คังอิงดวงตาเป็ประกายเมื่อมาถึงที่นี่ เธอไม่คิดว่าบ้านป้ารองของสือเจียงหย่วนจะเป็บ้านเดี่ยวที่มีกำแพงสูงเหนือศีรษะ มีประตูรั้วเหล็กกั้น ดูแล้วน่าจะปลอดภัยมาก
โดยรอบมีบ้านเดี่ยวแบบเดียวกันกระจายอยู่ห่างๆ ดูเงียบสงบ และทั้งยังไม่เปลี่ยวจนเกินไป
คังอิงตกหลุมรักที่นี่ในทันที ค่าเช่าสิบห้าหยวนต่อเดือนนับว่าถูกมาก สำหรับบ้านหลังเล็กๆ ขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องสี่สิบหยวนขึ้นไป
พอคังอิงเข้ามาในบ้าน ความคิดเธอก็พลิกตลบอีกครั้ง ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีทั้งบ่อน้ำส่วนตัว เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนครบชุด แม้แต่หม้อกระทะก็ยังวางไว้อย่างเป็ระเบียบ เ้าของบ้านไม่ได้ขนย้ายอะไรไปเลย สือเจียงหย่วนบอกว่า เธอสามารถใช้ของพวกนี้ได้ตามสบาย หรือนั่นหมายความว่า เธอไม่ต้องเสียเงินซื้อของที่ต้องใช้ประจำวันพวกนี้เลย
ที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็คือโทรทัศน์จอแก้วขาวดำแบบจอโค้ง พอเสียบปลั๊ก ต่อเสาอากาศ แล้วลองเปิดดู ก็พบว่าสามารถรับชมได้ถึงสิบกว่าช่อง คังอิงรู้สึกพอใจมาก
เนื่องจากเ้าของบ้านเพิ่งจะย้ายออกไปไม่นาน บ้านหลังนี้จึงยังคงมีชีวิตชีวา ราวกับว่าเ้าของบ้านยังอาศัยอยู่ ของใช้ต่างๆ ภายในบ้านไม่ชำรุดเสียหายสักนิด เพียงแต่ภายในบ้านดูอับๆ ไปบ้าง แต่เมื่อพอเปิดหน้าต่างระบายอากาศก็พอทำเนาดีขึ้นมาก
คังอิงแค่ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน จากนั้นก็ถูพื้น เช็ดโต๊ะ เช็ดฝุ่นบนกระจก ก็ไม่มีอะไรต้องทำความสะอาดเพิ่ม งานพวกนี้ใช้เวลาไม่นาน เธอสามารถทำเสร็จได้ภายในวันเดียว
เมื่อนึกว่าตัวเองจากคนที่ไม่มีบ้าน ต้องไปอาศัยอยู่โฮสเทล จนกระทั่งได้มาเช่าบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ใช่บ้านของตัวเอง แต่คังอิงก็รู้สึกว่า เธอได้ลงหลักปักฐานที่อำเภอหลี่ว์แล้ว แถมและยังทำให้เธอกลับมามีความรู้สึกมั่นคงอีกครั้งด้วย
บ้านมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนจีน พอมีบ้านก็จะมีความรู้สึกเป็เ้าของ ตอนพักที่โฮสเทล คังอิงมักรู้สึกว่าตัวเองไร้ที่พึ่งพิง แต่ตอนนี้พอได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ ก็ทำให้เธอดีใจจนลืมตัวไปชั่วขณะ
“บ้านหลังนี้ให้ฉันเช่าแค่สิบห้าหยวน ถูกไปหรือเปล่าคะ”
คังอิงไม่ใช่คนชอบเอาเปรียบคนอื่น เธอรู้ว่าในแวดวงธุรกิจ หากเอาเปรียบคนอื่นเพื่อผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ สุดท้ายจะต้องใช้เงินมากขึ้น เพื่อชดเชยสิ่งเ่าั้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอไม่อยากให้ป้ารองของสือเจียงหย่วนเสียเปรียบ
“ไม่เป็ไรหรอก บ้านของป้าว่างอยู่ก็เท่านั้นแหละ พอรู้ว่ามีคนยินดีจะเช่า ป้าก็ดีใจมากแล้ว แต่ป้ารองของผมมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง” สือเจียงหย่วนกล่าว
พอได้ยินว่ามีเงื่อนไข คังอิงก็โล่งอก เธอพยักหน้าแล้วถามว่า “ข้อแม้อะไรคะ”
“ป้ารองเป็พวกโหยหาอดีต ไม่อย่างนั้นพวกพี่ชายกับน้องชายของผมคงไม่ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อเกลี้ยกล่อมให้ป้าย้ายออกจากที่นี่หรอก ป้าบอกว่านานๆ ครั้ง ก็ยังอยากกลับมาอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ก่อนหน้านี้พอป้าจะกลับมาอยู่คนเดียว พวกพี่ชายก็เป็ห่วง ตอนนี้พอรู้ว่าคุณจะย้ายเข้ามา ป้าก็เลยบอกว่าอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่อีก ผมเลยบอกพวกเขาไปว่า คุณเป็ผู้หญิงที่ดี ให้ป้าอยู่กับคุณคงจะปลอดภัย พวกพี่ชายก็เลยตกลง แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคุณด้วย หากคุณไม่เต็มใจ ก็ไม่เป็ไร เดี๋ยวผมไปคุยกับป้าเอง ป้าไม่บังคับคุณหรอก”
สือเจียงหย่วนขอความเห็นจากเธอ ทำให้คังอิงก็รู้สึกพอใจที่เขาให้เกียรติเธอ เธอพบว่าผู้ชายคนนี้นิสัยค่อนข้างเป็สุภาพบุรุษ เขาไม่ตัดสินใจแทนคนอื่นตามใจชอบ ทำเพียงแค่บอกเงื่อนไขต่างๆ ให้ฟังก่อน จากนั้นค่อยให้เธอเป็คนตัดสินใจ
คังอิงพยักหน้าแล้วตอบ “ได้สิคะ ฉันชอบความมีชีวิตชีวาอยู่แล้ว หากคุณป้าของคุณอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่ก็มาได้ทุกเมื่อ ฉันยินดีต้อนรับท่านผู้เฒ่าให้กลับมาอยู่ที่นี่เสมอ แถมยังอยู่เป็เพื่อนกันได้ด้วย”
จู่ๆ สือเจียงหย่วนก็กลืนน้ำลายลงคอ คังอิงพูดถึงป้ารองว่า ‘ท่านผู้เฒ่า’ ทำให้เขานึกถึงป้าวัยสี่สิบกว่าๆ ที่ยังคงชอบทาลิปสติกกับทาอายชาแชโดว์อยู่ ซึ่งถือว่าเป็เื่แปลกใหม่มากในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
อย่างไรเสีย การแต่งหน้าแต่งตัวแบบนั้น ก็ทำให้ป้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างน้อยๆ ก็สิบปี หากป้ารู้ว่าคังอิงเรียกเธอว่า ‘ท่านผู้เฒ่า’ ไม่แน่ว่าอาจจะโกรธจนขอคืนบ้านหลังนี้คืนก็ได้
หลังจากตกลงเงื่อนไขข้อนี้กันแล้ว ในใจคังอิงก็รู้สึกมั่นคงยิ่งขึ้น เธอบอกสือเจียงหย่วน “ฉันคิดว่าฉันน่าจะเลี้ยงสุนัขสักตัว เวลาปกติฉันอยู่คนเดียว แถมยังไม่สนิทกับเพื่อนบ้านที่นี่ เผื่อเกิดเื่อะไรขึ้น แล้วแต่ฉันไม่รู้จักใครที่นี่ พวกเขาคงไม่กล้าช่วยเหลือฉันแน่ๆ เลี้ยงสุนัขน่าจะช่วยป้องกันคนร้ายได้บ้าง”
สือเจียงหย่วนรู้สึกเหมือนเห็นหัวเธอเต็มไปด้วยเส้นสีดำ [1] เขาถามว่า “ทำไมคุณมองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น?”
“ที่คุณโดนคนฟันนั่นเรียกว่าไม่น่ากลัวเหรอ?” คังอิงโต้กลับเขา
ั้แ่เล็กจนโตสือเจียงหย่วนถูกคนอื่นฟันด้วยมีดแค่ครั้งเดียว แต่เื่นี้กลับกลายเป็ภาพจำของคังอิง ทำเอาเขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ สือเจียงหย่วนจึงเอ่ยว่า
“งั้นเดี๋ยวผมลองถามพี่ชายผมดูว่าเขาพอจะหาสุนัขเฝ้ายามดีๆ สักตัวให้คุณได้ไหม ถ้ามีผมจะพามาให้”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
คังอิงรู้ว่าตอนนี้คนในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้มักจะเลี้ยงสุนัข ทางหน่วยงานราชการก็ไม่ได้สนใจเื่พวกนี้มากนัก หากรู้จักคนในอำเภอก็ลองถามดูได้ว่าสุนัขบ้านไหนออกลูก แล้วอุ้มมาเลี้ยงสักตัวก็ง่ายมาก ปกติแล้วเ้าของสุนัขมักจะกังวลว่าลูกสุนัขจะเกิดมากเกินไป จนจะหาบ้านให้ไม่ได้ แล้วจะสิ้นเปลืองอาหารอีก
ทั้งคังอิงและสือเจียงหย่วนไม่ได้คิดเลยว่า การช่วยเหลือเื่หาสุนัขตัวนี้ จะนำไปสู่การติดต่อกันในภายหลัง เื่ที่คังอิงคิดว่า คือ พวกเขาจะแยกทางกันแบบ ‘ลืมเลือนกันและกัน ณ เจียงหู่ [2]’ ในวันรุ่งขึ้นนั้นคงเป็ไปไม่ได้อีก
หลังจากคุยเื่ต่างๆ กับคังอิงเรียบร้อยแล้ว สือเจียงหย่วนก็กลับไป คังอิงรอจนกระทั่งเขาออกไปแล้ว เธอค่อยปิดประตูบ้าน
เธอต้องอาศัยอยู่ที่นี่อย่างน้อยครึ่งปี ซึ่งบ้านเล็กชานเมืองหลังนี้ค่อนข้างถูกใจเธออย่างมาก มอสเขียวชอุ่มอยู่บนขั้นบันได ส่วนสีเขียวของหญ้าก็สะท้อนเข้ามายังม่าน เธอสามารถปลูกทั้งไม้ใบไม้ดอกในลานบ้านได้ด้วย
จากนั้นก็ซื้อชาดีๆ มาสักหน่อย ตักน้ำจากบ่อน้ำมาต้มชงชาในลานบ้าน ชีวิตแบบนี้เป็ชีวิตในชนบทที่เธอเคยใฝ่ฝันเอาไว้ในตอนที่ทำธุรกิจ แต่เธอกลับได้รับมันโดยไม่คาดคิด
และสิ่งที่น่าขันที่สุดก็คือ เมื่อเธอมีชีวิตแบบชนบทก็จริงได้ แต่กลับต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินทองอีกครั้ง
ชีวิตของคนเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบเอาเสียเลย
ขณะครุ่นคิดเื่นี้ คังอิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ การทำความสะอาดบ้านคืบหน้าเร็วกว่าที่เธอคิดไว้ ยังไม่ถึงเที่ยง เธอก็ทำความสะอาดบ้านเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มที่เพิ่งจะซักเสร็จ และนำไปตากบนราวตากผ้าในลานบ้าน
พอเห็นว่าแดดจ้าขนาดนี้ พวกผ้าที่ซักแล้วคงแห้งก่อนถึงตอนเย็น คืนนี้เธอสามารถห่มผ้าห่มผืนใหม่นอนหลับ สบายๆ บนเตียงในบ้านของตัวเองได้แล้วสบายๆ
ถึงจะทำความสะอาดบ้านไปแล้วรอบหนึ่ง แต่คังอิงก็ยังคงมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ นี่คือข้อดีของคนหนุ่มสาว
เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวมาอยู่กลางท้องฟ้า ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก คังอิงเดินไปเปิดประตูเหล็กเล็กๆ แล้วมองออกไป พบว่าคนที่ยืนอยู่นอกประตูคือ สือเจียงหย่วน
พอเห็นสือเจียงหย่วนกลับมาอีกครั้ง คังอิงก็เปิดประตูต้อนรับเขาเข้ามา พลางเอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมคุณกลับมาอีกคะ”
จากนั้นเธอก็นึกขึ้นมาได้ ถูกแล้ว ค่าเช่าบ้านของเธอยังไม่ได้จ่ายให้สือเจียงหย่วนเลย ตอนเช้าต่อรองราคาและตกลงเงื่อนไขต่างๆ กันไปหมดแล้ว แต่เธอกลับลืมจ่ายเงินสดให้เขา
คังอิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โชคดีจังที่คุณกลับมา ฉันยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้านให้คุณเลย”
สือเจียงหย่วนได้ยินคำพูดของเธอ ก็อึ้งไปเหมือนกัน เขาตั้งใจจะให้คังอิงมาพักที่บ้านหลังนี้ แต่ก็สังเกตเห็นว่า คังอิงไม่ใช่คนที่จะยอมรับความหวังดีจากคนอื่นโดยง่าย ที่พูดเื่ค่าเช่าบ้านก็แค่้าให้คังอิงยอมตกลงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เท่านั้น ดังนั้นเขาเลยไม่ได้ใส่ใจเื่ค่าเช่าอะไรจริงจัง ทว่าพอกลับมายังถูกเตือนเื่นี้เสียอีก
“ไม่ต้องรีบหรอก คุณมีเวลาว่างเมื่อไหร่ค่อยเอาเงินมาให้ผมก็ได้”
สือเจียงหย่วนเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่เกรงใจ คังอิงเห็นว่าในมือเขาถือผัก เนื้อสัตว์ และปลาอยู่ ที่แท้สือเจียงหย่วนเพิ่งไปจ่ายตลาดมานี่เอง
เชิงอรรถ
[1] เส้นสีดำ เส้นที่ใช้แสดงสภาพจิตใจของตัวละครในการ์ตูนเมื่อรู้สึกหดหู่ ตึงเครียด
[2] “ลืมเลือนกันและกัน ณ เจียงหู่” คำกล่าวในปรัชญาจีนโบราณที่ แฝงไว้ซึ่งด้วยปรัชญาเต๋า ซึ่งหมายถึง การปลดปล่อยตัวเองพ้นจากพันธนาการทั้งทางจิตใจและ สังคม เพื่อเร้นกายโดยมีเป้าหมายเป็การบรรลุมรรคผล