บรรยากาศในพระราชวังเงียบสงัด ทว่าความจริงที่ซ่อนอยู่กลับเต็มไปด้วยความสลด เมื่อหยางิฮ่องเต้ ผู้ที่เคยมีพละกำลังและบารมีเหนือทุกสิ่ง กลับตกอยู่ในสภาพที่น่าหดหู่ ฮ่องเต้ในวัย 65 ปีทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพฤติกรรมหื่นกระหายเกินมนุษย์ แม้ว่าจะเป็ผู้สูงศักดิ์ แต่พระองค์ก็ใช้งานร่างกายของตนอย่างหนัก โดยเฉพาะในการเสพสุขทางโลกีย์
หลานอวิ๋น ฮ่องเฮา ทราบดีถึงสาเหตุที่แท้จริงของอาการป่วย นางมองดูสามีผู้ยิ่งใหญ่ของตนค่อยๆ สูญสิ้นความแข็งแรง เหลือเพียงร่างกายที่อ่อนแรง แขนขาไม่อาจเคลื่อนไหว และแม้แต่คำพูดก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ เหมือนกับการที่พระองค์ทรงใช้อำนาจของตนมากเกินไป จนร่างกายไม่อาจทานทน เืลมของพระองค์ไม่ไหลเวียนอย่างที่ควรจะเป็ สภาพในขณะนี้จึงไม่ต่างจากผีในร่างคน มีเพียงสายตาที่จางหายไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังสะท้อนความเสียใจและผิดหวัง
ใน่เวลาที่เงียบงันและอึดอัดนั้น หลานอวิ๋น ฮ่องเฮา นั่งอยู่เพียงลำพังในห้องบรรทม ความคิดภายในใจของพระองค์เต็มไปด้วยความสับสนและความปรารถนาที่ไม่อาจดับลงได้ การได้เห็นหยางิ ฮ่องเต้ ผู้ที่เคยเป็ศูนย์กลางแห่งความเร่าร้อนของตน ตกอยู่ในสภาพที่ไร้ซึ่งพละกำลัง ไร้ชีวิตชีวา ทำให้ภายในใจของฮ่องเฮาลุกเป็ไฟ
“ใครกันเล่า ที่จะมาดับไฟราคะในร่างกายของข้าได้?” พระองค์คิดในใจพร้อมกับสายตาที่เหม่อลอย พระองค์เฝ้ามองร่างกายที่อ่อนแอและทรุดโทรมของฮ่องเต้ด้วยความเวทนา แต่ความร้อนแรงภายในจิตใจกลับคุกรุ่นขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป สัญชาตญาณแห่งความปรารถนาที่ฮ่องเฮาเก็บกดไว้มานานนั้นเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น
ในสติที่สับสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ฮ่องเฮาพยายามหาวิธีที่จะดับไฟแห่งราคะของตนเอง พระองค์รู้สึกถึงความเหงา ความปรารถนาที่ไม่เคยเพียงพอ และความผิดหวังในร่างของหยางิ ฮ่องเต้ที่เคยเป็คนปลุกเร้าความเร่าร้อนในตัวเอง แต่บัดนี้กลับเหลือเพียงร่างไร้ชีวิตเหมือนเศษซากที่ไม่มีค่า
แม้จะเป็่เวลาแห่งความสิ้นหวัง แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ฮ่องเฮากลับเริ่มคิดหาหนทางที่จะเติมเต็มความ้าที่หลงเหลือ หาวิธีที่จะแสวงหาความสุขและความพึงพอใจท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายนี้ แม้ความคิดนั้นจะขัดแย้งกับหน้าที่และศักดิ์ศรี แต่ไฟแห่งราคะในใจพระองค์นั้นยากจะดับลงได้
สาเหตุที่หลานอวิ๋น ฮ่องเฮากลายเป็ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยไฟแห่งราคะ ส่วนหนึ่งล้วนมาจากการกระทำของหยางิ ฮ่องเต้ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา พระองค์มอบความรักอันเร่าร้อนและรุนแรงให้แก่นางทุกค่ำคืน ไม่มีคืนไหนที่ปล่อยให้นางเดียวดาย ความปรารถนาที่ฮ่องเต้กระหน่ำใส่ไม่เคยเบาบางลง แต่กลับเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้นางติดความสุขสมอันร้อนแรงนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
ความสัมพันธ์เชิงกามารมณ์กลายเป็สิ่งที่หยั่งรากลึกในวิถีชีวิตของฮ่องเฮา ความใกล้ชิดและการเสพสมที่เข้มข้นนี้กลายเป็กิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ ราวกับว่ามันกลายเป็ส่วนหนึ่งของชีวิตนางไปแล้ว เสียงร้องครวญครางของนางในยามค่ำคืนทุกคืนเป็หลักฐานชัดเจนถึงความเร่าร้อนที่เผาไหม้ภายในจิตใจและร่างกายของนาง เสียงเ่าั้สะท้อนถึงความพึงพอใจและความปรารถนาที่ไม่รู้จักจบสิ้น
แต่บัดนี้ เมื่อฮ่องเต้ตกอยู่ในสภาพอ่อนแรงจนไม่สามารถทำให้ความสัมพันธ์นี้ดำเนินต่อไปได้ ไฟแห่งความปรารถนากลับยังคงคุกรุ่นในร่างของฮ่องเฮา นางถูกทิ้งให้ติดอยู่กับความ้าที่ไม่อาจเติมเต็มได้ ความทรมานนี้เกิดจากการที่นางถูกปรนเปรอมานานเกินไป จนกลายเป็สิ่งที่นางขาดไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็ผลมาจากการกระทำของฮ่องเต้เองที่ค่อยๆ เปลี่ยนนางให้กลายเป็เช่นนี้
หลานอวิ๋น ฮ่องเฮาจ้องมองหยางิ ฮ่องเต้ด้วยสายตาที่ปนเปทั้งความเวทนาและความขมขื่น ร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากผักที่ไร้ความสามารถ ใบหน้าเหม่อลอย ปราศจากชีวิตชีวาและพละกำลังที่เคยมี บรรยากาศในห้องบรรทมที่เงียบสงัดยิ่งทวีความรู้สึกว่างเปล่าภายในใจของนาง แต่ไฟราคะที่คุกรุ่นในจิตใจยังไม่ดับ นางจ้องมองเขาด้วยความหวนคิดถึงอดีตที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่เคยมีร่วมกัน
ความปรารถนาที่อัดอั้นมากเกินไปทำให้นางไม่อาจทนได้อีกต่อไป นางเริ่มััเรือนร่างของตนเองเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกเ่าั้ ราวกับ้าที่จะระลึกถึงภาพแห่งความสุขสมที่ฮ่องเต้เคยมอบให้ นางพยายามดึงภาพความทรงจำอันเร่าร้อนในอดีตกลับมา แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่อาจเป็ส่วนหนึ่งในความสุขนี้ได้อีกต่อไป
“อู๊ยย...อ๊า...” เสียงครวญครางของนางดังขึ้นในห้องที่เงียบงัน นางพยายามสร้างความสุขสมด้วยตัวเอง ความคิดของนางเต็มไปด้วยภาพในอดีต ความเร่าร้อนที่เคยเกิดขึ้นระหว่างนางและฮ่องเต้ยังตราตรึงในใจ แม้ร่างของเขาจะเหลือเพียงซากที่ไร้ชีวิต แต่ความทรงจำกลับยังคงชัดเจน นางพยายามเติมเต็มช่องว่างที่ถูกทิ้งไว้ด้วยการกระทำของตนเอง
ในขณะที่หลานอวิ๋น ฮ่องเฮาปลดปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในความปรารถนา ความคิดและจินตนาการในอดีตที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนยิ่งชัดเจนขึ้น นางพยายามหวนคืนสู่ความสุขสมที่เคยได้รับจากหยางิ ฮ่องเต้ใน่เวลาที่ผ่านมา แม้จะเป็เพียงเงาแห่งความทรงจำ แต่มันยังคงมีพลังปลุกเร้าจิตใจของนาง
ร่างกายของนางเริ่มตอบสนองต่อความปรารถนาอย่างเต็มที่ ความรู้สึกอันซ่านเสียวที่เคยได้รับกลับมาอีกครั้ง น้ำราคะไหลออกมาจากร่างของนางอย่างเข้มข้น ราวกับสายน้ำที่ไม่อาจหยุดยั้ง เป็สัญลักษณ์ของความร้อนแรงและความ้าที่ท่วมท้น ภาพจินตนาการในหัวของนางเกี่ยวกับ่เวลาที่เคยมีร่วมกับฮ่องเต้ ยิ่งทำให้ไฟแห่งราคะลุกโชนยิ่งขึ้น
ทุกัั ทุกภาพที่นางจินตนาการถึง ล้วนเป็ความสุขที่นางเคยเสพสมอย่างเต็มอิ่ม และในขณะนี้ แม้จะเหลือเพียงเงาและความเหงาในห้องอันเงียบสงัด แต่จิตใจของนางยังคงหมุนวนอยู่กับภาพในความทรงจำ น้ำราคะที่หลั่งไหลออกมาเป็ดั่งหลักฐานถึงความเร่าร้อนที่ไม่อาจดับลงได้ในหัวใจของนาง
“อู๊ย...ท่านพี่... ได้โปรดช่วยน้องด้วย...” หลานอวิ๋น ฮ่องเฮาครวญครางด้วยเสียงสั่นเครือ ในใจเต็มไปด้วยความ้าที่ไม่อาจต้านทาน นางจ้องมองใบหน้าของหยางิ ฮ่องเต้ผู้ที่เคยเป็แหล่งความสุขสมและความปรารถนาของนางมาตลอดหลายสิบปี แต่บัดนี้เขากลายเป็เพียงร่างที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ไร้การตอบสนอง สายตาเหม่อลอย ไม่หลงเหลือความเป็ชายผู้เคยทำให้นางพึงพอใจอย่างเต็มที่อีกต่อไป
ในขณะที่นางพยายามปลดปล่อยความปรารถนาด้วยตัวเอง ความรู้สึกที่ท่วมท้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นภายในร่างกาย ความร้อนแรงภายในที่เก็บกดมานานกลายเป็พลังที่ไม่อาจหยุดยั้ง นางััตัวเองด้วยความสิ้นหวังแต่ก็ปรารถนาการปลดปล่อยนั้นอย่างลึกซึ้ง ร่างกายของนางเริ่มสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้
ในที่สุด ่เวลาแห่งการปลดปล่อยมาถึง ร่างของนางกระตุกอย่างรุนแรง ความรู้สึกแห่งความสุขสมที่นางเฝ้าตามหา ถูกปลดปล่อยออกมาราวกับน้ำหลากที่ทลายเขื่อน กายของนางสั่นสะท้านด้วยความสุขอันเต็มที่ แม้จะไม่มีฮ่องเต้อยู่ข้างกายเพื่อทำให้นางพึงพอใจเหมือนก่อน แต่ในขณะนี้นางก็ััถึงการปลดปล่อยจากแรงปรารถนาที่สะสมไว้มานาน เสียงครวญครางที่หลุดออกมาเป็เสียงสุดท้าย สะท้อนความเร่าร้อนและความอ้างว้างในใจของนาง
หลังจากที่หลานอวิ๋น ฮ่องเฮาปลดปล่อยความเร่าร้อนและความ้าที่เก็บกดไว้มานาน ร่างของนางก็อ่อนล้าลง จิติญญาของนางราวกับหลุดพ้นจากพันธนาการและล่องลอยไปสู่แดน์ นางรู้สึกถึงความเบาสบาย ความปลดปล่อยที่เกิดขึ้นทั้งทางกายและใจ ทุกความรู้สึกที่เคยอัดแน่นในอกเหมือนถูกระบายออกมาอย่างหมดสิ้น
นางนอนนิ่งอยู่บนเตียง ความรู้สึกอิ่มเอมในขณะนี้เหมือนกับการเดินทางสู่โลกแห่งสรวง์ที่ไร้ความทุกข์ ร่างกายของนางรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝันที่ไม่อาจจับต้องได้ เสียงครวญครางที่เคยดังในห้องเงียบหายไป เหลือเพียงความสงบและความสุขสมที่แผ่ซ่านอยู่ทั่วร่าง ทุกัั ทุกความรู้สึก ล้วนเป็เหมือนการหลุดพ้นจากความทรมาน
