บุรุษวัยกลางคนเปิดประตูไม้บานเล็กออกเป็ช่องแคบอย่างระมัดระวัง
เขามองฟู่ถิงเย่ แล้วมองไปยังหวาชิงเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังฟู่ถิงเย่ ไม่ถามอะไร ก้มหน้าหลบสายตา เชื้อเชิญให้ทั้งสองคนเข้าไปข้างในที่พัก
ฟู่ถิงเย่กับหวาชิงเสวี่ยเดินเข้าประตูไปทีละคน
เบื้องหน้าเป็ลานบ้านสี่เหลี่ยมจัตุรัส ตรงกลางมีบ่อน้ำ ด้านหน้าและด้านซ้ายมือมีเรือนอย่างละหลัง ด้านขวามีแปลงผักเล็กๆ แต่ตอนนี้เป็ฤดูหนาว แปลงผักจึงรกร้างว่างเปล่า
บุรุษวัยกลางคนปิดประตูอย่างเบามือ สอดกลอนประตู แล้วพาทั้งสองคนเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า ปิดประตูหน้าต่าง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าฟู่ถิงเย่ คารวะเต็มพิธีการ แล้วกล่าวเบาๆ ว่า "ผู้น้อยคารวะท่านแม่ทัพ"
"ไม่ต้องมากพิธี" ฟู่ถิงเย่กล่าวตรงๆ "แม่นางผู้นี้คือแม่นางหวา องค์รัชทายาทรับสั่งให้ข้าพานางออกจากเมืองโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ทหารเหลียวได้กลับมาตั้งรับอย่างแ่าแล้ว การจะออกจากเมืองคงไม่ง่ายนัก"
อีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย ตอบว่า "เชิญท่านแม่ทัพและแม่นางหวาพักผ่อนก่อนคืนนี้ ผู้น้อยจะไปดูสถานการณ์ที่ประตูเมืองในเช้าพรุ่งนี้ขอรับ"
ฟู่ถิงเย่กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ระวังด้วย"
"ขอรับ ผู้น้อยทราบแล้ว" บุรุษวัยกลางคนกล่าวจบก็คำนับอีกครั้ง แล้วหันหลังเดินออกไปนอกประตู
หวาชิงเสวี่ยจึงอดถามไม่ได้ที่จะถามออกไป "ดึกป่านนี้แล้ว เขาจะไปไหน? เมืองเหรินชิวมีกฎห้ามออกจากบ้านในยามวิกาล ห้ามออกไปข้างนอกตอนกลางคืน"
"ไม่ต้องห่วงเขา" ฟู่ถิงเย่มองไปที่หวาชิงเสวี่ย น้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ "ขอให้แม่นางหวาทนลำบากพักอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะพาเ้าออกจากเมืองโดยเร็วที่สุด"
สายตาของเขาเ็าเล็กน้อย หวาชิงเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองพูดมากเกินไป...
ท่านแม่ทัพผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ชอบให้คนอื่นถามอะไรมากมาย? ...นางคิดในใจ บางทีคนที่คุมทัพออกรบก็เป็แบบนี้? คุ้นเคยกับการออกคำสั่ง ก็เลยไม่ชอบให้ลูกน้องถามมากเกินไป
"ไม่ลำบากเ้าค่ะ รบกวนท่านแม่ทัพแล้ว" หวาชิงเสวี่ยกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง
"ตามข้ามา" ฟู่ถิงเย่หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปด้านใน
หวาชิงเสวี่ยก้มหน้าเดินตามหลังเขาไป
ด้านหลังห้องโถงเป็ห้องนอนของเ้าของบ้าน พอเข้าไปก็รู้สึกอบอุ่นเป็พิเศษ เมื่อมองไปที่เตียงเตาอันยาวเหยียด หวาชิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ!
เตียงเตาในห้องนี้มีถ่านที่กำลังเผาไหม้อยู่ด้านล่าง!
นางมองฟู่ถิงเย่ด้วยความเขินอาย อยากจะถามว่าคืนนี้นางจะนอนที่นี่ได้หรือไม่ แต่พอคิดถึงท่าทางเ็าของเขาเมื่อครู่ ก็ต้องเก็บความรู้สึกไว้ รอให้ฟู่ถิงเย่จัดแจงอย่างอดทน
ฟู่ถิงเย่เลื่อนม้านั่งยาวสองตัวในห้องมารวมกัน กล่าวอย่างเรียบเฉย "เหตุการณ์เร่งด่วน ขอให้แม่นางหวาเข้าใจ คืนนี้ข้าจะพักที่นี่"
"หา? ..." หวาชิงเสวี่ยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ "ท่านจะไม่นอนบนเตียงเตาหรือ?"
เตียงเตาที่อุ่นสบายไม่นอน กลับจะมานอนบนม้านั่งแข็งๆ?
ฟู่ถิงเย่อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาวางม้านั่งลง เงยหน้าขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องมองหวาชิงเสวี่ย ไม่พูดอะไรออกมาชั่วขณะหนึ่ง
หวาชิงเสวี่ยรู้สึกขนลุกกับสายตาของฟู่ถิงเย่ นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน จึงยิ้มแห้งๆ แล้วกล่าวเสียงเบา "...ขอให้ท่านแม่ทัพพักผ่อนให้สบาย..."
พูดจบ นางก็หลบสายตาของเขา ก้มหน้าเดินไปทางเตียงเตาเตาอย่างเงียบๆ
ภายในห้องเงียบสงัดอย่างน่าประหลาด
ฟู่ถิงเย่จ้องมองหลังของหวาชิงเสวี่ยอยู่นาน ไม่พูดอะไรออกมา เขาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า และอุ้มผ้าห่มผืนหนึ่งออกมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
ทำไมสตรีนางนี้ถึงไม่รู้จักแยกแยะความแตกต่างระหว่างชายหญิงเลย? ชวนเขาขึ้นไปนอนบนเตียงเตาด้วยกันจริงหรือ?!
ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกันในห้องก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนอนบนเตียงเตาเดียวกันในตอนกลางคืน!
หรือว่า...นาง้ามอบกายถวายตัวให้เขา?
เมื่อฟู่ถิงเย่คิดถึงเื่นี้ สีหน้าของเขาก็ยิ่งดูแย่ลง
เื่แบบนี้เกิดขึ้นเป็ครั้งคราว สตรีบางนางต้องพลัดถิ่นฐานใน่า เพราะเคยได้รับความช่วยเหลือจากทหาร จึงยอมมอบกายถวายตัวให้เพื่อเป็การตอบแทนบุญคุณ และสตรีบางนางยังเสนอตัวให้กับทหารที่ประจำการอยู่ที่ค่ายเพื่อที่จะได้มีที่พึ่งพิงอีกด้วย
ตอนนี้หวาชิงเสวี่ย้าออกจากเมือง ทำได้เพียงแค่พึ่งพาเขาเท่านั้น อีกทั้งนางก็ยังรู้ว่าเขามีฐานะเป็ถึงแม่ทัพใหญ่ การที่นางคิดจะยั่วยวนเขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็ไปได้...
ยั่วยวนงั้นหรือ...
ฟู่ถิงเย่แอบเหลือบมองนางอย่างเงียบๆ
หวาชิงเสวี่ยกำลังก้มลงปูผ้าห่มบนเตียงเตา มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ราวกับ...กำลังยิ้ม?
แววตาของนางใสกระจ่าง ฟู่ถิงเย่ไม่สามารถเชื่อมโยงนางกับสตรีเ้าเล่ห์เ่าั้ได้ บางที...เขาอาจจะเข้าใจผิดไป?
ความคิดของฟู่ถิงเย่ หวาชิงเสวี่ยไม่รู้เลย ตอนนี้นางกำลังมีความสุขกับเตียงเตาที่อบอุ่นแสนล้ำค่านี้
นางจัดแจงถอดรองเท้าแล้วปีนขึ้นเตียง จากนั้นมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบางครั้งความสุขก็เรียบง่ายเช่นนี้เอง
นางกับหลี่จิ่งหนานต้องนอนในห้องพักที่ลมโกรกมาเกือบเดือนแล้ว ทุกครั้งก่อนนอน ตอนที่เพิ่งขึ้นเตียงก็เหมือนกับกำลังถูกทรมาน! เพราะเตียงของพวกเขาเย็นเฉียบเสมอ! ผ้าห่มก็บางมาก ตอนนี้จู่ๆ ก็ได้นอนอย่างอบอุ่น หวาชิงเสวี่ยจึงรู้สึกมีความสุขจนแทบจะลอยได้
เพียงแต่...เตียงเตาใหญ่ขนาดนี้ มีเพียงนางคนเดียวที่ได้ใช้...
หวาชิงเสวี่ยมองไปที่ปลายเตียงเตาอีกด้านที่อยู่ไกลจากตัวเองมาก
เตียงเตานี้สามารถนอนได้อย่างน้อยห้าหกคน นางนอนด้านหนึ่ง ฟู่ถิงเย่นอนอีกด้านหนึ่ง ตรงกลางยังห่างกันสองสามเมตร นางจึงไม่เข้าใจจริงๆ ว่าฟู่ถิงเย่มีอะไรต้องกังวล
อากาศหนาวขนาดนี้แต่นอนบนม้านั่งแข็งๆ ไม่ใช่เอาสุขภาพตัวเองมาล้อเล่นหรือ?
หวาชิงเสวี่ยอยากจะพูดเกลี้ยกล่อมสักสองสามคำ แต่พอคิดถึงท่าทางเคร่งขรึมของฟู่ถิงเย่เมื่อครู่ ก็ไม่กล้า...
ช่างเถอะ นางอย่าขัดใจท่านแม่ทัพเลย!
หวาชิงเสวี่ยคิดได้ดังนั้นก็ไม่คิดมากอีก นางขยับมือออกไปปลดเสื้อผ้าของตัวเอง
"เ้าทำอะไร?!" ฟู่ถิงเย่ะโขึ้นมาทันที!
หวาชิงเสวี่ยสะดุ้งใ ร่างกายของนางสั่นสะท้าน!
นางมองไปที่ฟู่ถิงเย่ด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดอีกแล้ว...
จนกระทั่งนางเห็นว่าสายตาของฟู่ถิงเย่จับจ้องไปยังมือที่กำลังจับขอบคอเสื้อที่คลายออกของนาง หวาชิงเสวี่ยจึงเข้าใจในที่สุด แต่...ข้างในนางก็ไม่ได้เปลือยกายเสียหน่อย!
ชุดชั้นในแขนยาวคอแคบ อย่างมากก็แค่เผยให้เห็นลำคอ จำเป็ต้องมีปฏิกิริยาเกินจริงขนาดนี้เลยหรือ...
หวาชิงเสวี่ยทำอะไรไม่ถูกจนแทบอยากร้องไห้ "ท่านแม่ทัพ ข้าใส่เสื้อตัวนอกนอนไม่ได้นะเ้าคะ..."
ยังไม่ทันพูดจบ ภายในห้องก็มืดลงในทันที
เป็ฟู่ถิงเย่ที่เป่าเทียนไขบนโต๊ะให้ดับลง
"นอนเถอะ" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
หวาชิงเสวี่ยนั่งตัวแข็งอยู่บนเตียงเตา ฟังไม่ออกว่าฟู่ถิงเย่โกรธมากกว่าหรืออายมากกว่ากันแน่...
นางรออย่างกระวนกระวายใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เห็นฟู่ถิงเย่มีปฏิกิริยาอะไร จึงถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออกอย่างเงียบๆ แล้วมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มอุ่นๆ
ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของฟู่ถิงเย่ทำให้หวาชิงเสวี่ยรู้สึกทำอะไรไม่ถูก กลัวว่าจะพูดผิดหรือทำอะไรผิด...
นางอดคิดถึงหลี่จิ่งหนานไม่ได้
...
วันนี้ทั้งวัน นางต้องเผชิญการตรวจค้นของทหารเหลียว ถูกเพื่อนบ้านรังแก ทั้งใทั้งหวาดกลัว หวาชิงเสวี่ยเหนื่อยล้ามากแล้ว นางนอนอยู่บนเตียงเตา ตอนแรกยังคิดเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างหลี่จิ่งหนานกับฟู่ถิงเย่ แต่คิดไปคิดมาก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ในความมืด เมื่อฟู่ถิงเย่ได้ยินเสียงหายใจของสตรีนางนั้นค่อยๆ ราบเรียบและยาวขึ้น จึงหลุดถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิงนี่ช่างน่ารำคาญจริงๆ
กล้าถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเขาได้อย่างไรกัน ไม่รู้จริงๆ ว่านางเอาความกล้านี้มาจากที่ใด!
ฟู่ถิงเย่คิดอย่างว้าวุ่นใจ พอมีโอกาสเมื่อไหร่ต้องส่งนางออกจากเมืองทันที!
เขาถอนหายใจแ่เบา แล้วผล็อยหลับไป
การนอนครั้งนี้กลับไม่ใช่การนอนหลับที่สบายนัก
อันที่จริงแล้ว ภายใต้การจับจ้องของทหารเหลียว เขาย่อมไม่อาจนอนหลับสนิทได้อย่างสบายใจ โดยสัญชาตญาณยิ่งผลักดันให้เขาต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ยิ่งตอนนี้ในห้องยังมีสตรีนางหนึ่งที่ ‘จ้องจะยั่วยวน’ เขาอยู่อีก
ฟู่ถิงเย่นอนหลับไปจนถึงกลางดึก ก็รู้สึกตัวได้ถึงเสียงเบาๆ
เขาได้ยินเสียงมาจากทางเตียงเตา เมื่อรู้ว่าเป็สตรีนางนั้น จึงแกล้งทำเป็หลับ ไม่ลุกขึ้น แต่หูยังคอยฟังเสียงการเคลื่อนไหวของนางอยู่
สตรีนางนั้นสวมเสื้อผ้า ลงจากเตียงเตา สวมรองเท้าแล้วเดินไปอย่างช้าๆ คงเป็เพราะในห้องมืดเกินไป นางจึงเดินชนโต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจ จนต้องสูดหายใจด้วยความเ็ป จากนั้นก็เดินอ้อมโต๊ะไปทางประตูอย่างระมัดระวัง...
เมื่อนิ้วของนางแตะต้องกลอนประตู เสียงของฟู่ถิงเย่ก็ดังขึ้นในห้อง
"เ้าจะไปไหน?"
เสียงของเขาดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ในยามค่ำคืนที่เงียบสงัดเช่นนี้ยิ่งฟังดูน่ากลัว! ทำให้หวาชิงเสวี่ยใแทบสิ้นสติ!
"ท่าน ท่านแม่ทัพ?!" หวาชิงเสวี่ยถึงกับเสียงสั่น "ข้า ข้าลุกขึ้นไป ไปดื่มน้ำ..."
ฟู่ถิงเย่นั่งอยู่บนม้านั่งยาว ในความมืดเห็นเพียงเงาดำๆ เท่านั้น แต่กลับมีรัศมีที่น่าเกรงขาม!
"ในห้องมีน้ำ" เขากล่าว
หวาชิงเสวี่ยกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกเสียใจกับข้ออ้างงี่เง่าของตัวเอง!
นางยืนอยู่ที่ประตูด้วยความลำบากใจ และอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดกับฟู่ถิงเย่ไปชั่วขณะ
ผ่านไปสักพัก หวาชิงเสวี่ยก็ทนไม่ไหวแล้ว กล่าวด้วยเสียงแ่เบาเหมือนเสียงยุง "ข้า ข้าอยากจะ ออกไปปลดทุกข์เบา..."
ฟู่ถิงเย่นิ่งเงียบไป ไม่พูดอะไร
แต่หวาชิงเสวี่ยรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จึงพูดด้วยความกระดากอาย "ท่านแม่ทัพ ข้าขอ...ออกไปปลดทุกข์เบาได้หรือไม่เ้าคะ..."
ฟู่ถิงเย่ตอบกลับเสียงเบา "ข้างนอกไม่มีห้องน้ำ เ้าใช้กระโถนก็แล้วกัน"
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินสองสามก้าวไปหยุดอยู่ที่มุมเตียงเตา จากนั้นหยิบโถกระเบื้องก้นใหญ่ใบหนึ่งออกมา วางไว้ตรงหน้าหวาชิงเสวี่ยอย่างไม่ลังเล
"..." หวาชิงเสวี่ยรู้สึกอับอายอย่างมาก
ภายใต้แสงจันทร์สลัวๆ นางมองเห็นชัดเจนว่ามันคืออะไร...
หวาชิงเสวี่ยจำมันได้ เพราะก่อนหน้านี้เวลาที่นางกับหลี่จิ่งหนานหนาวเกินกว่าจะออกไปข้างนอกตอนกลางคืน ก็ใช้สิ่งนี้ในการแก้ปัญหาเื่การขับถ่าย
แต่ปัญหาคือ...
หลี่จิ่งหนานอายุแค่แปดขวบ...
ส่วนคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ ถึงแม้จะดูไม่ออกว่าอายุเท่าไรเพราะมีเครา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็ผู้ชายที่โตเต็มวัยแล้ว!
แบบนี้จะให้นาง...นาง...
ไม่มีเวลาคิดมากแล้ว!
...ความรู้สึกนั้นยิ่งรุนแรงขึ้น หวาชิงเสวี่ยหนีบขาแน่นด้วยความอับอาย รู้สึกว่าไม่มี่เวลาไหนที่แย่ไปกว่านี้แล้ว!
ถ้านางเป็คนมีนิสัยเด็ดขาดตรงไปตรงมา ตอนนี้นางคงจะไล่ฟู่ถิงเย่ออกไปแล้ว แต่นางเป็คนละมุนละม่อม ไม่ชอบมีเื่มีราว และฟู่ถิงเย่เองก็ไม่เคยแสดงท่าทีดีๆ กับนางเลย หวาชิงเสวี่ยจึงรู้สึกเกร็งๆ ไม่กล้าขัดใจเขา...
หวาชิงเสวี่ยถือกระโถนไว้ เหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
หากตอนนี้ในห้องมีแสงสว่าง ก็จะเห็นว่าทั้งตัวนางแดงก่ำเหมือนกุ้งที่ต้มสุก!
โชคดีที่ฟู่ถิงเย่พูดขึ้นก่อน "ข้าจะออกไปข้างนอกก่อน เ้าเสร็จแล้วค่อยเรียกข้า"
"...เ้าค่ะ รบกวนท่านแม่ทัพแล้ว ข้า..."
หวาชิงเสวี่ยยังไม่ทันพูดคำขอบคุณ ฟู่ถิงเย่ก็เดินออกไปแล้ว สิ่งที่เหลือไว้ให้กับนางคือเสียงประตูเปิดออก แกร๊ก แล้วก็ปิดลง ปัง!
ในห้องเหลือเพียงหวาชิงเสวี่ยคนเดียว นางมองไปที่กระโถนที่อยู่ตรงหน้า ในเวลานี้...รู้สึกหดหู่ใจเป็อย่างยิ่ง