เสียงล้อเกวียนไม้เสียดสีพื้นดินอันขรุขระ ก่อเกิดเสียงครืดคราดเป็จังหวะ ล้อหมุนบดผ่านกรวดหินกับธุลีดินจนฟุ้งกระจายเป็กลุ่มควันสีน้ำตาลอ่อนลอยตลบอบอวลไปทั่วทางเดิน
เื้ัรถม้า ขบวนผู้ติดตามยาวเหยียดเคลื่อนผ่านไปอย่างสง่างาม บ่าวรับใช้ในชุดผ้าแพรสีเรียบยืนเรียงแถวอย่างเป็ระเบียบ ขนาบข้างด้วยองครักษ์ในชุดเกราะเบา มือข้างหนึ่งจับกระบี่ อีกข้างถือบังเหียนม้า สายตากวาดมองโดยรอบอย่างระแวดระวัง
ภายในรถม้าคันหรูซึ่งปักลวดลายเมฆมงคล หลินซีอวี่นั่งนิ่งอยู่ด้านในสุด ผ้าม่านบางสีงาช้างปลิวไหวตามแรงลมเอื่อย ภายใต้ร่มเงานั้น ใบหน้าของคุณหนูผู้สูงศักดิ์แลดูสงบนิ่ง ทว่าดวงตากลับซ่อนความกังวลไว้
ข้างกายนางมีไป๋อิง สาวใช้คนสนิทนั่งอยู่เงียบ ๆ ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เอ่ยออกมาเสียงเบา
“คุณหนูเ้าคะ... ข้าว่าพวกเราหนีเสียตอนนี้เถิด ก่อนจะขึ้นเรือก็ยังทัน หากปล่อยให้ถึงเฉวียนโจว เกรงว่าจะหลีกเลี่ยงพิธีแต่งงานกับคุณชายสกุลหลี่ผู้นั้นไม่ได้แล้วนะเ้าคะ…”
น้ำเสียงของไป๋อิงสั่นน้อย ๆ ด้วยความเป็ห่วง นางรู้ดีว่าในใจคุณหนูของตนมีเพียงท่านโหวสกุลจ้าว หาใช่คุณชายหลี่จอมตื๊อคนนั้นไม่
นางยังจำได้แม่น... เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่คุณหนูเดินทางไปวัดชิงหลิวเพื่อขอพรให้ฮูหยินผู้เฒ่าหายจากอาการป่วยหนัก ก็ได้บังเอิญพบกับคุณชายสกุลหลี่ผู้นั้นเช่นกัน
วันนั้น ขบวนรถม้าของเขายาวเหยียดจนสุดสายตา รถม้าแต่ละคันประดับหรูหราตระการตา ภายในบรรจุหญิงสาวมากหน้าหลายตา เห็นว่าเป็อนุภรรยาทั้งหลายที่พากันไปขอบุตรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดแห่งนั้น
แต่หากเื่มีเพียงเท่านั้นก็คงไม่แปลก ทว่า... ชายผู้นั้นกลับบังอาจโยนเมล็ดบัวใส่คุณหนูของนางต่อหน้าธารกำนัล ราวกับ้าเอ่ยหยอกล้อ หรือเรียกร้องความสนใจ
นับแต่นั้นเป็ต้นมา แววตาของคุณหนูที่เคยใสกระจ่างดุจหยาดน้ำค้างยามรุ่งสาง ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็เ็าเมื่อเอ่ยถึงนามของบุรุษสกุลหลี่ผู้นั้น ความรู้สึกรังเกียจที่ก่อเกิดในวันนั้นฝังแน่นอยู่ในอก
กระนั้น... ั้แ่เหตุการณ์ที่วัดชิงหลิว ตระกูลหลี่ผู้มีชาติกำเนิดต่ำต้อยก็เริ่มส่งจดหมายขอสมรสมาให้สกุลหลินไม่ขาดสาย ไม่ว่าทางฝ่ายจวนหลินจะตอบปฏิเสธไปกี่ครา อีกฝ่ายก็ยังหน้าด้านส่งจดหมายฉบับใหม่มาอีกครั้งในไม่กี่วันถัดมา วนเวียนอยู่อย่างนั้นนานหลายปี
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ... จู่ ๆ หลังคืนงานเลี้ยงฉลองการกลับมาของหลินกั๋วกงเมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลหลินกลับพลิกท่าทีโดยสิ้นเชิง ยินยอมยกลูกสาวเพียงคนเดียวให้แก่คุณชายหลี่ผู้นั้นอย่างกะทันหัน ราวกับถูกกดดันด้วยเหตุลึกลับบางอย่างที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง
แม้แต่ตัวคุณหนูของนางเองก็ยังไม่อาจล่วงรู้ว่าในคืนนั้น... แท้จริงเกิดสิ่งใดขึ้นในจวนหลิน
“ข้ามิอาจขัดคำสั่งของท่านพ่อท่านแม่ได้...” หลินซีอวี่เอ่ยเสียงเรียบ ดวงตางดงามทอดมองม่านหน้าต่างรถม้า ราวกับกำลังเพ่งมองเส้นทางชีวิตอันยากคาดเดาเบื้องหน้า “แต่การที่ข้ายอมเดินทางมาครานี้ หาใช่เพราะยินยอมสมรสตามความประสงค์ของท่านทั้งสองไม่ ข้ามาเพียงเพื่อเอ่ยกับคุณชายหลี่ผู้นั้นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยถ้อยคำจากใจ ว่าข้า... มิเคยมีเยื่อใยหรือความสมัครใจใดต่อเขาเลย”
นางหันกลับไปสบตาไป๋อิง พลางเอ่ยต่อช้า ๆ “ยิ่งกว่านั้น... ในใจของข้า ยังมีผู้หนึ่งที่อยู่ในใจมาเนิ่นนาน ผู้ที่ข้าไม่อาจลืมเลือน ข้ามิอาจรักคุณชายหลี่ผู้นั้นได้เลยจริง ๆ”
ไป๋อิงเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัด “แต่การทำเช่นนี้มันเสี่ยงนักนะเ้าคะ หากคุณชายหลี่ผู้นั้นต่ำช้า ใช้เล่ห์เพทุบายหรือบีบบังคับให้คุณหนูยอมแต่งงานด้วยเล่า... ท่านจะทำอย่างไรดีเ้าคะ...”
หลินซีอวี่ยกยิ้มจาง ๆ แม้มุมปากจะขยับ แต่แววตากลับเศร้าลึก “หากเป็เช่นนั้น... ก็ถือเสียว่าเป็ลิขิต์ ข้าคงหนีไม่พ้นแล้วกระมัง”
น้ำเสียงของนางปนแววปลงตก ดั่งคนที่ถูกพันธนาการด้วยโชคชะตา และหน้าที่ที่ไม่อาจดิ้นหลุด
ภายใต้เสื้อผ้าแพรพรรณ และศีรษะที่ก้มลงอย่างอ่อนน้อมของบุตรสาวผู้ดี คือหัวใจที่ถูกผูกมัดด้วยจารีตแห่งยุคสมัย สตรีในใต้หล้านั้นเกิดมาเพื่อเชื่อฟังบิดามารดา นับว่าเป็ความกตัญญูสูงสุดในครอบครัว หากบิดามารดาสั่งให้แต่ง... ลูกย่อมต้องน้อมรับ แม้ในใจจะมีน้ำตานองเพียงใดก็ตามที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้