ตัวอักษรเอียง ภาษาอังกฤษ
ตัวอักษรปกติ ภาษาไทย
ทั้งพ่อบ้านและมอร์ซินต่างพากันอึ้งในภาษาอังกฤษที่ใช้คำด่ามาจากรากศัพท์ภาษาบ้านเกิดของอีกฝ่ายแน่นอน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา พร้อมกับเริ่มลงมือกินข้าวเหมือนกัน
“แจ็ค กันต์ พวกนายสองคนไปกินข้าวอีกโต๊ะ บิลฉันจะจัดการเอง”
“ครับ คุณชายเล็ก / ครับ คุณชายเล็ก”
“นายเองก็ไปหาข้าวกิน บิลเรียกเก็บที่ฉันเหมือนเดิม”
“ครับ ท่านมอร์ซิน”
โชคดีที่เรียนภาษาไทยมาบ้างเลยพอรู้ความหมายบางส่วน จึงเริ่มตัดสินใจทำตามอีกฝ่าย เพราะคิดว่าหลังจากกินอาหารจบลง
คงจะต้องมีการพูดคุยข้อตกลงอะไรบางอย่างจากทายาทตัวน้อยตรงหน้า รวมถึงหากไม่สามารถทำตามก็คงอดจะร่วมทริปการเดินทางครั้งนี้ มอร์ซินมีลางสังหรณ์แบบนั้น
“ผมไม่มีอะไรจะพูดมากมาย แต่เป็ข้อตกลงร่วมกันตลอดทริปในระหว่างเดินทางที่นี่ หวังว่าจะรักษาร่วมกันเป็อย่างดี ไม่งั้นทางใครทางมัน”
“พูดถึงข้อตกลงของคุณมาได้เลย ผมพร้อมทำตามจนกว่าจะจบทริป” เขานั้นลางสังหรณ์แม่นในเื่ทำนองนี้ เพราะฉะนั้นทำตามเด็กคนนี้แต่โดยดี
ก่อนที่อีกไม่กี่สัปดาห์เขาจะต้องไปอยู่ อะคาดามี่อีกหลายเดือนและจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมา หากไม่มีเหตุจำเป็หรือเื่คอขาดบางตายพอ
“หนึ่ง พวกเราจะร่วมกันจนกว่าคุณจะเข้าเรียนอะคาดามี่ ห้ามทำเื่ผ่อนผันการเรียนหนึ่งเทอมนี้เพื่อท่องเที่ยวกับผมต่ออย่างเด็ดขาด”
“สอง ผมไม่รู้หรอกนะว่าพ่อของคุณชายนั้นส่งมาคุ้มครองหรือมีคำสั่งแบบไหน แต่ผมอนุโลมถึงแค่ก่อนคุณเข้าเรียนอีกครั้ง เพราะผมจะเรียกคนมาดูแลเพิ่ม”
“สาม ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ห้องพัก อาหาร ตลอดระยะเวลาทั้งหมดผมจะเป็คนออกเอง ยกเว้นของที่คุณอยากซื้อหรือกินต่างหากนอกเหนือจากร้านที่ผมเข้า คุณชายก็จ่ายเอง”
“สี่ จะรายงานเื่ของผมผ่านทางครอบครัวของคุณชายยังไงมันแล้วแต่คุณ แต่ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น และทีมดูแลของผมจะมาสมทบภายในสามวัน”
“ห้า พวกเรามาเพื่อเที่ยว กิน เล่น นอน ไม่ได้ใช้สมองทำอย่างอื่น เพราะฉะนั้นห้ามชวนคุยเื่ตระกูล ธุรกิจ เด็ดขาด”
“ถ้าทำตามไม่ได้ เชิญประตูทางออกครับ”
“ตกลง ผมจะทำตามข้อเสนอของคุณ”
“นับจากนี้อีกสองสัปดาห์ ฝากตัวด้วยนะ คุณชายตระกูลภูทนินทร์”
ตอนแรกมอร์ซินกังวลไปหมดว่าจะมีข้อกำหนดแบบไหนออกมากันแน่ และจะทำตามได้มากน้อยแค่ไหน แถมยังนึกถึงเสียงของพ่อแม่ก็ยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก
เนื่องจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือการดูแลเด็กคนนี้จนกว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ แต่กลับได้รับข้อเสนอเพียงสองสัปดาห์ก่อนเข้าเรียนเท่านั้น
เขาหมดแรงจะต่อรองไปนานแล้ว ตลอดระยะเวลาที่มีอย่างจำกัดจะใช้ให้เต็มที่ ทั้งเงินคนอื่น ไม่ต้องคิดมากเื่งาน ไม่ต้องวางตัวให้ดูมีมารยาท สิ่งที่ใฝ่ฝันจะได้ทำต่อจากนี้มันช่างหอมหวานเหลือเกิน
“เริ่มจากมาเรียกกันอย่างสนิทสนิมมากขึ้นอีกนิดดีหรือไม่ ในเมื่อพ่อแม่ของพวกเราเป็เพื่อนกัน การเรียกอีกฝ่ายว่าคุณชายมันดูห่างเหินมากพอสมควร”
นี่เป็สิ่งแรกที่เขาคิดมาตลอดั้แ่เห็นหน้าเด็กคนนี้ที่บ้าน พ่อแม่ของพวกเราสนิทกันถึงขนาดเรียกชื่อเล่นกัน แถมยังพูดคุยหยอกล้ออย่างสนุกสนาน แต่ทำไมพวกเราถึงทางการ
“จริงด้วย! ลืมคิดเื่นี้ไปสนิท ถ้าพูดถึงเื่ความสนิทกันแล้ว ทางฝั่งไทยมักจะเรียกคนอายุมากกว่าแม้ว่าจะเป็เพื่อนกันก็ตามว่าพี่แล้วตามด้วยชื่ออีกฝ่าย
และคนอายุน้อยกว่าจะแทนด้วยชื่อตัวเองหรือเรียกว่าผมแล้วแต่สถานการณ์ออกไป ถ้าคุณชายสะดวกให้เรียก ผมก็สามารถเรียกให้ได้ เพื่อให้เหมือนพ่อแม่ของพวกเรา”
นภัทรลืมคิดเื่นี้ไปสนิทั้แ่ลงมาที่นี่ ว่าการไปหาบ้านหลังนั้นคืออยากแนะนำให้รู้จักกัน เป็เพื่อนกัน อยากให้สนิทสนมกันในฐานะเพื่อนไม่ใช่คู่ค้า มัวแต่ระแวงมากเกินไป
“เพื่อความปรองดองของพวกเรา ฉันอนุญาตให้เรียกทุกอย่างตามความเหมาะสมทางวัฒนธรรม ยกเว้นคำด่าขอไม่รับไว้”
“ตกลงครับ ถ้างั้นจากนี้ไปฝากตัวด้วยนะ พี่มอร์ซิน”
“ฝากตัวด้วยเช่นกัน นภัทร”
“ขอแก้นิดนึงครับ เรียกภัทรได้ เป็ชื่อเล่นของผมเอง”
“ได้สิ ฝากตัวด้วยนะ ภัทร”
การเจรจาเป็ไปด้วยดีรวมถึงทั้งสองเริ่มผูกมิตรกันแบบเพื่อนเรียบร้อย ถึงจะยังไม่รู้ว่าสามารถสนิทกันได้มากแค่ไหน แต่อย่างน้อยที่สุดก็เลิกระแวงกันและกันเป็ที่เรียบร้อย
“นายวางแผนจะเที่ยวที่นี่อีกนานแค่ไหน”
“ในจักรวรรดิบริติชมีสถานที่เที่ยวมากมาย ผมตั้งใจว่าจะเที่ยวให้รอบลอนดอนก่อน แล้วค่อยๆ เดินทางออกไปเรื่อยๆ ด้วยเส้นทางที่มุ่งกลับประเทศไทย
อยู่ที่นี่มาเกือบสองสัปดาห์แล้ว ตามแผนกำหนดการที่เลขาจัดให้นั้น ผมเที่ยวหมดเมืองหลวงทุกซอกทุกมุมแบบค่อยๆ เดินทางจนหมด
เพราะฉะนั้นจะเดินทางไปฝั่งที่กลับบ้านตนเอง แล้วถ้าใกล้ครบหนึ่งปีเมื่อไหร่ สักประมาณหนึ่งเดือนก่อนครบกำหนดจะเดินทางกลับไปพักที่บ้านเพื่อปรับตัวเื่เวลา”
“ถ้างั้นพวกเราก็จะไปตามแผนกำหนดการของนายทั้งหมด แล้วพอใกล้วันที่ต้องกลับประมาณสามวัน ฉันจะเดินทางกับพ่อบ้าน แล้วทิ้งหน่วยอัศวินให้ติดตามไว้สามสี่คน
จนกว่าจะครบสองสัปดาห์ตามที่นัดเอาไว้ หลังจากนั้นคนของนายคงมาแล้วใช่ไหม”
“ใช่ครับ พี่มอร์ซิน”
เหล่าข้ารับใช้รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่เหล่าทายาทตัวน้อยของทั้งสองตระกูลเริ่มผูกมิตรกันแบบเพื่อนอย่างจริงใจ ใช้ถ้อยคำสนิทสนมเป็อย่างดี
บรรยากาศแตกต่างจากการไปเที่ยวด้วยกันรอบแรกอย่างสิ้นเชิง เื่ราวทั้งหมดถูกส่งต่อรายงานให้ผู้นำตระกูล
16 พฤษภาคม พ.ศ. 3600
จักรวรรดิบริติช
สหราชอาณาจักร
ลอนดอน
“ปกติไม่เคยเดินทางมาที่นี่ใน่เวลานี้ ถ้าไม่ใช่่งานสังคมของฤดูกาลอังกฤษไม่ใช่ เหรอ แปลกใจมากเลยที่นายมาที่นี่” มากาเร็ตถามด้วยความแปลกใจ
“ลูกชายมาเที่ยวไม่เท่าไหร่ก็เกิดเื่ลอบสังหารหลายต่อครั้ง มีทั้งที่เ้าตัวรับรู้และไม่รับรู้แบบนี้ จะไม่ให้มาหาถึงที่มันก็เกินไปไหม” พิพัฒน์ตอบอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“ฉันแปลกใจมากที่นายอนุญาตให้ลูกชายอยู่เที่ยวต่อได้ ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วว่าหวงลูกชายสองคนมากแค่ไหน ตอนได้ยินข่าวว่าปล่อยให้ไปเที่ยวพร้อมกับคนรับใช้ ฉันประหลาดใจมาก”
“ไม่ได้อยากปล่อยหรอก แต่ว่าทั้งสองไม่เคยไปไหนนอกตารางเลย ทั้งตารางเรียนที่โรงเรียน เรียนพิเศษด้านศิลปะป้องกันตัว รวมถึงด้านอื่นๆ ด้วย”
“เลี้ยงมาอย่างเข้มงวดสินะ”
“เ้าบ้า ฉันไม่อยากให้ลูกปกป้องตัวเองไม่ได้ต่างหาก พวกตาแก่ทั้งหลายที่มันจ้องตาเป็มันหวังหลอกลวงมีมากมาย ถ้าไม่สอนไว้ั้แ่ตอนนี้คงช้าเกินไป”
“ฉันมีข่าวดีกับข่าวร้ายจะบอก อยากฟังเื่ไหนก่อน”
“ข่าวดีก่อนแล้วกัน”
“ลูกชายของพวกเราเริ่มสนิทกันแบบเพื่อนทั่วไปแล้วนะ ตอนแรกต่างพากันระแวงแทบแย่ ตอนนี้สนิทกันระดับนึง เริ่มวางใจได้ว่าอย่างน้อยต่อไปพวกเขาจะมีเพื่อนที่เชื่อใจได้”
“ข่าวร้ายล่ะ มากาเร็ต”
“ว่าที่คู่หมั้นของลูกฉันห้าคนทั้งหมด ถูกวางยาพิษตายกันหมดทุกคน แม้ว่าจะเป็ลูกสาวคนรองของบ้านก็เถอะ แต่ตายหมดเลย”
“เวรเอ๊ย! พวกเลวทรามที่คอยลอบสังหารหลังหมดเหตุการณ์วิบัติระดับมหาภัยพิบัติจบลง แต่ทำไมพวกมันถึงไม่ตายกันไปให้หมดสักที”
“ฉันเลยมีแผนใหม่ในการรับมือครั้งนี้”
“ว่ามาสิ มากาเร็ต”
