คนสกุลลั่วไม่รู้สถานการณ์ หลังจากฝูอันสืบข่าวมา หลิงชางไห่เองไม่กล้าปิดบังเด็กๆ โดยเฉพาะลั่วจิ่งเฉิน เขาคือคนหลักแหลม มีเขาอยู่บางทีอาจจะคิดหาทางแก้ไขได้
“ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น จะวู่วามไม่ได้” ลั่วจิ่งเฉินเอามือเคาะบนโต๊ะเป็พักๆ หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาเงยหน้าขึ้นมองป้าหลิวที่กลับมาหารือเพื่อรับมือด้วยกัน
ลั่วจิ่งเฉินลุกขึ้นยกมือคำนับป้าหลิว “ท่านป้าหลิว ครั้งที่แล้วตอนที่พวกท่านอยู่จวนสกุลหยาง หยางฮูหยินเป็มิตรกับพวกท่านหรือไม่?”
พี่หลิวย้อนนึก “หยางฮูหยินชื่นชมแม่เ้า ก่อนจากมายังบอกว่าจะเรียกแม่เ้าไปหารืออะไรบางอย่าง ส่วนเื่ราวทั้งหมดข้าเองไม่ได้ถามให้มากความ ท่าทางนั้นดูเหมือนจะใช้ได้”
พี่หลิวไม่รู้ว่าเหตุใดลั่วจิ่งเฉินถึงถามเช่นนี้ จึงเพียงแค่อธิบายสถานการณ์ตอนนั้นอย่างเรียบง่าย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลั่วจิ่งเฉินก็มีแผนในใจ
“เกรงว่าเื่นี้คงต้องรบกวนท่านป้าหลิวแล้ว”
พอคำนวณแล้ว คนทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางตรงไปที่อำเภอ พอสืบถามก็รู้เื่ราว่กลางวันคร่าวๆ โดยเฉพาะข่าวที่พี่หลิวได้มาจากจวนสกุลหยาง
ดั่งที่พี่หลิวเล่ามา หยางฮูหยินตู้ิเจวียนชื่นชมลั่วชีเหนียงอย่างมาก เริ่มแรกได้ยินว่าร้านชานมสกุลลั่ววางยาพิษจนมีคนเสียชีวิต แต่ก็รู้สึกเชื่อไม่ลง เดิมอยากหาคนส่งข่าวให้สกุลลั่ว แต่ก็กลัวมีคนวางแผนตลบหลัง จึงสั่งบ่าวให้ไปสืบเบาะแสของคนสกุลลั่วในอำเภอแต่เช้า บังเอิญได้เจอกับพี่หลิวมาขอความช่วยเหลือที่จวนสกุลหยางพอดี จึงได้เชื่อมสายสัมพันธ์สำเร็จ
“หยางฮูหยินกล่าวว่า เื่เมื่อวานร้ายแรงนัก หลังจากคนผู้นั้นมาซื้อชานมก็ดื่มบนถนน ยังไม่ทันดื่มหมดก็ส่งเสียงร้องและเสียชีวิต” พี่หลิวบอกเล่าข่าวที่รู้มา นางร้อนใจจนวางมือไม้ไม่ถูก
ลั่วจิ่งเฉินเอ่ยถามเสียงขรึม “เช่นนี้ก็เท่ากับว่า คนผู้นั้นตายคาที่บนถนนหรือ?”
พี่หลิวพยักหน้าติดกันหลายทีกัน “ถูกต้องตามนั้น ชานมของเราก็คุณภาพดี จากความเก่งกาจของชีเหนียง จะทำให้คนตายได้อย่างไรกัน!”
คนทั้งหมดหาทางออกไม่ได้ ศาลาว่าการได้เปิดออกจากด้านใน วันนี้หยางหนิงกำลังจะไต่สวนคดีมีคนตายเพราะชานมร้านสกุลลั่ว
......
หยางหนิงที่อยู่ด้านหลังศาลาว่าการกำลังแต่งกายเป็ระเบียบและเตรียมขึ้นศาล แต่กลับเห็นฮูหยินเดินออกมาจากด้านหลัง
“นายท่าน จิตใจของชีเหนียงแบบนั้นจะทำการค้าขายที่คร่าชีวิตผู้คนได้อย่างไร? นอกจากนี้ ในงานเลี้ยงวันเกิดของท่าน เราก็ดื่มชานมเช่นกัน ไหนเลยจะมีปัญหา?”
พอเห็นท่าทางกังวลของตู้ิเจวียน เขาจึงรู้ว่าลั่วชีเหนียงได้เข้าไปอยู่ในใจนางอย่างแท้จริง
“ฮูหยิน!” หยางหนิงยื่นมือดึงนางมา “มิใช่ว่าข้าจงใจทำให้นางลำบาก หากแต่สายตาคนทั้งหมดกำลังจับจ้องคดีมีคนตาย แล้วยังข้องเกี่ยวกับร้านชานมสกุลลั่ว ไม่ว่าอย่างไร เื่นี้ก็ต้องสืบสวนให้ได้ความจึงจะเกิดผลดี”
อันที่จริงสิ่งที่หยางหนิงไม่ได้บอกกับตู้ิเจวียนก็คือ คนที่ตายเป็หนึ่งในคนของโรงพนันสือวาน คนผู้นี้ชื่นชอบการพนัน หากมีเงินในกระเป๋าก็แทบเอาเงินไปผลาญในโรงพนันหมด แล้วจะยอมควักเงินสี่ห้าสิบอีแปะไปซื้อชานมดื่มได้อย่างไร ดังนั้นเื่นี้ต้องมีเงื่อนงำแน่
แต่เมื่อเกี่ยวพันกับโรงพนันสือวาน เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะช่วยให้ลั่วชีเหนียงให้หลุดพ้นได้เช่นกัน เดิมทีคิดว่าโรงพนันสือวานจะลืมเื่ที่ลั่วชีเหนียงฟ้องร้องพวกเขาไปนานแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้กลับเ้าคิดเ้าแค้นจนถึงตอนนี้ เห็นทีครั้งนี้จะ้าให้ตนตกหลุมพรางและ้าปิดปากตนไม่ให้พูดมาก
ถึงอย่างไร งานเลี้ยงวันเกิดของตนก็ได้ใช้ชานมสกุลลั่วมาเลี้ยง ทุกคนต่างรู้กัน ในสายตาของคนนอก ครอบครัวของตนจึงกลายเป็พวกเดียวกับสกุลลั่ว เื่คดี แม้เขาจะรู้ว่าสกุลลั่วถูกคนปองร้าย แต่ก็ทำได้แค่ดำเนินไปตามขั้นตอน
สำหรับคดีนี้หยางหนิงไม่ได้นิ่งนอนใจ ในเมื่อโรงพนันสือวานลงมือ จำต้องยังมีไพ่อีก ได้แต่รอดูว่าลั่วชีเหนียงจะรับไหวหรือไม่
......
เมื่อวานตอนลั่วชีเหนียงอยู่ในคุกกลับคิดอย่างใจเย็น
คนผู้นี้ไม่มีทางมาดื่มชานมจนเสียชีวิตอยู่หน้าร้านของนางอย่างไร้สาเหตุ แม้ว่าจะแพ้นมแต่ก็ไม่มีทางร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตเช่นนี้ ที่เป็ไปได้อย่างมากก็คือคนผู้นี้กินยาพิษก่อนหน้านั้น อีกอย่างนางไม่เคยล่วงเกินอะไรใครมาก่อน หากจะบอกว่าล่วงเกินจริงก็แค่เื่การจัดการหนี้ในตอนแรกที่นางเคยฟ้องร้องโรงพนันสือวาน
โรงพนันสือวาน!
เมื่อลั่วชีเหนียงวิเคราะห์ความได้ ก็ไม่คิดกลัวอีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้หลังจากขึ้นศาล ลั่วชีเหนียงจึงไม่ได้ตื่นตระหนก นางคุกเข่าอยู่ในศาลอย่างสงบนิ่งและฟังการรายงานผลชันสูตรศพ
“หลังจากการผ่าชันสูตรข้ามคืนเมื่อวาน ในท้องของคนผู้นี้หาได้มีสิ่งใด เพียงแค่ร่องรอยของเศษชานม แต่หลังจากได้ตรวจแก้วเดินเผาที่ร้านชานมสกุลลั่วใช้ ในปากแก้วใบนี้ตรวจเจอสารหนู”
ผู้ที่ชันสูตรครั้งนี้เป็ซุนโหย่วเต้ารับหน้าที่ เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวกับสกุลลั่ว เขาจึงใส่ใจเป็พิเศษ เขาคิดไม่ตกทั้งคืนว่าเหตุใดในชานมไม่มีพิษ แต่บนแก้วชานมกลับมียาพิษหลงเหลืออยู่ คนที่วางยาพิษตกลงว่าคิดอย่างไรกันแน่
“คนผู้นี้ตายเพราะยาพิษหรือ?”
ซุนโหย่วเต้าส่ายศีรษะ “บนตัวผู้ตายมิได้มีปฏิกิริยาของยาพิษ ด้วยเหตุนี้จึงมิใช่การตายด้วยยาพิษ”
คำพูดนี้เหมือนดั่งคลื่น ทั้งไม่ใช่ยาพิษและไม่มีาแภายนอก เช่นนั้นแล้วเขาตายอย่างไรกัน?
“ท่านหมอซุน ท่านอย่าเข้าข้างลั่วชีเหนียงนะ!” ในกลุ่มคนมีชายอายุประมาณสิบสองถึงสิบหกแต่งกายด้วยผ้าไหมและถือพัดกำลังโพล่งคำสงสัยออกมา “บนแก้วมีพิษ ผู้ตายใช้แก้วแล้วจึงตาย เหตุใดจึงไม่นับว่าโดนยาพิษ?”
คนผู้นี้เอ่ยขึ้น พลันทำให้สายตาของคนทั้งหมดถูกดึงดูดไปที่ริมฝีปากดำคล้ำของผู้ตาย
ซุนโหย่วเต้าเงยหน้าขึ้นมองเขา เฉินเจ๋อิ นายท่านเล็กแห่งโรงพนันสือวาน
“คำพูดนี้ของนายท่านเฉิน แค่ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพนี้” ซุนโหย่วเต้าแม้จะโกรธแต่ก็ต้องข่มอารมณ์และอธิบายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เฉินเจ๋อิผู้นี้ขึ้นชื่อเื่ความเจนจัดเ้าเล่ห์ สมัยก่อนเขามักเคลื่อนไหวแค่ในเมืองหลวง แต่เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมาถึงอำเภอเฉาที่เล็กจ้อยแบบนี้ั้แ่เมื่อใด
“หากยาพิษนี้ถูกกลืนลงไปก่อนที่คนจะตาย จะทำให้อวัยวะภายในเน่าเปื่อยเืไหล แต่อวัยวะช่องท้องของคนผู้นี้ยังสมบูรณ์ไม่มีร่องรอยการกัดกร่อนของยาพิษ ชี้ชัดได้ว่าเริ่มแรกก่อนที่ยาพิษจะออกฤทธิ์ เขาก็ตายแล้ว ส่วนริมฝีปากของผู้ตายตอนนั้นัักับยาพิษโดยตรง จึงส่งผลให้ยาพิษทำลายริมฝีปาก ด้วยเหตุนี้ริมฝีปากจึงปรากฏร่องรอยสีดำคล้ำ”
ซุนโหย่วเต้าอธิบายเช่นนี้ทุกคนก็เข้าใจ เพราะมันมีหลักการและสมเหตุสมผล
เฉินเจ๋อิพับพัดเก็บอย่างโมโห ปรายหางตามองจางเฉียง “พวกขยะ!”
“ท่านหมอซุน ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ แต่หากผู้ตายไม่ได้ตายเพราะสารหนู เช่นนั้นตกลงว่าเขาตายได้อย่างไร?”
เฉินเจ๋อิถือพัดไว้และฝืนยิ้ม ชัดเจนว่าเขาได้วางแผนไว้ดิบดีล่วงหน้า พอชานมสกุลลั่วทำให้มีคนตาย จึงเปิดต่อไม่ได้อีก ส่วนคนสกุลลั่วเองก็จะจบสิ้นเพราะเื่นี้ ถึงเวลานั้น เขาค่อยบีบบังคับขอสูตรชานม วันข้างหน้า กิจการใหญ่โตนี้จะไม่กลายเป็ของเขาได้หรือ แต่ใครจะรู้ว่า จางเฉียงเ้าคนไร้ประโยชน์ เื่แค่นี้กลับทำให้ดีไม่ได้
เขาอยากดูสิว่า คนผู้นี้จะหาสาเหตุการตายได้อย่างไรกัน!
คำพูดนี้ถามได้ตรงกับความคิดของซุนโหย่วเต้า เพราะไม่พบหลักฐานอะไรและไม่รู้ว่าคนผู้นี้ตายด้วยสาเหตุใด
ชีเหนียงสังเกตศพอย่างละเอียดและพบว่าตรงลำคอของศพมีรอยแดงขนาดเล็กและจาง ดูแล้วเหมือนผื่นแดงเล็กน้อย แต่นางไม่อาจแน่ใจได้
“ใต้เท้า มีครอบครัวของผู้ตายอยู่ด้วยหรือไม่?” ตอนนี้มิใช่เวลาหลบๆ ซ่อนๆ ลั่วชีเหนียงจึงสอบถามโดยตรงว่าผู้ตายมีครอบครัวอยู่หรือไม่
ภรรยาของผู้ตายกำลังคุกเข่าอยู่ในศาล เมื่อได้ยินลั่วชีเหนียงเอ่ยขึ้น ฉับพลันก็ด่ากราดขึ้นมา
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้