“นายท่าน หมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในนครหานโจวคืออวิ๋นซานจริงๆ ขอรับ และแม่นางอวิ๋นซีที่เป็บุตรสาวของเขาก็คือผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงขอรับ” ชายวัยกลางคนแต่งกายชุดทหารผ่านศึกเดินออกมา เขาทำความเคารพหานอ๋องก่อน จากนั้นเขาจึงแจ้งสิ่งที่ตนรู้ให้ลู่เหวินเจินทราบอย่างนอบน้อม
ลู่เหวินเจินถึงจะนึกขึ้นมาได้ตอนนี้ว่า เมื่อไม่นานมานี้อนุภรรยาคนที่สิบห้าในจวนของตนล้มป่วย หมอหลายคนก็ล้วนบอกว่าไม่มีทางรักษาแล้ว ดูเหมือนว่าจะได้อวิ๋นซานผู้นี้นี่แหละที่มารักษาให้หายขาดได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สายตาของเขาก็ตกลงบนร่างอวิ๋นซี “ยังไม่รีบมาช่วยบุตรสาวของข้ารักษาาแอีก ต้องให้ข้าไปอัญเชิญเ้ามาไหม?”
หลังจากที่อวิ๋นซีได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็นในใจ คนผู้นี้ตลกเสียจริง คิดว่าคนทั่วโลกจะฟังเขาทั้งหมดเหมือนกันหรือไง นางมองไปทางท่านหานอ๋องที่อยู่ด้านข้างอย่างงงงวยเล็กน้อย จากนั้นจึงกลับมามองลู่เหวินเจินอีกรอบ นางเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ที่นี่ตกลงแล้วเป็ท่านหานอ๋องซึ่งมียศตำแหน่งสูง หรือเป็ท่านนายอำเภอที่มีอำนาจมากกว่ากันกันแน่หรือเ้าคะ? หญิงตัวเล็กๆ อย่างข้าศึกษาเล่าเรียนมาน้อย จึงยังไม่เข้าใจกระจ่างจริงๆ”
หลังจากที่ลู่เหวินเจินฟังแล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขาเกือบลืมไปแล้วว่าท่านหานอ๋องเองก็อยู่ที่นี่ด้วย นังแม่หญิงคนนี้ช่างชั่วร้ายจริงๆ ไม่อยากที่จะบาดหมางกับเขา เลยเลือกที่จะทำให้หานอ๋องหันมาแค้นเคืองตัวเขาเองแทน
น่าเสียดายที่เขาจะไม่ยอมให้โอกาสนี้แก่นางหรอกนะ
“ท่านอ๋อง” ลู่เหวินเจินมองหานอ๋อง ขาดก็เพียงแต่ไม่ได้คุกเข่าให้เขา “ได้โปรดให้ข้าน้อยเป็ผู้ตัดสินใจเองด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“เื่นี้เ้าต้องไปเจรจากับแม่นางอวิ๋นเอง ข้าไม่สามารถเอามีดไปจ่อที่คอของนางแล้วบังคับให้นางมารักษาาแบุตรสาวของเ้าได้หรอกนะ แต่ข้าว่า เ้าควรจะเร่งมือหน่อยนะ ไม่อย่างนั้น มัวแต่อืดอาดยืดยาดอยู่ตรงนี้ บุตรสาวเ้าก็คงไม่รอดจริงๆ แน่” หานอ๋องส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แต่ั์ตากลับตื่นเต้นยิ่งนัก ราวกับว่ากำลังกู่ร้องไม่หยุดว่า เร็วเข้า เร็วเข้า ให้ดีที่สุดบุตรสาวเ้าก็ตายๆ ไปเลยเถิด
หลังจากที่ลู่เหวินเจินได้ฟัง เขาก็กระชับลู่อวี้ฉิงในอ้อมแขนและมองไปยังอวิ๋นซี ก่อนจะกัดฟันถามว่า “อวิ๋นซี ตกลงเ้าจะเอาอย่างไรจึงจะรักษาาแให้บุตรสาวของข้าได้?” ยายแม่หญิงน่ารังเกียจนี่ อย่าให้ได้ตกลงมาอยู่ในเงื้อมมือข้าในท้ายที่สุดนะ ข้าจะไม่ให้เ้ามีได้ใช้ชีวิตอย่างราบรื่นแน่
อวิ๋นซีเมื่อได้ฟังก็มองไปยังลู่เหวินเจิน “ท่านนายอำเภอไม่รู้หรือว่าหากจะรักษาโรคก็ย่อมต้องให้เงิน? นี่เป็เื่ที่สมเหตุสมผลแล้ว ท่านถามได้น่าขันเสียจริงๆ หากทางตระกูลท่านนำเงินหนึ่งหมื่นตำลึงมาได้ หญิงตัวเล็กๆ อย่างข้าก็จะรีบรักษาาแให้บุตรสาวท่านทันที อีกทั้งยังการันตีให้ด้วยว่าไม่ทิ้งรอยแผลเป็แม้แต่นิด”
“หนึ่งหมื่นตำลึง เ้าจะปล้นกันหรืออย่างไร” ลู่เหวินเจินบันดาลโทสะ ยายแม่หญิงชั่วนี่ต่อรองเก่งสารพัดจริงๆ ทำแผลให้หนึ่งแผลก็จะเอาหนึ่งหมื่นตำลึง ต่อให้เขาเองก็คิดว่าตนเองมีกองเงินกองทองจริงๆ ก็เถอะ
หลังจากที่อวิ๋นซีได้ฟัง นางก็ยิ้มออกมาโดยไม่ได้ห้ามตนเองเลยแม้แต่นิด ก่อนจะหันไปพูดกับซือถูเวยและเตี๋ยชุ่ยว่า “ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว เราไปดูที่อื่นกันเถอะ” นางปล้นจริง แถมยังปล้นกันซึ่งๆ หน้ากลางวันแสกๆ เลยด้วย
หลังจากพูดจบแล้ว นางก็หันไปย่อกายเคารพหานอ๋อง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”
ดวงตารียาวดั่งนกการเวก[1]ของหานอ๋องมองอวิ๋นซีด้วยความสนใจ สักครู่ใหญ่จึงเอ่ยว่า “เสี่ยวซีซี เ้าไม่ได้บอกว่ามีของอยากจะมอบให้ข้าหรือ? ข้าตากแดดจ้าขนาดนี้เพื่อมาหาเ้า ไม่ได้จะมาดูพวกเ้าปะทะคารมกัน ให้ไวหน่อย ไหนม้านำโชคของข้าล่ะ?”
อวิ๋นซีมองไปยังหานอ๋องด้วยความประหลาดใจ สมควรตายจริงๆ นางเพิ่งพูดคำเหล่านี้ ณ ที่นี้ไปรอบเดียว บอกมีของพรรค์นั้นจะมอบให้ท่านหานอ๋อง ตอนนี้อีกฝ่ายก็มาหาถึงหน้าประตูร้านแล้ว โลกนี้ยังมีเื่ที่โชคร้ายเยี่ยงนี้อยู่อีกหรือ?
“ท่านอ๋อง ม้านำโชคตัวนี้นั้น ท่านขอจากหม่อมฉันไม่ได้จริงๆ เพคะ เพราะคุณหนูลู่ได้ชิงซื้อมันไปแล้วเรียบร้อยเพคะ” เมื่อพูดมาจนถึงตรงนี้ นางก็ดูเหมือนจะเพิ่งตระหนักได้ว่าพูดบางอย่างผิดไป “ไม่ใช่สิๆ ควรจะพูดว่าคุณหนูลู่พยายามจะเอากลับไปด้วยให้ได้ แต่ดันทำตกแตกไปเสียแล้วเพคะ”
ทันทีที่คำพูดของนางออกมา เ้าของร้านก็รีบเห็นด้วยทันที “ท่านอ๋อง มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แม่นางอวิ๋นเดินเข้าประตูมาก็เห็นม้านำโชคแล้ว แต่สุดท้ายก็โดนคุณหนูลู่ฉวยเอาไป เงินนางก็ไม่มีจะให้แต่ก็จะเอาของกลับไปให้ได้ ระหว่างที่กำลังจะออกจากร้านไปไม่ระวังสะดุดล้มของตกแตก ถึงทำให้เกิดเื่แบบที่เห็นอยู่นี้ขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองคนพูดประติดปะต่อกันจนตีแผ่เื่นี้ออกมาได้ทั้งหมด แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สุดท้ายแล้วผู้ที่ผิดก็ย่อมเป็ลู่อวี้ฉิงอยู่ดี เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ สีหน้าของลู่เหวินเจินก็ดำทะมึนยิ่งกว่าก้นหม้อ เขากวาดสายตาเย็นยะเยียบไปยังสาวใช้ข้างกายลู่อวี้ฉิงรอบหนึ่ง
อวิ๋นซีถอนหายใจ “สามัญชนธรรมดาไหนเล่าจะโชคดี แต่ไหนแต่ไรมาท่านนายอำเภอเองก็ไม่สามารถแก้จารีตธรรมเนียมได้ แล้วยังบอกอีกว่าท่านรักบุตรสาวมากแค่ไหน แต่เพื่อเงินหนึ่งหมื่นตำลึงที่ไม่ได้มากเลย ความเ็ปของบุตรสาวก็ถูกเพิกเฉยเสียแล้ว ดูเหมือนว่า คนถือสากปากถือศีลนั้นจะมีอยู่มากจริงๆ”
หลังพูดจบ นางก็ส่ายหัวและกำลังจะเดินจากไป แต่ถูกลู่เหวินเจินะโรั้งไว้ก่อนในที่สุดว่า “ประเดี๋ยวก่อน เ้า้าหนึ่งหมื่นตำลึง ข้าก็จะให้ แต่เ้าต้องทำให้มือของลูกสาวข้ากลับคืนมาในสภาพเดิม มิเช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยเ้าไปแน่ๆ”
“บังอาจ” หลังจากที่หานอ๋องได้ฟัง ก็ตรัสอย่างมีโทสะว่า “ลู่เหวินเจิน กระทั่งต่อหน้าข้าเ้าก็หยิ่งผยองได้เยี่ยงนี้ ดูเหมือนว่าปรกติแล้วเ้าก็คงใช้อำนาจทางการรังแกชาวบ้านเป็นิจสินะ”
“ท่านอ๋อง โปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยเพียงแค่หยอกล้อกับแม่นางอวิ๋นซีเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เหวินเจินสะกดความขุ่นเคืองในใจ ก่อนจะพูดกับอวิ๋นซีว่า “ต้องรบกวนแม่นางอวิ๋นซีช่วยรักษาแม่หญิงน้อยอย่างสุดความสามารถให้หายดีดั่งเดิมแล้ว”
เขารู้ว่าตนเองมีเื่สำคัญมากที่ต้องทำที่นี่ และการที่เขาจะกลับไปยังนครหลวงเพื่อเลื่อนขั้นในอนาคตได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจัดการเื่ที่นี่ได้ดีหรือไม่ ดังนั้น ไม่ว่าอยู่ที่นี่จะต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด เขาล้วนทำได้แต่เพียงอดทน ไม่สามารถเผยความร้อนรนใจออกมาได้
อวิ๋นซีเมื่อได้เห็นการประนีประนอมของลู่เหวินเจิน นางก็ยิ้มเยาะในใจ รอก่อนเถิด แม่นางผู้นี้จะช่วยรักษามือให้บุตรสาวของเ้าเป็อย่างดีแน่นอน นางพยักพเยิดให้ลู่เหวินเจินพาตัวคนไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง จากนั้นจึงให้เตี๋ยชุ่ยมาช่วยประคองตัวคนไม่ให้ล้มลงมา
นางเริ่มรักษาาแให้ลู่อวี้ฉิงอย่างระมัดระวัง หลังจากดึงเศษกระเบื้องออกแล้ว นางก็หยิบผงยาฆ่าเชื้อที่นางพกติดตัวออกมาแล้วเทลงบนาแ แล้วถึงจะเริ่มเย็บแผลให้นาง นางเย็บแผลได้รวดเร็วมาก ครู่หนึ่งก็จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น นางจึงค่อยๆ เริ่มฉีกกระโปรงของลู่อวี้ฉิงมาใช้พันแผล
ณ ขณะนั้น สาวใช้ของลู่อวี้ฉิงเมื่อเห็นนางฉีกกระโปรงของคุณหนูตนเอง ก็รีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “นี่เป็อาภรณ์ตัวโปรดของคุณหนู ถ้าเ้าฉีกมันแบบนี้ คุณหนูฉีกเ้าออกเป็ชิ้นๆ แน่”
“เ้าช่วยหุบปากได้ไหม นี่ก็เพื่อจะช่วยพันแผลให้คุณหนูของเ้า หรือจะให้ข้าต้องฉีกกระโปรงตัวเองหรืออย่างไร เ้าฝันอยู่หรือเปล่า” อวิ๋นซีพ่นลมหายใจอย่างเ็า หลังจากผูกปมแล้ว นางจึงเอ่ยเรียบๆ ขึ้นมาว่า “ถ้าคุณหนูบ้านเ้ากล้าฉีกข้าออกเป็ชิ้นๆ ข้าจะชิงฉีกาแนางก่อนเลยดีไหม อย่างไรเสียในแถบตะวันตกเฉียงเหนือนี้ หากเ้า้าจะหาหมอที่สามารถลบรอยแผลเป็นี้ของนางได้อย่างปลิดทิ้งก็ย่อมเป็ไปไม่ได้อยู่แล้ว”
นางลุกขึ้นยืนและมองไปยังลู่เหวินเจิน พลางยิ้มและเอ่ยว่า “ท่านอย่าได้บิดพลิ้วคำพูดเสียล่ะ”
ลู่เหวินเจินรู้ว่านาง้าเงินหนึ่งหมื่นตำลึง จึงแค่นเสียงเ็า “เ้าวางใจเถิด จะไม่ให้ขาดแน่นอน หลังจากที่ข้ากลับไป จะให้คนส่งไปที่สำนักแพทย์อวิ๋นซาน” ในวันนี้เขาเสียทั้งหน้าทั้งเงิน วันข้างหน้าเขาย่อมต้องเอากลับคืนมาอีกเท่าตัวแน่นอน
“เงินนั้นไม่จำเป็ต้องมอบให้ข้าแล้วก็ได้ แต่มอบให้ท่านหานอ๋องเลยเถิด อย่างไรก็ตาม ม้านำโชคตัวนั้นก็เป็ของที่หม่อมฉันจะมอบให้กับท่านหานอ๋องอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าหม่อมฉันมอบเป็ของขวัญให้แก่ท่านอ๋องเสียแล้วกัน” หลังกล่าวจบ นางก็มองไปยังหานอ๋อง “ท่านอ๋อง ท่านว่าดีหรือไม่เพคะ?”
*************************
[1] ดวงตารียาวดั่งนกการเวก (丹凤眼) ลักษณะดวงตาที่ตรงหัวตาโค้งลง หางตาแหลมชี้ ดวงตาใสเป็ประกายเหมือนนกการเวกหรือนกฟีนิกส์