หวังก่วงผิงถูกตู้เ้าฮุยผู้ที่มีทั้งเงินและความเ้าเล่ห์เล่นงานเข้าให้แล้ว แม้ตอนอยู่ที่ทำงานเขาจะแสร้งทำเป็นิ่ง แต่พอกลับบ้านมาคงเล่นละครต่อไม่ไหว
ตู้เ้าฮุยใช้เงินสามล้านหยวนเพียงเพื่องัดข้อกับหวังก่วงผิง หวังก่วงผิงสู้ไม่ไหวจึงทำได้เพียงจำใจต้องฝืนทน
แม้เงินเดือนเฉลี่ยของประชาชนจะมีจำนวนแค่ไม่กี่สิบหยวน แต่ความจริงแล้วเงินสามล้านหยวนก็ไม่ใช่เงินจำนวนมากมายอะไร
บุคคลระดับหัวหน้า มีใครคนไหนบ้างที่ไม่เคยเห็นเงินสามล้านหยวน อย่างเช่นโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามของซางตู ผลกำไรที่ส่งมอบให้กับประเทศต่อปีคือหลักยี่สิบถึงสามสิบล้านหยวน แผนการผลิตมูลค่าจำนวนสามล้านหยวน รองผู้อำนวยการโรงงานอย่างหยวนหงกังยังสามารถลงชื่ออนุมัติเองได้ด้วยซ้ำ ไม่เห็นมีอะไรน่าโอ้อวดสักนิด!
แต่นั่นเป็เงินของรัฐ ใช้สำหรับการผลิตภายในโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามเท่านั้น หยวนหงกังมีหรือจะกล้ายักยอกนำมาเป็ของครอบครัว ติงอ้ายเจินกับอดีตผู้อำนวยกรโรงงานคือกรณีตัวอย่าง และโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามก็ไม่มีทางบริจาคเงินให้มหาวิทยาลัยไหนด้วยเช่นกัน
โรงงานเป็โรงงานของประเทศชาติ เงินก็เป็เงินของรัฐ หยวนหงกังคงไม่สามารถเอาเงินมาละลายเพียงเพียงไม่ถูกขี้หน้าใครได้
รองผู้อำนวยการโรงงานทำไม่ได้ แม้แต่ผู้อำนวยการก็ไม่มีอำนาจขนาดนั้น!
แต่นักธุรกิจฮ่องกงไม่เหมือนกัน เงินของนักธุรกิจเป็เงินส่วนตัว อยากใช้อย่างไรก็สามารถใช้ได้ ดังนั้นหวังก่วงผิงจึงถูกเงินสามล้านหยวนตบหน้าเข้าอย่างแรง ใบหน้าของเขาชาั้แ่อยู่ที่ทำงานยันกลับมาถึงบ้าน เห็นใครก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปหมด
หร่านซูอวี้รับกระเป๋าจากมือเขา ตอนนี้คนระดับหัวหน้านิยมถือกระเป๋าเอกสาร หากไม่ถือกระเป๋าเอกสาร ไม่มีรถรับส่งก็จะดูไม่มีเกียรติ อย่างไรก็ตามหวังก่วงผิงมีแค่กระเป๋าเอกสาร ไม่มีรถรับส่ง ปกติแล้วเขาทำเหมือนไม่สนใจเื่เหล่านี้ อยู่ที่ทำงานอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
แต่วันนี้เขาอารมณ์เดือดดาลจึงโยนเอกสารใส่มือหร่านซูอวี้อย่างแรง
“ก่วงผิง วันนี้ตอนคุณอยู่ที่ทำงาน...”
ตอนออกจากบ้านยังอารมณ์ดีอยู่มิใช่หรือ หร่านซูอวี้รับรู้อารมณ์ของหวังก่วงผิงได้ดีที่สุด สองวันที่ผ่านมานี้หวังก่วงผิงอารมณ์ดีมาก เขาบอกว่ากำลังดูแลเื่นักธุรกิจฮ่องกงที่อยากบริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัย และเขาอยากทำเื่นี้ เวลาอยู่ที่ทำงานพูดอะไรเขาจะได้มั่นใจมากขึ้น
แต่จู่ๆ วันนี้เขากลับอารมณ์ฉุนเฉียว หร่านซูอวี้มึนงงไปหมด
หวังก่วงผิงยังไม่ทันระบายอารมณ์ใส่หร่านซูอวี้ก็มีคนมารับแทน เพราะไม่ทันไร หวังเจี้ยนหัวก็พาเซี่ยจื่ออวี้กลับมาที่บ้าน
“แม่ครับ คืนนี้ห่อเกี๊ยวเถอะครับ ให้จื่ออวี้ช่วยผสมไส้”
เซี่ยจื่ออวี้ถนัดเื่พวกนี้ หวังเจี้ยนหัวอยากให้พ่อแม่ยอมรับในตัวเซี่ยจื่ออวี้จึงมักจะพยายามหาโอกาสให้เธอได้แสดงฝีมือ เซี่ยจื่ออวี้ยิ้มกว้าง “คุณป้าผสมไส้เถอะค่ะ งานนวดแป้งมันเหนื่อย เดี๋ยวฉันทำเอง”
คำพูดคำจามีวาทศิลป์เหลือเกิน ต่อให้หร่านซูอวี้ไม่ถูกใจเซี่ยจื่ออวี้ แต่เธอย่อมรู้สึกว่าสหายหญิงวัยรุ่นคนอื่นคงประจบประแจงเก่งสู้เซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
ั้แ่ชั้นเรียนกวดวิชาเกิดเื่ หวังก่วงผิงก็ไม่เคยสื่อสารกับเซี่ยจื่ออวี้โดยตรงอีกเลย ทุกครั้งที่เธอมาบ้านหวัง เขามักจะทำเหมือนเธอเป็อากาศ
วันนี้หวังก่วงผิงอารมณ์ไม่ดีอย่างยิ่ง เซี่ยจื่ออวี้จึงถึงคราวเคราะห์!
“เจี้ยนหัว ทำไมวันๆ เอาแต่กลับมาที่บ้าน มีเวลาว่างก็ควรอ่านหนังสืออยู่ที่วิทยาลัยสิ คนอื่นกินอาหารในโรงอาหารได้ ทำไมลูกถึงกินไม่ได้ คนเราไม่แข่งกันเื่กินอยู่แต่แข่งขันกันเื่การเรียน โดยเฉพาะภาษาต่างประเทศของลูก เดิมทีก็เป็วิชาที่ทำคะแนนได้ไม่ดี ดังนั้นก็ขยันให้มากหน่อยสิ! การแข่งขันภาษาอังกฤษที่กระทรวงศึกษาธิการเป็คนจัดขึ้นแสดงให้เห็นแล้วว่า ต่อไปไม่ว่าจะเป็ด้านการเรียนหรือด้านการทำงานล้วนจะให้ความสำคัญกับภาษาต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ลูกต้องคว้าโอกาสไว้ให้มั่น นักศึกษาจากชนบทยังได้ร่วมการแข่งขัน ลูกก็ควรไปมาหาสู่กับนักศึกษาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมให้มากขึ้น ภาษาต่างประเทศจะได้พัฒนามากกว่านี้!”
หวังก่วงเผิงกำลังอบรมลูกชาย หวังเจี้ยนหัวรู้สึกตะลึงงัน ส่วนเซี่ยจื่ออวี้เองก็ถูกแทงใจดำเช่นกัน
คนเป็พ่อมีหรือจะไม่อยากให้ลูกชายกลับบ้าน เขากำลังไล่เซี่ยจื่ออวี้อย่างอ้อมๆ ว่าอย่ามาบ่อยนักต่างหาก!
นักศึกษาจากชนบทที่ได้แข่งภาษาอังกฤษคนที่หวังก่วงผิงพูดถึงก็คือเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นเอง
ควรไปมาหาสู่กับนักศึกษาที่ยอดเยี่ยม อาจจะไม่ได้หมายถึงใครโดยเฉพาะ แต่ก็เป็การตำหนิที่หวังเจี้ยนหัวมีตาหามีแววไม่ ในเมื่อคบหากับหญิงชนบทได้ ทำไมไม่คบกับคนที่เก่งกาจ ระหว่างสองพี่น้องตระกูลเซี่ย หวังเจี้ยนหัวตาบอดหรืออย่างไรถึงได้เลือกคบหากับเซี่ยจื่ออวี้
เซี่ยจื่ออวี้มีอะไรดี ถ้าเก่งจริงทำไมไม่เคยเห็นชื่อเธอในการแข่งขันอะไรเลย!
ไม่ใช่แค่การแข่งขันภาษาอังกฤษ ด้วยสถานภาพนักศึกษา ขอเพียงมีความสามารถย่อมมีโอกาสมากมายให้เชิดหน้าชูตา วันๆ เอาแต่วิ่งแจ้นมาที่บ้านตระกูลหวัง ความคิดความอ่านไม่อยู่ในิศทางที่เหมาะที่ควร มิน่าถึงได้ถูกน้องสาวทิ้งห่างเช่นนี้!
เซี่ยจื่ออวี้น้ำตาคลอ นี่คือวิธีการพูดแบบฉบับของข้าราชการชั้นสูงสินะ ปกติไม่พูดไม่จา ที่แท้รอโอกาสนี้อยู่ใช่หรือไม่
เซี่ยจื่ออวี้ต่อให้หน้าด้านแค่ไหนก็รับไม่ไหว โดยเฉพาะการที่หวังก่วงผิงเอาเธอไปเปรียบเทียบกับเซี่ยเสี่ยวหลาน
ถ้าสู้ได้เธอคงไม่รู้สึกมากมายเท่าไร แต่สู้ไม่ได้แล้วถูกว่ากล่าวแบบนี้มันช่างเ็ปหัวใจเหลือเกิน
“เจี้ยนหัว ฉันเหมือนจะไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับวิทยาลัยก่อนนะ”
หวังเจี้ยนหัวรั้งตัวเซี่ยจื่ออวี้ไว้ ทว่าเธอกลับสะบัดมือเขาแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
“จื่ออวี้...”
“หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าลูกวิ่งออกจากประตูบานนั้นไปก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก!”
อารมณ์ของหวังก่วงผิงไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว หวังเจี้ยนหัวชะงักไปสักพัก ก่อนถูกหร่านซูอวี้คว้าแขนเอาไว้ หร่านซูอวี้ล็อคประตูบ้านแล้วดันตัวลูกชายเข้ามานั่งข้างในบ้าน
“เชื่อฟังพ่อเสีย! ผู้หญิงคนนั้นจะโมโหอะไรได้ พ่อกำลังสอนลูกอยู่ แต่เธอกลับรับไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
หวังเจี้ยนหัวขมวดคิ้วจนผูกเป็ปม
“แม่ พ่อกำลังด่ากระทบคนอื่นต่างหาก!”
หร่านซูอวี้ยิ้มเย็น “ด่ากระทบแล้วอย่างไร ตัวเองไม่พยายามแล้วยังจะห้ามไม่ให้คนอื่นพูดถึงอีกหรือ ลูกคบกับเซี่ยจื่ออวี้ เดิมทีพ่อกับแม่ก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เธอสู้ลูกสาวของศาสตาจารย์หลิ่วไม่ได้ด้วยซ้ำ หลิ่วซานไม่ดีกับลูกหรืออย่างไร ลูกเองก็เหมือนกัน เจอผู้หญิงมามากมายทำไมไม่ไปคบ แต่ดันไปหลงเสน่ห์สาวบ้านนอกคนหนึ่งเสียได้ ถ้าผู้หญิงคนนี้เก่งเหมือนน้องสาวของเธอ พ่อกับแม่มีหรือที่จะห้าม วันนั้นที่พาเธอไปงานเชื่อมสัมพันธ์ ลูกเห็นหรือยังว่ามันเป็อย่างไร!”
คำพูดของหร่านซูอวี้ทำให้หวังเจี้ยนหัวเถียงไม่ออก
วันนี้สามคนพ่อแม่ลูกพูดเปิดอกกันอย่างตรงไปตรงมา จนป่านนี้แล้วหวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ก็ยังไม่ยอมรับเซี่ยจื่ออวี้สินะ มีแค่หวังเจี้ยนหัวคนเดียวที่ยืนหยัด เพราะเขาคิดว่าตัวเองเป็วีรบุรุษ ต้องพยายามรับแรงกดดันที่พ่อแม่มอบให้ ถึงจะคู่ควรกับความทุ่มเทของเซี่ยจื่ออวี้
แล้วเซี่ยจื่ออวี้ยังดีไม่พออย่างนั้นหรือ?
ไม่ ตอนที่พวกเขาเพิ่งคบกัน เซี่ยจื่ออวี้คือเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเป็ที่โจษจัน
ถ้าหวังเจี้ยนหัวสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย และยังเป็แค่จือชิงในชนบท เขาคงไม่คู่ควรกับเซี่ยจื่ออวี้ด้วยซ้ำ ทว่าหลังย้ายมาที่ปักกิ่ง ความยอดเยี่ยมของเซี่ยจื่ออวี้กลับไม่สะดุดตาอีกต่อไป อีกทั้งเมื่อมีเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ตัวเปรียบเทียบ ยิ่งไม่อาจพูดได้ว่าเซี่ยจื่ออวี้นั้นดีเด่นแค่ไหน
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป แต่ความสามารถของเซี่ยจื่ออวี้กลับไม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นตระกูลหวังย่อมดูถูกเธออย่างแน่นอน
“ถ้าพ่อกับแม่มีความเห็นอะไรก็พุ่งเป้ามาที่ผมเถิด อย่าเอาจื่ออวี้ไปเทียบกับน้องสาวเธอ พวกเธอทั้งสองไม่ถูกกัน เพราะฉะนั้นพ่ออย่าซ้ำเติมคนอื่นได้ไหมครับ!”
“แม่ล่ะแปลกใจจริงๆ พอพูดถึงน้องสาวเธอคนนั้น เซี่ยจื่ออวี้ก็เอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ มันต้องมีอะไรแอบซ่อนอยู่แน่ๆ ท่าทีของลูกก็แปลกประหลาด ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ลูกต้องอธิบายกับแม่ให้ชัดเจน!”
หร่านซูอวี้ไล่บี้จนหวังเจี้ยนหัวหลังชนฝา
ในที่สุดก็วกมาที่เื่นี้จนได้
หวังเจี้ยนหัวรู้สึกสับสนไปหมด บางครั้งเขาก็อยากให้คนที่ตนพากลับมาบ้านคือเซี่ยเสี่ยวหลาน บางทีพ่อกับแม่อาจจะยอมรับเธอได้ง่ายขึ้น แต่ความคิดนี้กลับผิดต่อเซี่ยจื่ออวี้ หวังเจี้ยนหัวจึงไม่กล้าคิดต่ออีก
ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ นั่นเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานคบกับโจวเฉิงแล้วน่ะสิ!
“แม่ครับ ผมจะบอกแม่ทุกอย่าง แต่ต่อไปอย่าทำให้จื่ออวี้ลำบากใจอีกเลย... ที่จริงแรกเริ่มผมคบหาดูใจกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าตอนหลังพบว่าผมกับเธอไม่เหมาะสมกัน ผมถึงได้มาคบกับจื่ออวี้แทน และเพราะเื่นี้ทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเกลียดชังพวกเรามาก เธอคอยตามจองล้างจองผลาญพวกเราไม่เลิก ั้แ่อวี้หนานมาจนถึงปักกิ่ง!”