เซียวจื่อเมิ่งสังเกตเห็นแล้วว่าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พอใจจึงเอ่ยถามด้วยท่าทีหวั่นเกรง “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็อะไรไป?”
นางกล่าวอะไรผิดหรือเปล่าถึงได้ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่ไม่พอใจ?
เซี่ยยวี่หลัวทอดถอนใจ
เื่นี้โทษเซียวจื่อเมิ่งไม่ได้ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนที่ชื่อิจูนั่น
ใช้เด็กคนหนึ่งมาช่วยสื่อความรักหากกล่าวโดยมองเป็เื่เล็กก็คือเซียวิจูเป็ฝ่ายรักข้างเดียวแต่หากมองเป็เื่ใหญ่ล่ะ?
เซียวยวี่แต่งงานแล้วยังรับผ้าเช็ดหน้าจากหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานอีก เซียวจื่อเมิ่งเป็ผู้ส่งมอบอีกต่างหากอายุน้อยยังพอจะแก้ตัวได้ สุดท้ายความผิดทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่เซียวยวี่
แบบนี้เท่ากับว่าเซียวยวี่เสเพลส่วนเซียวจื่อเมิ่งที่เป็เด็กผู้หญิงตัวน้อยก็หน้าไม่อายไม่ใช่หรือ?
นี่ถือเป็ปัญหาใหญ่!
เซี่ยยวี่หลัวย่อตัวลง ลูบใบหน้าเล็กของเซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "จื่อเมิ่ง สิ่งของที่พี่ใหญ่คืนคนอื่นไปแล้วเ้าว่าเรายังจะรับได้อีกหรือไม่?"
นาง้าอธิบายเหตุผลกับเด็กน้อยว่าของของคนอื่น จะรับโดยง่ายไม่ได้
โดยเฉพาะของแบบนี้!
ที่ปักไว้เป็ยวนยางหากใส่เข้าไปในสัมภาระของเซียวยวี่จริง เช่นนั้นเซียยวี่หลัวก็ต้องรู้สึกพะว้าพะวังไปสามเดือนกว่า!
เซียวจื่อเมิ่งสังเกตเห็นว่าพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พอใจเอียงศีรษะคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “รับไม่ได้เ้าค่ะ”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวเป็เชิงให้กำลังใจนางว่า“ถูกต้อง” จากนั้นจึงอธิบายให้นางเข้าใจเหตุผลด้วยคำพูดเข้าใจง่ายที่สุด “พี่ใหญ่คืนกลับไปแล้ว นั่นหมายความว่าพี่ใหญ่ไม่อยากรับของของนางเ้ารับกลับมาอีก แม้ว่าเ้าทำเพราะหวังดีต่อพี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่จะไม่ชอบใจ จริงไหม?”
ถึงแม้เซียวจื่อเมิ่งจะอายุน้อยแต่หลังจากฟังคำอธิบายอย่างจริงจังของเซี่ยยวี่หลัว ก็เหมือนจะเข้าใจเล็กน้อย “ใช่ ข้าจะรับของของพี่ิจูไม่ได้พี่ใหญ่จะไม่ชอบใจเ้าค่ะ!”
นางเพียงรู้ว่าจะรับของของคนอื่นโดยง่ายไม่ได้พี่ใหญ่จะไม่ชอบใจ แต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรับไม่ได้!
เพราะนั่นไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
เซี่ยยวี่หลัวลูบศีรษะของเซียวจื่อเมิ่งเห็นว่านางรู้ความ จึงกล่าวด้วยท่าทางดีใจ “จื่อเมิ่งของข้าเก่งจริงๆแม้ว่าเ้าจะอายุน้อย แต่มีเื่หนึ่ง พี่สะใภ้ใหญ่ต้องบอกเ้าเ้าต้องจำไว้ให้ดี พวกเราจะรับของของคนอื่นโดยง่ายไม่ได้แม้ว่านั่นจะเป็คนที่เรารู้จัก เราก็จะรับง่ายๆ ไม่ได้มีคำพูดโบราณประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า รับของจากคนอื่นและกินของของคนอื่นเมื่อคนอื่นขอให้ช่วยเหลือก็ยากจะปฏิเสธได้ เข้าใจหรือไม่?”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางไม่เข้าใจนัก“เช่นนั้นข้าสามารถรับของจากพี่สะใภ้ใหญ่กินของของพี่สะใภ้ใหญ่ได้หรือไม่เ้าคะ?”
“เด็กโง่ อะไรคือรับของจากพี่สะใภ้ใหญ่กินของของพี่สะใภ้ใหญ่กัน พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกอยู่แล้ว!”เซี่ยยวี่หลัวลูบศีรษะของเซียวจื่อเมิ่งพลางกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง
เซียวจื่อเซวียนที่กลับมาจากบ้านท่านลุงสี่เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่พอดี ได้ยินประโยคนั้นของเซี่ยยวี่หลัว ก็ผงะไปทันที
พวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ไม่มีการแบ่งแยกอยู่แล้ว!
ต้นเดือนสอง กลางคืนเหน็บหนาวดวงจันทร์ฉายแสงบนท้องฟ้า แสงจันทราขาวผ่องสาดส่องบนพื้นดิน แสงสว่างกว้างไกลขณะเดียวกัน ก็ฉายให้เห็นน้ำตาสองหยดที่คลอในเบ้าตาเซียวจื่อเซวียน
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเซียวจื่อเซวียนอยู่ข้างนอกนางโดนเื่ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นกวนใจจนอารมณ์ไม่ดีนัก เดิมยังคิดจะถามเื่หาเงินจึงหยุดอยู่แค่นี้
ทว่าสุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะกำชับให้จื่อเมิ่งคืนผ้าเช็ดหน้ากลับไปส่วนคนที่ชื่อิจูนั่นเซี่ยยวี่หลัวจำได้ว่าในหนังสือไม่ได้เขียนเกี่ยวกับบุคคลนี้ น่าจะเป็ตัวประกอบที่ผ่านมาแล้วผ่านไปจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
นางหารู้ไม่ ไม่ใช่เพราะในหนังสือไม่ได้เขียนเกี่ยวกับบุคคลนี้แต่เป็เพราะการปรากฏตัวของนาง เปลี่ยนแปลงตัวละครที่ชื่อเซี่ยยวี่หลัวขณะเดียวกัน ก็ทำให้บุคคลและเื่ราวจำนวนหนึ่งที่เดิมทีควรจะเกิดขึ้นแต่ไม่ได้ปรากฏในหนังสือ มาปรากฏอยู่ที่นี่
การเขียนหนังสือมีจุดที่ต้องเพ่งความสนใจบางบุคคลและบางเื่ราวไม่ได้สำคัญนัก จะเขียนหรือไม่เขียนก็ได้
ทว่า เมื่อมาถึงที่นี่แต่ละวันที่ผ่านไปเป็ชีวิตจริงของเซี่ยยวี่หลัวไม่ว่าจะเป็บุคคลหรือเื่ราวบางอย่าง ขอเพียงเกิดขึ้นรอบตัวนางล้วนแต่มีความสัมพันธ์ละเอียดอ่อนกับนางทั้งสิ้น
เที่ยงวันต่อมา ท่านลุงสี่ส่งเนื้อหมูมาให้
หลังจากกินอาหารมื้อเที่ยงเสร็จเซี่ยยวี่หลัวพาเซียวจื่อเมิ่งไปนอนกลางวันเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงเซียวจื่อเซวียนอยู่บ้าน
“อาเซวียน มาเปิดประตูลุงสี่ซื้อเนื้อหมูกลับมาให้พวกเ้าแล้ว!” ท่านลุงสี่ะโเสียงดัง
เซียวจื่อเซวียนรีบไปเปิดประตูท่านลุงสี่ยืนอยู่ด้านนอก ในมือหิ้วเนื้อหมูจำนวนมากที่แขวนไว้บนเชือกฟางข้าวมองเซียวจื่อเซวียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “วันนี้จะกินเนื้อหมูใช่หรือไม่? ลุงสี่ซื้อเนื้อหมูที่ดีที่สุดมา ทั้งหอมทั้งมัน อร่อยมากทีเดียว!”
ซื้อหมูสามชั้นมาสองจินจินละสิบสองอีแปะ หมูเนื้อแดงถูกกว่าเล็กน้อย เพียงจินละสิบอีแปะหมูสามชั้นสองจินและหมูเนื้อแดงครึ่งจิน รวมกันทั้งหมดสามสิบสี่อีแปะ
ท่านลุงสี่นำเงินที่เมื่อวานเซียวจื่อเซวียนให้ไปนำเหรียญอีแปะออกมาจำนวนมาก ยื่นไปให้ “อ่ะ นี่เป็เงินที่เหลือ เ้าเก็บไว้ให้ดี!”
เขาช่วยซื้อของ ปกติจะเก็บเงินก่อนจากนั้นจึงเก็บค่าสั่งซื้อหนึ่งอีแปะ
เซียวจื่อเซวียนรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านลุงสี่ขอรับ!”
ท่านลุงสี่มองเข้าไปภายในบ้านในบ้านเงียบสงบมาก จึงเอ่ยถาม “น้องสาวเ้าล่ะ? จื่อเมิ่งไม่อยู่บ้านหรือ?”
“ไม่ขอรับ นางนอนกลางวันอยู่”
“นอนแล้ว?” ท่านลุงสี่ผงะไปเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเซียวจื่อเมิ่งจะนอนกลางวัน “อ่อ พี่สะใภ้ใหญ่เ้าล่ะทำไมถึงไม่เห็นพี่สะใภ้ใหญ่เ้า คงไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นใช่หรือไม่?”
ปกติเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่คนชอบเที่ยวเล่นเพราะนางรู้สึกว่าในหมู่บ้านไม่มีใครคู่ควรจะเล่นกับนาง
“พี่ใหญ่ของเ้าไม่อยู่บ้านเ้าน่ะ ต้องอยู่กับพี่สะใภ้ใหญ่ให้มาก อย่าปล่อยให้นางออกบ้านคนเดียว เข้าใจหรือไม่?”ท่านลุงสี่คิดอยู่ในใจ
อย่าให้นางทำเื่ที่ผิดต่อพี่ใหญ่ของเ้าเป็อันขาด
คำพูดประโยคสุดท้าย เขาไม่ได้กล่าวกลัวว่ากล่าวไปเด็กก็ฟังไม่เข้าใจ ต่อให้ฟังเข้าใจ ก็จะรู้สึกวางตัวไม่ถูก
ยังไม่กล่าวถึงว่าเซี่ยยวี่หลัวเป็คนแบบไหนแค่รูปลักษณ์ของนาง…ผู้ชายในหมู่บ้านจำนวนเท่าไหร่ที่ดวงตาลุกวาวทุกครั้งที่เอ่ยถึงเซี่ยยวี่หลัว
เซียวยวี่ก็ไม่อยู่บ้านปล่อยให้ภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มเช่นนี้อยู่บ้าน ใครจะวางใจได้!
ต่อให้เซี่ยยวี่หลัวไม่มีใจคิดเป็อื่นแต่มีรูปโฉมเช่นนั้น ใครจะไปรู้ว่าคนอื่นจะหวั่นไหวหรือไม่!
แม้ว่าเซียวจื่อเซวียนอายุยังน้อยแต่บางครั้งก็ได้ยินคำเยาะเย้ยจากคนในหมู่บ้าน แล้วลองคิดเชื่อมกับวาจาของท่านลุงสี่ก็พอจะเข้าใจแล้ว
เขารู้สึกวางตัวไม่ค่อยถูกนัก
พี่สะใภ้ของตัวเองหน้าตาดีเดินออกไปข้างนอก สายตาบุรุษแทบทั้งหมดล้วนจับจ้องมาที่ตัวพี่สะใภ้เขารังเกียจสายตาเ่าั้ยิ่งนัก
“ไม่ขอรับ นางนอนอยู่ที่บ้าน”เซียวจื่อเซวียนกล่าวตอบ
เหมือนว่าั้แ่วันที่พี่ใหญ่ไป พี่สะใภ้ใหญ่เคยไปเก็บผักตีนไก่ในนาเพียงหนึ่งครั้งก็ไม่เคยออกไปอีกเลยไม่ใช่หรือ?
ท่านลุงสี่แอบกำชับเขา “อยู่บ้านก็ดีเ้ารีบซ่อนเนื้อหมูของเ้าไว้ อย่าให้นางเห็นเป็อันขาด อาศัยจังหวะที่นางไม่อยู่รีบต้มกินเสีย ดูเ้ากับน้องสาวเ้าสิ หิวจนซูบผอมขนาดนี้”
เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าท่านลุงสี่เป็ห่วงเขาเพียงแต่ตอนนี้ เื่บางอย่างเซียวจื่อเซวียนต้องกล่าวตามตรง “ท่านลุงสี่เงินที่ใช้ซื้อเนื้อหมู พี่สะใภ้ใหญ่เป็คนให้มาขอรับ!”
ท่านลุงสี่อุทาน “หา” ทีหนึ่ง เบิกตากว้างมองเซียวจื่อเซวียนคล้ายกับไม่อยากเชื่อวาจาของเขาเมื่อครู่นี้ “เป็เงินที่พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าให้มา?”
“ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่เป็คนให้ข้าไปหาท่าน”เซียวจื่อเซวียนกล่าวตามจริง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เื่การซื้อเนื้อหมูเซี่ยยวี่หลัวเป็คนเสนอเอง
ท่านลุงสี่ไต่ถามอีกเื่หนึ่ง “เมื่อวานที่ไปซื้อไข่พี่สะใภ้ใหญ่ของเ้าให้เ้ากินหรือไม่?”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “กินแล้วขอรับ”
กินไปไม่น้อยด้วย
ท่านลุงสี่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะ “เช่นนั้นก็ดีนางรู้จักซื้อเนื้อหมูให้พวกเ้ากิน เช่นนั้นก็ดี!”
เด็กสองคนมีเนื้อหมูให้กินแล้วท่านลุงสี่ไขว้มือไว้ด้านหลังเดินกลับบ้านด้วยท่าทางอารมณ์ดี
เลยเวลากินอาหารไปแล้วเขาเพิ่งกลับมา ยังไม่ได้กินอาหารเที่ยง จึงรู้สึกหิว