงอ้ายจะเอ่ยสิ่งใดออกมานั้น เหวินหวู่ก็ได้มอบโอสถลมปราณระดับเจ็ดให้กับเด็กหนุ่ม
"ด้วยพลังิญญาเทวะิญญาขั้นต้นที่พึ่งเลื่อนระดับมาได้ไม่กี่วัน สามารถใช้ย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ด้วยความเร็วได้เช่นนี้ ตาเฒ่าหวังคงภูมิใจในตัวเ้าเป็อย่างมาก เอาละ!! จงนั่งดูดซับปราณฟ้าดินและโอสถนี้เสีย อาจารย์จะไปสำรวจแถวนี้เสียก่อน..."
"ขอรับท่านอาจารย์..." หนิงอ้ายรับคำพร้อมกับพร้อมกับโคจรลมปราณตามวิถี และปล่อยให้ต้าเฮยได้ออกมาเที่ยวเล่นอยู่ในบริเวณนี้
ระยะทางจากตัวสำนักไปถึงจุดหมายในครั้งนี้นั้น หากจะมองว่าอยู่ใกล้ก็ได้ หรืออาจจะมองว่าอยู่ห่างไกลก็ได้เช่นกัน แม้หนิงอ้ายไม่รู้ว่าจุดหมายที่ท่านอาจารย์จะพาไปนั้นจะเป็ที่ใด ตัวของหนิงอ้ายล้วนเชื่อฟังทำตามทั้งสิ้นอย่างไม่มีข้อแม้
หนึ่งชั่วยามหลังจากหนิงอ้ายที่ใช้วิชาตัวเบา ตรงหน้าเห็นเป็หมู่บ้านหนึ่งที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็ถิ่นทุรกันดารในโลกเดิมของเขาไม่น้อย ฟังว่าเมืองนี้เป็หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ ไม่มีชื่อที่ซ่อนตัวอยู่ในเขตหุบเขา
ทุกครั้งที่เหวินหวู่ออกจากสำนักอาจจะด้วยเพราะภารกิจที่ได้รับมาหรืออาจเป็การตามหาสมุนไพร หากว่ามีเวลามากเพียงพอตนก็จะแวะอยู่ทุกครั้งเหมือนในครั้งนี้ ทุกคนในหมู่บ้านแม้ไม่ทราบชื่อของชายชรา เเต่ถึงอย่างนั้นก็มีชื่อเรียกขานโดยทั่วกันว่าหมอเทวดา
ด้วยความห่างไกลจากความสะดวกสบายหลายด้าน อีกทั้งหมู่บ้านไร้ชื่อนี้ยังมีอาณาเขตติดกับค่ายกลป้องกันของทางสำนัก จึงมีความแปรปรวนของลมปราณฟ้าดินเป็อย่างมาก ความหนาแน่นของลมปราณฟ้าดินนี้ยังได้เรียกสัตว์อสูรระดับสูงเข้ามาในบริเวณนี้เช่นกัน
แม้จะดูเป็ผลดีสำหรับสัตว์อสูรและสมุนไพรต่าง ๆ เเต่ถึงอย่างนั้นสิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลเสียต่อผู้คนในหมู่บ้าน เนื่องจากได้รับกระทบบางอย่างจึงไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้ แรงอาฆาตตามสัญชาติญาณของสัตว์อสูรที่เเผ่ออกมาทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจนั้นก็ส่งผลให้ร่างกายของทุกคนในหมู่บ้านไม่ค่อยเเข็งรงเท่าไหร่นัก ซึ่งก็ได้ความเมตตาจากเหวินหวู่ที่คอยมาดูเเลที่นี่อยู่เสมอไม่ขาด
การกระทำโดยที่ไม่หวังตอบเเทนนี้ยิ่งส่งเสริมให้ตัวตนของเหวินหวู่ผู้เป็อาจารย์ยิ่งสูงส่งในสายตาของหนิงอ้าย ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ่งเคารพในความเมตตาและคุณธรรมของอาจารย์ของตนคนนี้อีกหลายเท่า
หลังจากเดินทางไปอีกไม่กี่ชั่วยาม บรรยากาศรอบตัวจึงมืดครึ้มลง ห้วงเวลาเเห่งรัตติกาลค่อยคืบคลานมาอย่างช้า ๆ ภาพตรงหน้าคือหมู่บ้านไร้ชื่อนี้ที่อาจารย์ได้กล่าวถึง เป็ไปตามที่อาจารย์ได้บอกไว้ก่อนหน้า ด้วยสภาพแวดล้อมที่มองไปทางทิศใดก็เจอเเตู่เาสูง เเม่น้ำขนาดกลางใหญ่ที่ไหลผ่านเป็ดั่งเส้นเืใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวบ้านในที่นี้
บ้านเรือนที่มีเพียงไม่กี่สิบหลังเท่านั้น บ้างก็ทำขึ้นจากดิน บ้างก็ทำจากไม้สลับกันไป เขาที่เป็ผู้ฝึกตนยังััได้ว่าลมปราณฟ้าดินที่อยู่โดยรอบนี้มีความหนาแน่นและบริสุทธิ์ด้อยไปจากพื้นที่ในตำหนักของตนไม่กี่ส่วนเท่านั้น ทุกพื้นที่ต่างมีกลิ่นอายของสัตว์อสูรระดับสูงที่คาดว่าน่าจะเป็สัตว์อสูรระดับนภาขึ้นไป หากว่าเทียบกับผู้ฝึกตนเเล้วก็ถือได้ว่าเป็ตัวตนราชทินนามเทวะิญญาหรือราชทินนามราชันิญญาเลยทีเดียว กับชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้เป็ผู้ฝึกตนแล้ว กลิ่นอายเหล่านี้จึงไม่ต่างไปจากดาวข่มที่คอยบั่นทอนพลังชีวิตกันเลยทีเดียว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ไม่ทันหนิงอ้ายที่กำลังจะเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนให้กับอาจารย์ เสียงะเิหนึ่งดังขึ้นจากทิศทางของหมู่บ้านเรียกความสนใจจากทั้งสองไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดให้มากความ เหวินหวู่สบตามองหนิงอ้ายก่อนที่จะพุ่งตัวไปทางทิศที่มีเสียงดังเมื่อครู่นี้ ไม่รอช้าหนิงอ้ายจึงเร่งลมปราณของตนพร้อมกับใช้เคล็ดวิชาตัวเบาที่คุ้นเคยในทันที...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้