เมื่อเห็นสีหน้าที่เมื่อครู่ดูเดือดดาล แต่จู่ ๆ ก็กลับมามีท่าทีอิ่มเอมใจของเฉินเสาอวี่ หานรุ่ยก็คิดในใจว่า ไม่รู้ว่าเฉินเสาอวี่เกิดนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าถึงได้แปรเปลี่ยนเป็อิ่มเอมใจเช่นนี้ ท่าทางของเขาราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งรักอย่างนั้นแหละ และคนที่เขาตกหลุมรักก็คือ จุนห่าว พอนึกถึงตรงนี้ หานรุ่ยก็พลันรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา เฉินเสาอวี่เป็ดั่งแมลงวันที่ไม่อาจสลัดออกไปได้ แม้จะออกมาเพียงครั้งคราว แต่ก็ทำให้พวกเขารู้สึกขยะแขยง ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งฝีเท้า เพื่อออกจากตรงนี้เสียแล้ว
หานรุ่ยพูดกับเฉินเสาอวี่อย่างไม่สบอารมณ์นักว่า “เ้าขวางทางพวกเราอยู่ โปรดขอทางให้พวกเราด้วย” ตอนนี้เขามีเื่ที่ต้องทำ ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับเฉินเสาอวี่หรอก อีกอย่างจุนห่าวก็เหมือนกับไข่ที่ไม่มีรอยร้าว ต่อให้อยากตอมเท่าไหร่ แมลงวันอย่างเฉินเสาอวี่ก็คงไม่มีโอกาสนั้น
เมื่อเห็นหานรุ่ยที่กำลังจะเดินไป เฉินเสาอวี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน พลันพูดว่า “หานรุ่ย นี่เ้ารีบร้อน เพื่อออกไปหวานแหววกับชายคนนี้รึ แต่เ้าโชคไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะข้าจับได้แล้ว หากข้านำเื่นี้ไปฟ้องจุนห่าว ลองทายดูสิว่า จุนห่าวจะทำอย่างไรกับเ้า”
หานรุ่ยคิดไม่ถึงว่าเฉินเสาอวี่จะคิดว่า จุนเช่อเป็ชายชู้ของเขา ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมใบหน้าของเขาถึงได้อิ่มเอมใจอย่างเต็มเปี่ยมเช่นนี้ เป็เพราะเขาคิดหนทางให้ตนเองได้ และคิดว่าในที่สุดก็ได้พบโอกาสที่จะแต่งงานกับจุนห่าวแล้วนี่เอง หานรุ่ยอยากจะถามเฉินเสาอวี่เหลือเกินว่า เ้าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ถึงได้คิดว่าจุนห่าวจะทิ้งเขา แล้วไปแต่งงานกับเฉินเสาอวี่แทน ในความคิดของหานรุ่ยนั้น รูปลักษณ์ภายนอกของเฉินเสาอวี่ไม่ใช่แบบที่จุนห่าวชอบเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเขาขี้เหร่ จุนห่าวกล่าวว่า รูปร่างหน้าตาของเฉินเสาอวี่นั้น เป็พิมพ์นิยมในบ้านเกิดแห่งนี้ หานรุ่ยฉุกคิดขึ้นมาว่า คงต้องขอบคุณใบหน้าของเขาแล้ว มิฉะนั้นจุนห่าวก็คงจะไม่ตกหลุมรักเขาั้แ่แรกเห็น
หานรุ่ยมองเฉินเสาอวี่ คนที่กำลังขวางทางเขาด้วยใบหน้าที่ดูอิ่มเอมใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าให้ข้าเดา จุนห่าวคงจะชกเ้าสักหมัดแน่นอน เขาเกลียดคนที่ยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเขาเป็ที่สุด” วิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับศัตรู คือ หาจุดอ่อนของเขาและโจมตีจนสิ้นชีพ
เมื่อเห็นรอยยิ้มของหานรุ่ย เฉินเสาอวี่ก็รู้สึกขัดลูกหูลูกตายิ่งนัก จึงตอบกลับอย่างเดือดดาลว่า “เ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน เ้าคิดหรือว่า ถ้าเ้าทำเื่อื้อฉาวเช่นนี้แล้ว จุนห่าวจะยังปกป้องเ้าต่อน่ะ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชาย” เฉินเสาอวี่ไม่เข้าใจจริง ๆ ในเมื่อหานรุ่ยเป็ซวงเอ๋อร์ที่หน้าตาขี้เหร่ขนาดนี้ เหตุใดจุนห่าวถึงไม่ทิ้งเขาไป คราวนี้เขามีโอกาสแล้ว การที่ซวงเอ๋อร์กับชายอื่นเข้าป่าไปด้วยกันสองต่อสองจะทำเื่อะไรได้อีก เฉินเสาอวี่คิดได้แต่เื่สกปรก
หานรุ่ยพูดกับเฉินเสาอวี่ด้วยใบหน้าดุดัน พร้อมสายตาที่เฉียบคมว่า “จุนห่าวเห็นแก่หน้าข้า และจุนห่าวก็เป็ผู้ชายของข้า เขาจะเป็ผู้ชายหรือไม่ ข้าย่อมรู้ดี เ้าอย่าคิดที่จะมาแย่งผู้ชายของข้า อีกอย่าง จากนี้ไปไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีก สุนัขที่ดี ต้องไม่ขวางทางคนอื่น ขอทางให้ข้าด้วย” เมื่อพูดจบเฉินเสาอวี่ก็เดินเบี่ยงไปด้านข้าง เมื่อหานรุ่ยเข้าใกล้เฉินเสาอวี่ เขาก็เตือนเฉินเสาอวี่อีกครั้งว่า “จำคำพูดข้าเมื่อกี้ไว้ให้ดี มิฉะนั้นเ้าคงไม่ได้ตายดีแน่”
หลังเฉินเสาอวี่ถูกใบหน้าอันดุดันและสายตาเฉียบคมของหานรุ่ยมองมา เขาก็ใจนหน้าซีด ทว่าแพ้คนได้ แต่อย่าแพ้อำนาจ เขาจึงพูดไล่หลังหานรุ่ยไปว่า “นี่เ้ากล้าข่มขู่ข้ารึ พ่อของข้าคือหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ ระวังข้าให้พ่อข้าไล่เ้าออกไปแล้วกัน!”
หานรุ่ยกล่าวโดยไม่หันหลังกลับไปมองว่า “หัวหน้าหมู่บ้านสำหรับข้า ไม่ได้มีความหมายอะไรกับข้าเลย ข้าจะจัดการเขาเอง”
พอมองหานรุ่ยที่เดินนำหน้าไป จุนเช่อคิดไม่ถึงว่า หานรุ่ยจะมีด้านที่เอาแต่ใจเช่นนี้ เขาจึงรีบเดิมตามไป พร้อมพูดกับเฉินเสาอวี่ในขณะที่เดินผ่านว่า “ข้ามิใช่ชายชู้ของหานรุ่ย ข้าคือลูกผู้พี่ของเขา” เมื่อกล่าวจบแล้ว เขาก็รีบตามหานรุ่ยไป และเอ่ยถามกับหานรุ่ยว่า “คนเมื่อกี้คือใครหรือ”
หานรุ่ยพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ดอกท้อเน่า ๆ ที่ชอบจุนห่าวเท่านั้นเอง ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
