ซูโม่รู้ความคิดของฮ่องเต้ หาก้าจะลดโทษลงก็ต้องมาจากปากของคนคนหนึ่งที่ไม่ใช่เขาที่เป็ผู้นำแคว้น
“จากความเห็นของกระหม่อม องค์ชายห้าแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ เื่นี้อย่าได้ลงโทษถึงตายเลยพ่ะย่ะค่ะ แต่ก็ยากที่จะหนีความผิดพ้น ไม่เช่นนั้นจะยากต่อการโน้มน้าวประชาชนจนไม่อาจบอกได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นก็ได้” ฮ่องเต้ถลกแขนเสื้อขึ้น ดวงตามองไปทางองค์ชายห้าก่อนจะพูดเสียงดุ “โบยหนึ่งร้อยทีและส่งทหารในมือมา ั้แ่วันนี้ไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจิ้นก็อย่าคิดที่จะเข้าวังแม้แต่ก้าวเดียว”
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกขอบพระทัยฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายห้าถึงจะโกรธแต่ก็ยอมรับโดยดี การลงโทษเช่นนี้ถือว่าเบามากแล้วจริงๆ อีกทั้งยังเป็วิธีที่ดีที่สุดแล้ว
เมื่อเช้าตอนที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ฮ่องเต้ก็ได้ปิดข่าวเอาไว้แล้ว ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อทำให้จี๋โม่หานดู ดังนั้นจึงเป็การจบสถานการณ์ที่ดีที่สุด
แต่องค์ชายห้าก็ยังไม่พอใจ เดิมเื่ไม่ควรจะเป็เช่นนี้ เดิมแผนนี้สามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนมาเป็แบบนี้ได้ เขาจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
เมื่อมาถึงจุดนี้ก็ถือว่าเื่นี้มีบทสรุปแล้ว ทว่าประชาชนด้านนอกก็ยังไม่รู้ความจริง
ต่อมาฮ่องเต้ก็ออกคำสั่งให้ทหารราชองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกจวนองค์ชายสามกลับมา เป็การบอกให้ประชาชนทั้งหมดได้รู้ว่า ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับจี๋โม่หานแล้ว ทั้งยังบอกแค่ว่ามีคนใส่ร้ายองค์ชายสาม แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเกิดเื่อะไรขึ้น
แต่นี่เป็เื่ของราชวงศ์ ประชาชนก็ทำได้แค่มองดูเป็เื่สนุกเท่านั้น พอเื่สนุกจบแล้วก็แยกย้ายกันไป
ในที่สุดเื่วุ่นวายที่เกิดขึ้นติดต่อกันมาสองวันก็จบอย่างสงบ แต่การจัดการเช่นนี้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ยังไม่ยุติธรรมกับจี๋โม่หาน
ทันทีที่ได้รับข่าวซูิเยว่ก็ไปที่จวนองค์ชายสามทันที เมื่อได้รู้ว่าฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษจี๋โม่หานที่ไปหลอกลวงว่าป่วย นางก็วางใจ
“เช่นนั้นองค์ชายห้าล่ะ?”
จี๋โม่หานถอนหายใจเล็กน้อยแล้วจับฝ่ามือของซูิเยว่มาบีบ “ฮ่องเต้คิดแล้วคิดอีกที่จะช่วยองค์ชายห้าให้พ้นผิด ตอนนี้จึงทำแค่โบยไปหนึ่งร้อยที หากไม่ได้เรียกให้เข้าวังก็ห้ามเข้าวังอีก นี่ถือเป็ผลการลงโทษที่ดีที่สุดแล้ว”
“แบบนี้เขาก็ได้เปรียบเกินไปแล้ว” ดวงตาของซูิเยว่ฉายประกายวาบ ฮ่องเต้เฒ่าเ้าเล่ห์จริงๆ หากครั้งนี้เป็จี๋โม่หาน ไม่มีทางมีจุดจบเช่นนี้แน่นอน
“เด็กดี” จี๋โม่หานยกยิ้ม “นี่เป็วิธีแก้ที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้ อย่างไรตอนนี้พวกเราก็ยังไม่อาจมีเื่กับพวกเขาได้”
ซูิเยว่หัวเราะเสียงเย็นหนึ่งที “ถึงพวกเราจะสงบศึกได้ แต่องค์ชายห้าไม่ได้คิดเช่นนี้ เขาไม่มีทางยอมจบง่ายๆ แน่ ต้องมีการเคลื่อนไหวอะไรอีกแน่นอน”
องค์ชายห้านิสัยเป็อย่างไรนั้นซูิเยว่รู้ดีมาก
บรรยากาศรอบตัวจี๋โม่หานเย็นลงทันที “คิดว่าเปิ่นหวังจะปล่อยเขาไปเช่นนี้จริงๆ หรือ แต่ตอนนี้ข้ากังวลว่าเขาจะทำเื่ไม่ดีกับเ้าหรือไม่”
อย่างไรการลอบฆ่าซูิเยว่ครั้งที่แล้วก็ยังไม่สำเร็จ องค์ชายห้าจะต้องไม่หยุดแค่นี้แน่
ซูิเยว่เองก็เข้าใจ หากองค์ชายห้าไม่ได้ตัวนาง เขาก็จะคิดหาทางทำลายนาง “ท่านวางใจเถิด หม่อมฉันจะระวัง”
“จริงสิ ข้าเข้าวังไปวันนี้ก็เห็นสกุลซูอยู่ในห้องตำราด้วย” พอจี๋โม่หานพูดเื่นี้คิ้วก็ขมวดเข้าหากันน้อยๆ “ตอนนี้ฮ่องเต้ทำเพื่อสงบศึก ไม่ให้เื่นี้ใหญ่โต แต่ไม่ได้ประกาศความจริงออกไป ขุนนางในราชสำนักก็แทบไม่รู้ แต่ฮ่องเต้เฒ่ากลับเรียกพ่อของเ้าไป ในเมื่อเขาเชื่อถือพ่อของเ้าขนาดนี้ คาดว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมีความลับอะไรแน่”
ซูิเยว่คิดไม่ถึงว่าซูโม่จะได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ขนาดนี้ ฮ่องเต้ไม่ชอบนาง เมื่อชาติก่อนนางรู้ดี ส่วนที่ฮ่องเต้ไม่บอกคนอื่นเกี่ยวกับเื่นี้ แต่กลับบอกแค่ซู่โม่แทน เื่นี้มันไม่ปกติแล้ว
“ข้าทราบแล้ว ท่านวางใจเถิด” ซูิเยว่ไม่เคยหยุดสงสัยซูโม่ อย่างไรเื่คนวางยาพิษนางก็ยังตรวจสอบออกมาไม่ชัดเจน
กว่าจะผ่านเื่วุ่นวายมากมายเช่นนี้ก็เสียเวลาไปหลายวัน ซูิเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าใกล้จะถึงงานวันเกิดของไทเฮาแล้ว ของขวัญวันเกิดนางยังทำไม่เสร็จเลย
เดิมทีคิดว่าจะสงบก่อนถึงวันเกิดไทเฮาสักวันสองวัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในวังจะเกิดเื่ใหญ่ขึ้นมาอีก
เช้าตรู่ในวันนี้ซูิเยว่พาเสี่ยวอวี่ออกจากจวน ด้ายปักดอกไม้ไม่พอใช้ นางจึงวางแผนว่าจะไปซื้อสักหน่อย แต่กลับเจอซูโม่ที่เพิ่งกลับมาจากวังที่หน้าประตู
สีหน้าของซูโม่ไม่ค่อยดีเท่าไร อารมณ์ก็ดูผิดปกติ ตอนที่เดินผ่านซูิเยว่ก็ไม่คิดจะมองเลยสักนิด
เื่นี้ทำให้ซูิเยว่สงสัยขึ้นมา เวลาแบบนี้ซูโม่ควรจะเข้าประชุมที่วัง เหตุใดวันนี้ถึงได้กลับมาไวขนาดนี้ อีกทั้งสีหน้าก็ไม่ค่อยจะดีด้วย หรือว่าในวังเกิดเื่อะไรอีกแล้ว? ประเด็นสำคัญคือซูิเยว่กังวลว่าองค์ชายห้าจะก่อเื่อะไรขึ้นมาอีก แล้วทำเื่ไม่ดีกับจี๋โม่หาน
พอนางคิดเช่นนี้ หลังออกจากจวนไปซื้อด้ายดีๆ เสร็จแล้วก็ให้เสี่ยวอวี่ไปรอที่ร้านของหวังซวิน ส่วนตนก็ไปที่จวนองค์ชายสาม นางอยากจะถามเขาว่าเกิดเื่อะไรขึ้นอีกใช่หรือไม่
จี๋โม่หานเองก็กำลังคิดว่าจะไปหานางพอดี คิดไม่ถึงว่าซูิเยว่จะมาหาเขาก่อน
“เกิดเื่อะไรขึ้นอีกใช่หรือไม่?”
เมื่อจี๋โม่หานเห็นซูิเยว่ทำหน้ากังวลใจ เขาจึงเล่าข่าวที่มาจากในวังเมื่อเช้าให้นางฟัง
พอซูิเยว่ฟังจบก็ตะลึงค้างไป ใอยู่ได้ครู่หนึ่งก็รีบดึงสติกลับมา “ท่านว่าอะไรนะ ฮ่องเต้ถูกวางยาพิษ พอตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็ฮองเฮาเหนียงเหนียง?”
ฮองเฮาเวินเยว่จะไปวางยาพิษฮ่องเต้ได้อย่างไร นิสัยของฮองเฮาเป็คนอ่อนโยน ปกติก็จัดการวังหลังได้อย่างเป็ระเบียบ ไม่ต่อสู้แย่งชิง ถึงแม้จะไม่ได้รักใคร่กับฮ่องเต้ แต่อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนก็แสดงออกอย่างให้เกียรติกัน เื่ที่จะมาทำให้ถูกปะาเก้าชั่วโคตรแบบนี้นั้นไม่เหมือนกับสิ่งที่เวินเยว่จะทำออกมาได้เลย
“ไม่ผิด” จี๋โม่หานพยักหน้า ในวังมีสายของเขาอยู่ “ตอนนี้ฮองเฮาถูกขังอยู่ในวังเพื่อรอรับโทษ ทางด้านฮ่องเต้เองก็ไม่ได้เป็อะไรมาก หลายวันมานี้เหล่าขุนนางจึงไม่ต้องเข้าประชุม”
ซูิเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆ ดวงตามีแววครุ่นคิด “จะเป็เฟยจื่อในวังหลังที่มาใส่ร้ายนางเพราะเื่แย่งชิงความรักใช่หรือไม่?”
อย่างไรเวลาเกิดเื่เช่นนี้ขึ้นในวังหลังถือว่าปกติมาก ไม่เช่นนั้นวังหลังจะมีเฟยจื่อเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร ส่วนองค์หญิงกับองค์ชายก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน เพียงแต่ไปวางยาพิษฮ่องเต้นั้นก็ถือกล้าเกินไปแล้ว
เื่ภายในวังพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับซูิเยว่เท่าไร หากฮ่องเต้ตายไปก็ตัดปัญหาที่จะตามมาได้ดีเสียอีก ขอแค่ไม่ดึงจี๋โม่หานไปติดร่างแหด้วยก็พอ แต่ว่าฮองเฮานั้นเป็คนดีจริงๆ อย่างไรครั้งที่แล้วก็มาช่วยนางแก้ไขสถานการณ์ที่ตำหนักโยวหลัน
อีกทั้งเวินเยว่ยังบอกว่าเป็เพื่อนเก่าของมารดานาง แต่ก่อนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แถมยังรู้เื่ของมารดานางเยอะมาก แล้วก็ยังมีเื่คนบ้าเมื่อคราวที่แล้วอีก ซูิเยว่รู้สึกว่าเวินเยว่ปิดบังอะไรนางไว้
วันนั้นซูิเยว่รู้สึกแค่ว่าคนบ้าคนนั้นดูหน้าตาคุ้นๆ ต่อมาพอกลับไปส่องกระจก นางถึงรู้สึกได้ว่า ที่นางรู้สึกคุ้นเคยเป็เพราะว่าหน้าตาของตนกับสตรีคนนั้นคล้ายกันหลายส่วน
อีกทั้งคนบ้าคนนั้นก็เรียกชื่อมารดาของนางได้ ยิ่งทำให้ซูิเยว่รู้สึกว่าเื่นี้มันไม่ง่าย ดังนั้นนางยังอยากหาโอกาสตรวจสอบเื่นี้ให้ชัดเจน