ชายวัยกลางคนผู้นี้ทำท่าลังเลอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาจึงโทรศัพท์ไปยังหนึ่งในหมายเลขที่เขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น ระหว่างที่กดโทรออก เขาได้พูดรำพึงกับตนเอง “คนแก่นิสัยแข็งกร้าวเกินไป ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะคาบข่าวไปบอกตาแก่หลิว คนเด็กน่าจะหลอกง่ายหน่อย แล้วไอ้หนุ่มคนนี้ยังกล้าจ่ายเงินถึง 4 ล้านหยวนเพื่อซื้อมีดแกะสลักพังๆ เล่มหนึ่ง ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มคนนี้น่าจะเป็พวกใช้เงินล้างผลาญไม่รู้จักคิด แบบนี้เขาก็น่าจะมีโอกาสหาเงินก้อนโตจากอีกฝ่ายได้ไงล่ะ”
......
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
ภายในห้องพักที่ตกแต่งอย่างหรูหราในโรงแรมห้องหนึ่ง เมื่อหลินเยว่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขาจึงรีบรับสายทันที
“ฮัลโหล สวัสดีครับ คุณคือหลินเยว่หรือเปล่า?”
น้ำเสียงที่พูดค่อนข้างเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลินเยว่จึงขมวดคิ้วขึ้นทันทีพร้อมทั้งตอบกลับ “ผมเอง ไม่ทราบว่าคุณคือใครหรือ?”
“เหอๆ ไม่ต้องถามว่าผมเป็ใคร ตอนนี้ผมมีธุรกิจอย่างหนึ่งคิดอยากจะทำกับคุณ ไม่รู้ว่าคุณจะสนใจหรือเปล่า?”
“ธุรกิจ? ธุรกิจอะไรหรือ?”
หลินเยว่ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ธุรกิจที่มาติดต่อถึงหน้าประตูมักจะไม่ใช่ธุรกิจที่ดีสักเท่าไรหรอกนะ
“ธุรกิจเกี่ยวกับการทดสอบในวันมะรืนนี้ ไม่ทราบว่าคุณสนใจหรือเปล่า?”
“การทดสอบในวันมะรืนนี้?”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็เกิดอาการใจเต้นแรงทันที สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วเขาก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้อย่างทันที
การทำธุรกิจครั้งนี้หากไม่ใช่การขายข้อสอบก็ต้องเป็การขายคำตอบอย่างแน่นอน!
ยังไม่ทันรอให้หลินเยว่พูดตอบกลับ อีกฝ่ายก็เอ่ยปากพูดต่อทันที “ความจริงมีหลายคนที่สนใจทำธุรกิจนี้ เช่น เฉินเฟยกับลูกศิษย์ของเขา หรือไม่ก็เว่ยจิ้นจงกับลูกศิษย์ของเขา แต่ว่าผมไม่ได้ติดต่อคนพวกนั้น ผมคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะสมที่จะได้ที่ 1 ในครั้งนี้ ผมคิดว่าคนที่ได้ที่ 1 ควรจะเป็คุณ การแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้มีความยุติธรรมมาั้แ่แรกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ในมือของผมมีคำตอบที่ทำให้เกิดความยุติธรรมสำหรับคุณ ไม่ทราบว่าคุณอยากจะได้ความยุติธรรมนี้หรือเปล่า?”
เฉินเฟย? เว่ยจิ้นจง?
หลินเยว่พลันรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ อีกฝ่ายรู้เื่ราวความโกรธแค้นระหว่างพวกเขาเป็อย่างดี ดูเหมือนว่าคำตอบที่กำลังจะทำการขายในตอนนี้จะไม่ได้ไร้ที่มาที่ไป และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็เ้าหน้าที่ภายในของทางจิ่งเต๋อเจิ้นที่ช่วยทำการจัดการแข่งขันในครั้งนี้
หลินเยว่รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันกลายเป็เื่ใหญ่เสียแล้ว เพราะมีคนกล้าขายคำตอบกับผู้เข้าแข่งขัน เป็เพราะมีใครบางคนในจิ่งเต๋อเจิ้นอนุญาตให้ทำได้? หรือว่าเป็การกระทำส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง? หากเป็การอนุญาตโดยตรง แล้วการแข่งขันครั้งนี้มันจะมีความหมายอะไรอีก? พวกเขาไม่เห็นปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้ง 10 ท่านอยู่ในสายตาเลยหรือ? หากเป็การกระทำส่วนตัว แล้วทำไมถึงมีข้อสอบเล็ดลอดออกมา หรือว่ามีผู้ทรยศอยู่ในนั้น?
ไม่ว่าจะเป็แบบไหน มันก็ส่งผลร้ายที่มีความรุนแรงอย่างยิ่ง
หลินเยว่อยากชนะ แต่เขาไม่ได้อยากชนะด้วยวิธีแบบนี้
“คุณรู้คำตอบ?”
หลินเยว่ตัดสินใจที่จะลองสอบถามอีกฝ่าย
“ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าในบรรดาเครื่องเคลือบทั้ง 50 ชิ้นมีชิ้นไหนบ้างที่เป็ของแท้ แต่ว่าผมสามารถบอกคุณได้ว่าภายในนั้นมีของแท้อยู่จำนวนกี่ชิ้น ข้อมูลน่าเชื่อถือแน่นอน!”
“กี่ชิ้นล่ะ?”
“เหอๆ...... นี่ก็คือธุรกิจที่เราจะคุยกันในตอนนี้ ไม่ทราบว่าคุณสนใจหรือเปล่า?”
“ผมก็สนใจอยู่นะ แต่ว่าผมจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่คุณพูดคือความจริง? คุณเป็ใครมาจากไหนผมยังไม่รู้เลย”
หลินเยว่คิดอยากลองหลอกถามประวัติความเป็มาของคนที่โทรมาหาเขา แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ฉลาดเ้าเล่ห์กว่าที่หลินเยว่คาดการณ์ไว้
“ผมไม่มีทางบอกคุณว่าผมเป็ใคร แต่คุณไม่จำเป็ต้องสงสัยในตัวผมเลย ตอนนี้มีเพียงผมคนเดียวที่มีคำตอบ หากคุณไม่คิดจะเชื่อใจผม แล้วคุณจะเชื่อใจใครได้อีก แต่แน่นอนอยู่แล้ว หากคุณไม่เชื่อใจผม ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นระหว่างเราธุรกิจนี้ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้น คงได้แต่หวังว่าพวกเราจะมีโอกาสทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต”
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดล้วนเป็ความจริงทั้งหมด เพราะตอนนี้หากหลินเยว่้าทราบคำตอบ เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือเชื่ออีกฝ่าย เขาไม่มีทางเลือกอื่นๆ ให้เดินอีกแล้ว
อีกฝ่ายมีความคิดที่รอบคอบรัดกุมจริงๆ!
ณ เวลานี้ หลินเยว่เชื่อแล้วจริงๆ ว่าอีกฝ่ายได้เตรียมการมาเป็อย่างดี ก่อนที่จะโทรศัพท์มาหาเขา อีกฝ่ายต้องคิดคำพูดทุกอย่างไว้หมดแล้ว รวมทั้งทางหนีทีไล่เขาก็ต้องคิดไว้แล้วเช่นกัน เพราะกล้าที่จะทำเื่ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นการขายคำตอบแบบนี้ อีกฝ่ายจะต้องเป็คนที่มีความคิดรอบคอบและมีความกล้าเป็อย่างมาก
“คุณวางแผนว่าจะขายในราคาเท่าไร?” หลินเยว่ถามขึ้น
“3 ล้านหยวน”
3 ล้านหยวน?
ไอ้บ้าเอ๊ย ทำไมถึงตั้งราคาสุดโหดแบบนี้ล่ะ!
หลินเยว่ได้แต่คิดอยู่ในใจ แค่คำตอบที่เป็ตัวเลขตัวเลขหนึ่งเท่านั้น แต่กลับมีมูลค่าถึง 3 ล้านหยวน มันโหดเกินไปแล้ว!
ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในสมองของหลินเยว่ เขาจึงถามขึ้น “เฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงเสนอราคาเท่าไรหรอ?”
“ผมยังไม่ได้ติดต่อพวกเขา หากผมทำธุรกิจนี้กับคุณไม่สำเร็จ ผมก็คงต้องไปทำกับพวกเขาแล้วล่ะ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะต้องยินดีจ่ายเงินด้วยราคาสูง หากผมขายข้อมูลนี้ให้กับคุณในตอนนี้ ผมก็จะไม่ไปติดต่อพวกเขาแล้ว อันที่จริง ผมอยากขายข้อมูลนี้ให้กับคุณมากกว่า เพราะผมอยากให้คุณชนะ”
“ไม่อย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหมล่ะ คุณลองไปเปรียบเทียบราคาจากทั้ง 3 คน ใครให้ราคาสูงคุณก็ขายให้กับคนนั้น พอคุณถามพวกเขาครบแล้วคุณค่อยมาถามผม ผมจะได้ลองดูว่าผมจะสามารถเสนอราคาได้สูงกว่าพวกเขาหรือเปล่า”
ที่หลินเยว่ทำเช่นนี้เพราะเขา้าหลอกหาข้อมูลจากอีกฝ่าย เพราะเขาไม่เชื่อเลยสักนิดว่าอีกฝ่าย้าให้เขาชนะ ในความรู้สึกของเขา เขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องไปหาเฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็เพราะเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ติดต่อมาที่เขาด้วย ตอนนี้เขา้าคำยืนยันว่าอีกฝ่ายได้ติดต่อเฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงมาแล้วจริงๆ
แต่วิธีนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าหากหลินเยว่คาดการณ์ผิด นั่นก็แสดงว่า เฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงก็จะรู้เื่ที่มีคนมีคำตอบพร้อมเสนอขายแล้วทันที แต่ทว่าหลินเยว่ก็ไม่ได้กังวลกับเื่นี้นัก เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ได้้าซื้อคำตอบนี้อยู่แล้ว ธุรกิจนี้จึงไม่มีทางทำกับเขาได้สำเร็จ และสุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องแล่นไปหาเฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงอยู่ดี
เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายตามคำพูดของหลินเยว่ไม่ค่อยทัน มันมีคนทำธุรกิจแบบนี้ด้วยหรือ?
ผ่านไปสักพัก อีกฝ่ายถึงได้ถามขึ้น “คุณไม่กลัวว่าข้อมูลนี้จะถูกคนอื่นซื้อไปหรือ? หากเป็เช่นนี้คุณก็ไม่มีทางได้ข้อมูลเพียงคนเดียว”
“ไม่กลัว” หลินเยว่หัวเราะเหอะๆ และพูดตอบ “คนที่ทำธุรกิจเป็จริงๆ จะต้องมีการเปรียบเทียบราคากับทุกฝ่ายก่อนเสมอ หลังจากนั้นก็รอดูสถานการณ์ เมื่อเห็นว่าใครเสนอราคาสูงที่สุดแล้วค่อยลงมืออีกที ผมไม่มั่นใจว่าพอคุณถามผมเสร็จแล้วจะไม่ไปถามคนอื่นอีก ในเมื่อเป็เช่นนี้ ผมยอมให้คุณไปถามคนอื่นก่อนยังดีเสียกว่า และเมื่อรู้ราคาที่คนอื่นเสนอแล้ว ผมค่อยทำการเสนออีกที แบบนี้มันดูมีความเสี่ยงน้อยกว่าไม่ใช่หรือ? คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
“ฮ่าๆ......เก่งจริงๆ เห็นว่าคุณ้าทำธุรกิจนี้ร่วมกันจริงๆ ผมยอมบอกความจริงกับคุณก็ได้ ก่อนที่จะติดต่อคุณ ผมได้ถามเฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกสนใจที่จะทำธุรกิจนี้เป็อย่างมาก”
เป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้จริงๆ
หลินเยว่ยิ้มอย่างเ็า อีกฝ่ายไปถามเฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงมาแล้ว เช่นนี้แสดงว่าเขาเป็คนที่ 3 ที่ได้รับการติดต่อ หรืออาจจะเป็ลำดับที่ไกลกว่าลำดับที่ 3 นี้เสียด้วย
ไม่ใช่สิ!
ไม่ใช่! ไม่ใช่เลย!
จากนิสัยของเฉินเฟยและเว่ยจิ้นจง หากพวกเขารู้ว่ามีคนกำลังขายคำตอบ พวกเขาจะต้องยอมซื้อในราคาสูงแล้วดักข้อมูลนี้ไว้ไม่ให้หลุดลอดออกมา พวกเขาต้องไม่ยอมให้คนอื่นรู้คำตอบอย่างแน่นอน แล้วทำไมครั้งนี้พวกเขาถึงไม่ได้เสนอราคาสูง แต่กลับยอมปล่อยให้ข้อมูลนี้หลุดลอดออกมาได้ล่ะ?
หลินเยว่จึงลองคิดว่าหากตนเองเป็เว่ยจิ้นจงและเฉินเฟย เขาต้องทำทุกวิถีทางที่ไม่ให้ข้อมูลนี้เล็ดลอดออกมา เขาต้องซื้อคำตอบด้วยราคาสูงเพื่อจะได้กลายเป็ผู้ที่มีคำตอบเพียงหนึ่งเดียว แต่ทว่าตอนนี้พวกเขากลับไม่ได้ทำ
หรือว่านี่เป็การหลอกลวง?
หรือว่าเขาเป็คนที่ 3 ที่ถูกขายข้อมูลให้ เฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงได้ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว?
หลินเยว่ลองคิดๆ ดู เขารู้สึกว่าสถานการณ์หลังดูมีความเป็ไปได้มากกว่า เพราะว่าคนที่กล้าขายคำตอบประเภทนี้จะต้องเป็พวกละโมบโลภมาก และคนที่มีนิสัยแบบนี้จะต้องกล้าที่จะขายข้อมูลหลายครั้ง
ไอ้บ้าเอ๊ย! ที่แท้แล้วเขาคือคนที่ 3 ที่ถูกขายข้อมูลให้นี่เอง และเมื่อมาถึงมือผมยังกล้าเรียกราคา 3 ล้านหยวนอีก ทั้งเลวและโหดจริงๆ!
ณ เวลานี้ ความรู้สึกของหลินเยว่มีเพียง... เขาโกรธมาก เขาไม่ได้โกรธที่เฉินเฟยและเว่ยจิ้นจงได้รับข้อมูลนี้แล้ว แต่เขาโกรธอีกฝ่ายที่คิดว่าเขาเป็ไอ้โง่!
“อ้อ? แล้วพวกเขาสองคนเสนอราคาเท่าไรล่ะ?”
หลินเยว่พยายามกดความโกรธภายในใจลงไป และถามประโยคนี้ขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้