เหอตังกุยอธิบายอย่างอดทน “หากเกิดเื่กินของสกปรกจริง แม้จะท้องเสียเพียงหนึ่งหรือสองวัน ตระกูลหลัวก็ยากจะอธิบายเื่ราวให้ตระกูลใหญ่อื่น ๆ เข้าใจ คุณหนูคุณชายเ่าั้เปรียบเสมือนต้นกล้าล้ำค่าของครอบครัว แม้ยามปกติจะไอจามหรือผมร่วงบ้าง แต่ผู้าุโของพวกเขาย่อมปวดใจที่ไม่สามารถรับความเ็ปแทนได้ หากพวกเขาได้รับโรคภัยจากตระกูลหลัว แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าเป็เื่ไม่คาดคิด แต่คงไม่มีใครยอมให้อภัยแน่ ไม่ทราบว่าหยางมามาจำได้หรือไม่ ครึ่งปีก่อนตอนพี่รองกลับจวนตระกูลซุน เมื่อนางกลับมาก็ปวดหัวตัวร้อนเพราะตกน้ำขณะพายเรือในทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเย็นจัดจึงทำให้นางเป็หวัด แม้ตระกูลซุนจะเป็ตระกูลของท่านป้ารอง มีความสัมพันธ์อันดีเหมือนครอบครัว ทว่าท่านป้ารองก็ยังเดือดดาลเพราะเหตุนี้ ถึงขั้นเดินทางกลับตระกูลซุนเพื่อขอคำอธิบายจากฮูหยินหวังผู้ดูแลจวนเลยทีเดียว”
หยางมามาพยักหน้าพลางเอ่ย “ไม่ผิด ข้ายังจำได้ ฮูหยินหวังคือพี่สะใภ้ของนายหญิงรอง นางมีนิสัยไม่ยอมอ่อนข้อให้ใคร ขณะนั้นนางขัดแย้งกับนายหญิงรอง ทั้งยังบอกว่าคุณหนูรองตกน้ำขณะพายเรือไปคนเดียว ไม่มีใครผลักนางทั้งนั้น จะโทษตระกูลซุนได้อย่างไร เื่นี้สร้างความวุ่นวายถึงหนึ่งเดือนเต็มก่อนสงบลง ด้วยเหตุนี้ นายหญิงรองจึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อจ้างทหารหญิงมาปกป้องคุณหนูรอง ได้ยินว่าเมื่อก่อนทหารผู้นี้เคยเป็จอมยุทธ์หญิงท่องยุทธภพ”
เหอตังกุยถอนหายใจ “หยางมามาไม่รู้อะไรเสียแล้ว ขณะข้านอนในห้องฝั่งตะวันตกก็มักจะได้ยินเสียง ‘จี๊ด ๆ ’ เสมอ มันทำให้ข้านึกถึงเรือนซีคั่ว...สัตว์เลี้ยงสี่ห้าตัวของน้องเว่ยนั้น เกรงว่าตอนนี้คงขยายพันธุ์ถึงสี่ห้าร้อยตัวแล้วกระมัง แม้ข้าจะเห็นสัตว์เช่นนี้ในหมู่บ้านหนงจวงจนชิน อีกทั้งยังสามารถอยู่ร่วมเรือนหลังเดียวกันได้ แต่ข้าก็กลัวเหลือเกินว่ามันจะออกไปสร้างความเดือดร้อนในเรือนอื่น หากมันทำร้ายคนอื่นเข้า พวกเขาจะไม่บอกว่าข้าเลี้ยงแมลงพิษ เลี้ยงหนูพิษเพื่อทำร้ายผู้อื่นหรือ มามา ท่านช่วยข้าคิดหน่อยได้หรือไม่ว่าควรทำเช่นไร?”
หยางมามาส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ นางเอ่ยปากตำหนิเหอตังกุยอย่างอดไม่ได้ “คุณหนูสาม แม้ท่านอยากประหยัดเงินแต่ก็ไม่ควรประหยัดด้วยวิธีนี้ แม่ครัวหวังมิใช่ให้เงินค่าอาหารท่านหกสิบตำลึงทุกสิ้นเดือนหรอกหรือ? หากท่านเก็บเงินสักครึ่งปีก็น่าจะมีเงินเก็บเกือบสี่ร้อยตำลึง แม้นายหญิงรองจะยุ่งจนไม่มีเวลาดูแล ไม่ได้ส่งปูนขาวและยาเบื่อหนูให้แก่ท่าน ท่านก็สามารถนำเงินบางส่วนมอบให้สารถีหน้าจวนไปซื้อยาเบื่อหนูที่ร้านสมุนไพร แต่ท่านกลับปล่อยปละละเลยจนกลายเป็เื่ใหญ่ แม้ชีวิตที่น่าสงสารของท่านจะทำให้ผู้คนเห็นใจ แต่เื่หนูระบาดก็ไม่สามารถโทษคุณชายเว่ยหรือนายหญิงรองได้ ต้องโทษท่านเท่านั้น”
เหอตังกุยเม้มริมฝีปากภายใต้ผ้าคลุมหน้า หยาดน้ำตาไหลพรากพลางกล่าวเสียงเบา “เหตุใดจึงเป็เช่นนี้ ข้ารับผิดชอบไม่ไหวแล้วมามา”
แม้หยางมามาจะสงสารนาง แต่ก็ทำได้เพียงพูดความจริง “ประการแรก ปีนี้คุณชายเว่ยอายุเพียงสามขวบ ความซนของเด็กเป็เื่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เหล่าไท่ไท่คงทนไม่ไหวหากต้องตำหนิคุณหนูเว่ย เช่นเดียวกับที่เหล่าไท่ไท่ทำใจตำหนิคุณหนูสามไม่ได้ ประการที่สอง ครึ่งปีที่แล้วมารดาของคุณชายเว่ยตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ต้องอยู่ในเรือนเพื่อป้องกันการแท้ง นางจึงไม่จำเป็ต้องรับผิดชอบเื่นี้ ตอนนี้นางให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักดุจก้อนแป้งให้แก่นายท่านใหญ่ซึ่งเป็ผู้มีพระคุณอันดับหนึ่งของตระกูลหลัว ไม่ว่าเื่ใดก็ไม่สามารถตำหนินางได้ ประการที่สาม นายหญิงรองไม่ได้มอบยาเบื่อหนูให้แก่ท่านอาจเพราะนางดูแลคุณชายเว่ยอยู่ อีกทั้งงานของนางก็ยุ่งมากจนลืมเื่ของท่านก็เป็ได้ คุณหนูสามเป็เ้านายเรือนซีคั่ว ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด แต่ผลลัพธ์ตอนนี้คือหนูระบาดในเรือนท่าน หากไม่ตำหนิท่านแล้วจะตำหนิผู้ใด?”
เหอตังกุยเช็ดน้ำตาพลางพยักหน้าเอ่ยตอบ “มามาพูดมีเหตุผลมากเ้าค่ะ ตังกุยยอมรับผิด ไม่ทราบว่าข้าจะได้รับโทษอย่างไรเ้าคะ?”
“รอกลับถึงจวนก่อนค่อยนำเื่นี้แจ้งแก่เหล่าไท่ไท่ ดูว่านางจะลงโทษท่านอย่างไร” เมื่อเห็นเด็กสาวน้ำตานองหน้า หยางมามาก็อดปลอบใจไม่ได้ “วางใจเถิด ข้าจะช่วยขอร้องให้อีกแรง เหล่าไท่ไท่ก็รักท่านเช่นกัน”
“ขอบคุณหยางมามาที่เมตตา ตังกุยซาบซึ้งใจยิ่งนัก” เหอตังกุยกล่าวต่อด้วยเสียงสะอื้น “หากมีเงินซื้อยา ไหนเลยจะปล่อยให้สาวใช้ทั้งจวนอดอาหารไปพร้อมข้า ทั้งที่มีครัวอยู่ในเรือนแท้ ๆ … ความจริงแล้วข้าไปหาท่านป้ารองหลายต่อหลายครั้งทว่าก็ยังไม่ได้ยาสักที ป้าหวังบอกจะส่งเงินค่าอาหารมาให้แต่ข้ากลับไม่เคยเห็นแม้แต่ตำลึงเดียว เงินหนึ่งตำลึงสองเหรียญที่เป็ค่าอาหารรายเดือนของข้าล้วนนำไปทำอาหารเย็นให้สาวใช้สิบคนเพื่อชดเชยแก่พวกนาง ในใจข้ารู้สึกผิดต่อพวกนางมาก... ข้ารอท่านแม่กลับจากวัดอย่างใจจดใจจ่อเพื่อจะได้ขอเงินนางมาซื้อยา จึงล่าช้าถึงทุกวันนี้...”
หยางมามาเบิกตากว้างทันที พลันเอ่ยด้วยความใ “อะไรนะ? เงินหนึ่งตำลึงสองเหรียญ แม่บ้านหวังฉี่ไม่ได้นำมาให้ท่านหรือ? เป็ไปได้อย่างไร เงินค่าอาหารเป็เงินส่วนกลาง ฝ่ายบัญชีจัดสรรเงินส่งให้ห้องครัวซื้อวัตถุดิบจำเป็ในทุก ๆ วันแรกหรือวันที่สองของเดือน แม่บ้านหวังฉี่เป็คนมีหน้ามีตาจะกล้ายักยอกเงินผู้อื่นอย่างเปิดเผยได้อย่างไร? เงินรายเดือนในจวนมีมาตั้งนานนม เบี้ยเลี้ยงรายเดือนของคุณหนูอยู่ที่สิบสี่ตำลึง เบี้ยเลี้ยงสาวใช้ขั้นหนึ่งอยู่ที่หนึ่งตำลึงสองเหรียญต่อเดือน ในเมื่อเบี้ยเลี้ยงของคุณหนูสามจ่ายผิด เหตุใดท่านจึงไม่บอกกล่าวเหล่าไท่ไท่?”
ขณะที่เหอตังกุยจะเอ่ยตอบ จู่ ๆ ไหล่ของนางก็สั่นสะท้าน สองมือเริ่มเกาตามร่างกายอย่างรุนแรง นางเอ่ยขอโทษด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “ขออภัยเ้าค่ะ ข้าคันมากจริง ๆ หยางมามาเดินทางมาไกลคงเหนื่อยล้ามากแล้ว แต่ข้ากลับรั้งให้ท่านสนทนานานเพียงนี้ ช่างเสียมารยาทจริง ๆ แม้แต่น้ำชาก็ยังยกมาให้มามาไม่ได้ ข้าไม่สบายใจยิ่งนัก... ฉานอี”
“คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งหรือเ้าคะ?”
หยางมามามองตามด้วยความสงสัยก็พบหญิงสาวใบหน้ากลมสวมชุดสีน้ำเงิน อายุน่าจะมากกว่าคุณหนูสามยืนอยู่ที่หน้าประตู นางขานรับด้วยถ้อยคำชัดเจน
เหอตังกุยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หยางมามาเป็แขกผู้ใหญ่ น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีของดีมาต้อนรับ แต่เมื่อครู่ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีผลไม้สีแดงตากแห้งที่ชั้นหน้าต่างด้านนอก เ้ารีบไปต้มชาผลไม้แดงมาให้หยางมามาดื่มสักถ้วย” เด็กสาวใบหน้ากลมขานรับแล้ววิ่งออกไป เหอตังกุยหันกลับมากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผลไม้แดงนี้มีรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ น่ารับประทานยิ่งนัก มามาพักดื่มน้ำชาก่อนสักถ้วย อีกประเดี๋ยวข้าจะให้ฉานอีพาท่านไปกินข้าวนะเ้าคะ”
หยางมามามองเด็กสาวกระตือรือร้นผู้นั้นด้วยความพึงพอใจไม่น้อย “เด็กสาวผู้นั้นเป็สาวใช้ของคุณหนูสามหรือเ้าคะ? ข้าไม่เคยเห็นนางมาก่อน นางถูกส่งมาพร้อมขบวนแห่ศพหรือ?”
เหอตังกุยลูบหลังมือ พลางมองแผ่นหลังชุดสีน้ำเงินที่กระตือรือร้น “เดิมทีนางเป็แม่ชีน้อยในวัดแห่งนี้ ชื่อทางธรรมคือเจินจิ้ง พวกเราเข้ากันได้ดี ข้าจึงคิดพานางกลับจวนในฐานะสหายคนสนิท” เมื่อเห็นความสงสัยฉายชัดบนใบหน้าหยางมามา เหอตังกุยจึงเอ่ยเสริม “หยางมามาโปรดวางใจ ฉานอีเชื่อฟังและคล่องแคล่ว ไม่มีทางก่อความวุ่นวายแน่นอน นางเป็สาวใช้ข้างกายข้าจึงจะไม่รับเบี้ยเลี้ยงจากจวน กินข้าวก็กินกับข้า ไม่รบกวนให้ส่งอาหารเพิ่มอีกชุดหรอกเ้าค่ะ มามาได้โปรดเมตตาข้าอีกสักครั้ง รับนางเข้าจวนอีกสักคน”
หยางมามาคิดในใจ เด็กสาวคนนั้นหน้าตาน่ารักเสียจริง แสดงน้ำใจตอบตกลงคุณหนูสามสักหน่อยก็ไม่เสียหาย ทว่านางยังคงกล่าว “จะให้ข้าตอบตกลงนั้นเป็เื่ง่าย แต่คุณหนูสามต้องอธิบายก่อนว่าเหตุใดท่านจึงไม่ได้รับเงินค่าอาหาร หรือแม่บ้านหวังฉี่จะยักยอกจริง ๆ ?”
เหอตังกุยถอนหายใจพลางกล่าว “ตังกุยเคยผ่านประสบการณ์เป็ตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ยังมีเื่ใดที่ข้าไม่เข้าใจอีกหรือ? ฝีมือการทำอาหารของท่านป้าหวังสูงส่งนัก นางต้องทำงานหนักยิ่ง ตอนท่านป้าใหญ่ตั้งครรภ์ก็อาศัยอาหารสามมื้อจากป้าหวัง นางต้องต้มเืนกนางแอ่นส่งให้ท่านป้าใหญ่เป็ประจำ มิตรภาพนี้ช่างน่าซาบซึ้งเสียจริง หากบอกว่าท่านป้าใหญ่คือผู้มีบุญคุณอันดับหนึ่งในตระกูลหลัว เช่นนั้นป้าหวังก็คือผู้มีพระคุณอันดับสอง ข้าจะใส่ร้ายผู้มีพระคุณได้อย่างไร?”
มามาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางส่ายศีรษะพลางกล่าว “ผิดแล้วคุณหนู สองเื่นี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คุณหนูสาม ตอนนี้ท่านขาดแคลนเงินยิ่งนัก แม้ท่านจะไม่้าเงิน แต่แม่บ้านหวังฉี่ก็ควรจะส่งเงินให้ท่าน แล้วค่อยให้รางวัลตอบแทนนางหลังจากนั้น”
เหอตังกุยขมวดคิ้วมุ่น “แตกต่างตรงไหนหรือเ้าคะ? มามา พวกเราอย่าพูดเื่นี้อีกจะดีกว่า ข้ารู้ว่าความผิดเื่หนูระบาดในห้องครัวนั้นข้าคงหนีไม่พ้น แต่มามาต้องช่วยขอร้องเหล่าจูจงให้ข้านะเ้าคะ”
หยางมามาพยักหน้าจริงจัง “ความแตกต่างมีมากโข กองกลางออกเงินค่าอาหารให้ท่านทุกเดือนแต่ท่านกลับไม่ได้กินและไม่ได้รับเงิน คุณหนูสามนิสัยดีจึงไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่มันคือหน้าที่ของข้า ข้าต้องรายงานปัญหานี้ต่อเหล่าไท่ไท่ เงินสี่ร้อยตำลึงนั้นเื่เล็ก แต่ผู้ใดยักยอกเงินหรือไม่นั้นเื่ใหญ่ ตระกูลหลัวไม่สามารถปล่อยบ่าวรับใช้ที่รังแกเ้านายเช่นนี้ไว้ได้”
เหอตังกุยนิ่งเงียบ สายตาของนางดูลังเล แต่สุดท้ายก็ยังคงก้มหน้าไม่พูดอะไร
หยางมามาเห็นดังนั้นจึงเอ่ยโน้มน้าวใจนางอย่างช้า ๆ “ก่อนหน้านี้ที่ข้าบอกว่าคุณหนูสามต้องรับผิดชอบเื่หนูระบาด เป็เพราะข้าคิดว่าคุณหนูสามสามารถจัดการปัญหาด้วยตัวเองได้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็เงินที่คุณหนูสามต้องใช้จ่ายถูกบ่าวรับใช้เ้าเล่ห์ยักยอก ทำให้ท่านหิวโหยและขัดสนจนได้รับผลกระทบหนูระบาดอย่างหนัก หากยืนยันได้ว่าหวังฉี่ยักยอกเงินส่วนกลางจริง ๆ เช่นนั้นคุณหนูสามก็จะกลายเป็ผู้โชคร้าย ท่านไม่จำเป็ต้องรับโทษกับเหล่าไท่ไท่ และแน่นอนว่าไม่จำเป็ต้องให้ข้าช่วยขอร้องเพื่อท่าน”
“จริงหรือเ้าคะ” แววตาของเหอตังกุยเป็ประกาย “เพียงเล่าความจริงก็ไม่จำเป็ต้องรับโทษใช่หรือไม่เ้าคะ?”
หยางมามามองหลังมือขาวราวกับหิมะที่ถูกเกาจนแดงเป็วงกว้าง ในใจของนางสงสารเหอตังกุยยิ่งนัก บุตรีมีมารดาเปรียบเสมือนของมีค่า แต่บุตรีไร้มารดากลับเปรียบเสมือนต้นหญ้า แม้แต่ตระกูลร่ำรวยมีการศึกษาเช่นตระกูลหลัวก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนคุณหนูสามผู้ไร้มารดาพึ่งพิงจะเผชิญความลำบากไม่น้อยในครึ่งปีที่ผ่านมา ั้แ่กูไท่ไท่พานางออกจากตระกูลเหอ นางก็ตกอยู่ในฐานะคลุมเครือ จะเป็คุณหนูก็ไม่ใช่ จะเป็คนรับใช้ก็ไม่เชิง ทั้งที่เป็เด็กสาวผู้มีชีวิตที่น่าสงสารแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีในจวนตระกูลหลัว ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
เมื่อหยางมามาคิดมาถึงตรงนี้จึงเอ่ยปลอบใจด้วยใบหน้าอ่อนโยน “ไม่เพียงไม่ต้องรับโทษ แม้แต่เงินสี่ร้อยตำลึงที่เป็ของคุณหนูสาม เมื่อตรวจสอบบัญชีชัดเจนแล้ว เหล่าไท่ไท่จะคืนมันให้แก่ท่านเอง”
“ในเมื่อมามากล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ปิดบังแล้ว” เหอตังกุยทอดตามองไปยังที่ห่างไกล สีหน้าคล้ายย้อนคิดบางอย่างก่อนกล่าว “เดือนแรกที่ห้องครัวใหญ่ไม่ส่งอาหาร สาวใช้สิบหกคนในเรือนซีคั่วไม่พอใจมาก ข้ารู้สึกผิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าควรชดเชยพวกนางอย่างไรดี เบี้ยเลี้ยงสองตำลึงกว่าไม่สามารถช่วยให้คนมากมายเพียงนั้นอิ่มท้องได้ เมื่อถึงสิ้นเดือน เงินที่ป้าหวังรับปากก็ไม่ได้ส่งมา แม้ข้าจะไม่เต็มใจแต่สายตากว่าสามสิบคู่ของคนในเรือนกำลังกะพริบปริบ ๆ ข้าจึงต้องไปหาป้าหวังที่ห้องครัวด้วยตัวเอง”
หยางมามาขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “คุณหนูสามไปด้วยตัวเองแต่ก็ไม่ได้เงินกระนั้นหรือ?”
เหอตังกุยก้มหน้าเอ่ยอย่างเศร้าใจ “ไม่รู้ว่าเกิดอันใด ข้าไปหานางถึงเจ็ดแปดรอบแต่ก็ไม่เคยพบ ได้ยินว่าป้าหวังมักจะลงมือทำมื้อค่ำของทุกวันด้วยตัวเอง ตกเย็นข้าจึงไปยืนรอด้านนอกห้องครัว ไปกี่ครั้งก็ไม่ใช่วันที่ป้าหวังทำอาหารสักครั้ง ข้าสอบถามคนที่เข้าออกห้องครัวหลายคน ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาจึงไม่แยแส ข้าทำได้เพียงรอต่อไปเท่านั้น เมื่อถึงวันที่เจ็ดก็ไปที่ห้องครัวอีก ครานี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใด ห้องครัวไม่จุดไฟ ทั้งยังปิดประตู ด้านนอกมืดสงัด ข้าเดินไปที่ที่ข้ายืนรอเป็ประจำทว่าไม่ทันระวังจึงสะดุดล้มโดยบังเอิญ ฝ่ามือของข้าถูกหินบาด ก่อนพบว่าบริเวณนั้นเต็มไปด้วยน้ำมันตุงที่เป็พิษ ไม่รู้ว่ามันหกอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้