ว่ากันว่า...
เหล่าปีศาจจะกิน ‘พลังชีวิต’ จากมนุษย์เพื่อให้ตนมีชีวิตอยู่ได้ แต่ถ้าได้เสพ ‘พลังหยาง’ จากบุรุษจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้ตน แต่การทำเช่นนั้นจะทำให้มนุษย์ผู้นั้นอายุไขสั้นลงหรือตายได้ ในขณะเดียวกัน ‘หัวใจ’ของปีศาจจิ้งจอกแดงเป็ตัวยาหายากชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าสามารถรักษาได้ทุกโรค
ปีศาจจิ้งจอกแดงจึงเป็ทั้งผู้ล่าและผู้ถูกล่าเช่นกัน
แนะนำตัวละคร
หลิวเข่อซิง-เข่อซิง : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายหนึ่งร้อยสิบหกปี
หานหรงเหยา : ที่ปรึกษา(กุนซือ)ของกองทัพ มาทำงานร่วมกับซุนเ้าเฟิง แม่ทัพใหญ่ที่อยู่ชายแดน
หลิวชิงเซียง -ชิงเซียง : ปีศาจจิ้งจอกแดงอายุห้าร้อยห้าสิบปี เป็ศิษย์พี่ของหลิวเข่อซิง
ซุนเ้าเฟิง : องค์ชายสามและเป็แม่ทัพใหญ่ประจำชายแดน เป็สหายรักของหานหรงเหยา
พิธีแต่งงานจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็งานมงคลของตระกูลหานและเ้าสาวแสนงามดุจบุปผา์ เสียงดนตรี คำอวยพร ของขวัญ วิจิตรตระการตาราวกับงานรื่นเริงของเหล่าปวงเทพ งานมงคลยิ่งใหญ่นี้คงกลายเป็ที่กล่าวถึงไปอีกนานแสนนาน
ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวในชุดสีแดงสวยงดงาม ขณะที่เ้าสาวค้อมเอวคำนับเ้าบ่าวแล้วเงยตัวขึ้น สายลมพัดผ่านทำให้ผ้าคลุมหน้าสีแดงขยับไหวเผยเห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขของหญิงสาว
ทว่ารอยยิ้มนั้น ไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว
ชายหนุ่มกล่ำกลืนความปวดร้าวในอก ฝืนทนจนเ้าสาวเดินผ่านสายตาเข้าห้องหอแล้ว เขาจึงหมุนตัวเดินจากจวนตระกูลหาน เขาเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่จวบจนวันนี้ที่เขาอายุสิบเจ็ดปี เขาจึงก้าวเท้าออกจากสถานที่ที่เรียกว่า ‘บ้าน’ อย่างไม่รู้ว่าจะหวนกลับเมื่อใดคิดจะหวนกลับ
จะให้เขาอยู่อย่างไร ในเมื่อหญิงสาวที่เขาหลงรักและเติบโตมาพร้อมกัน มาบัดนี้นางได้กลายเป็ ‘พี่สะใภ้’ ของเขาไปแล้ว
วันเวลาผ่านมา
บานประตูห้องทำงานเปิดออกอย่างไม่เกรงใจคนในห้อง ตามมาด้วยเท้าหนักๆ ที่เดินยำเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะไม้สลักลายงดงาม บุรุษหนุ่มตวัดมือร่างแบบบนกระดาษเสร็จพอดีจึงเงยหน้าขึ้น สีหน้าเรียบนิ่งราวกับแผ่นน้ำแข็งแห่งฤดูเหมันต์ไร้อารมณ์ แต่กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาบนใบหน้าได้แม้แต่น้อย
“หน้าตาเ้านี่มันไร้อารมณ์สิ้นดี” องค์ชายสามหรือองค์ชายซุนเ้าเฟิง ผู้รับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ประจำชายแดนตะวันตก เขาส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทีอ่อนใจพลางเอื้อมมือไปรินน้ำชาให้ตนเอง “ข้าให้เ้าหาเด็กรับใช้ข้างกายสักคน เหตุใดยังไม่มีใครมาปรนนิบัติเ้าอีก”
“จะให้ข้าต้อนรับท่านแม่ทัพอย่างไรดี จุดประทัดดีหรือไม่” หานหรงเหยา คลี่ยิ้มเพียงเล็กน้อย มันน้อยเสียจนแทบมองไม่เห็นเป็รอยยิ้ม หรือคนผู้นี้อาจหลงลืมการยิ้มไปแล้วว่าควรทำเช่นไร
“อยู่ค่ายทหารไม่จำเป็ต้องมีบ่าวข้างกาย” ชายหนุ่มวางพู่กันแล้วหยิบผ้ามาเช็ดมือ
“แต่สุขภาพของเ้า...”
องค์ชายสามชะงักปากไป เป็สหายกันมานาน รู้จักกันั้แ่เด็กเพราะหานหรงเหยาเองก็เป็สหายร่วมเรียนกับเขา และสกุลหานเองรับใช้ราชสำนักมาหลายชั่วอายุคน หานหรงเหยาเป็บุตรชายคนรองของสกุลหาน รูปร่างผอมบางไปสักหน่อยแต่ใบหน้าหล่อเหลาและโดดเด่นด้วยความรู้ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าคุณชายตระกูลใดในเมืองหลวง ทว่าหัวใจของหานหรงเหยาไม่แข็งแรงมาั้แ่กำเนิด หมอทั่วแคว้นต่างลงความเห็นเดียวกันว่าไม่อาจรักษาได้ ทำได้เพียงพยุงให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ปีต่อปี
ไม่ใช่แค่ ‘หัวใจ’ เท่านั้น แต่หานหรงเหยายังเป็ ‘โรคใจ’ อีกด้วย นั้นเป็เหตุผลที่หานหรงเหยาเขียนจดหมายมาถึงซุนเ้าเฟิงเพื่อรับตำแหน่ง ‘ที่ปรึกษา’ หรือ ‘กุนซือ’ ณ ค่ายทหารแห่งนี้
“ข้าสบายดี” หานหรงเหยารู้ทันความคิดขององค์ชายสาม ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย ทั้งสองจึงพูดคุยสนทนากันอย่างเป็กันเอง ซึ่งจะว่าไปก็เป็ความคิดของซุนเ้าเฟิงที่ไม่ยินยอมให้เขาพูดจาแบ่งฐานะชัดเจน
‘เก็บถ้อยคำเ่าั้ไว้ใช้ที่เมืองหลวงเถอะ! ข้าอยู่ห่างไกลเสด็จพ่อขนาดนี้ คงไม่มีใครเอาไปฟ้องว่าเ้าพูดจากับข้าเสมอเท่าเทียมกัน’
“เอาเถอะๆ ร่างกายของเ้า เ้าย่อมรู้ตัวดี” ซุนเ้าเฟิงถอนหายใจเบาๆ หานหรงเหยาเป็เ้าดื้อหัวแข็ง ไม่ดื้อดึงจริงคงไม่สามารถออกจากเมืองหลวงมาอยู่ไกลถึงชายแดนกับเขาได้ เพราะสุขภาพไม่สู้ดี ทั้งบิดามารดาจึงระวังหานหรงเหยาทุกฝีก้าว จำได้ว่าหานหรงเหยาให้เขาสอนเพลงหมัดมวยให้ เมื่อมารดารู้เข้าก็เป็ลมล้มพับไปทันที ส่วนบิดานั้นด้วยเกรงฐานะของเขาจึงได้แต่กัดฟันข่มความโกรธไว้
หากไม่เป็เพราะ สตรีที่หานหรงเหยาปักใจรักนั้นไปแต่งงานกับบุรุษอื่น และบุรุษผู้นั้นคือพี่ชายของหานหรงเหยาเอง นางกลายเป็ ‘พี่สะใภ้’ ของเขาไปเสียนี่ ด้วยเหตุนี้หานหรงเหยาจึงไม่อาจใช้ชีวิตในเมืองหลงได้อีก ซุนเ้าเฟิงถอนหายใจให้โชคชะตาของหานหรงเหยาอีกครั้ง
“ว่าแต่ เ้าทำอะไรอยู่” เขาถามชะโงกหน้ามาดูกระดาษบนโต๊ะทำงานของสหายรัก เขาไม่เข้าใจรูปวาดเหล่านี้จนกว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากอธิบาย แต่ก็ไม่เคยห้ามปรามขัดขวางเพราะแต่ละชิ้นที่ ‘ที่ปรึกษาหาน’หรือหานหรงเหยาคุณชายรองสกุลหานล้วนมีประโยชน์ต่อกิจการค่ายทหารประจำชายแดนตะวันตกของเขายิ่งนัก
“จากบันทึกที่อ่านมา ยามฤดูน้ำหลากมักมีเหตุดินถล่มตัดเส้นทาง ข้าคิดว่าจะหาเส้นทางสำรองอ้อมูเา หากมีเหตุไม่คาดฝันจะได้มีเส้นทางอื่นให้ใช้งาน หรือหากมีข้าศึกมาทิศทางนี้ สามารถใช้เส้นทางใหม่นี้เป็ส่วนหนึ่งของกลศึกตีโอบเหล่าข้าศึกได้”
“ไม่เลว” ซุนเ้าเฟิงพยักหน้ารับแล้วตบไหล่สหายเบาๆ “มาเถิด ข้ามีสุราดีจากเจียงหนานรอเ้ามาลิ้มรสเป็เพื่อนข้า”
“ช่างเป็ของตอบแทนที่ข้าอยู่เฝ้าค่ายให้เสียจริง”
หานหรงเหยาแสร้งตัดพ้อ แต่เพราะสีหน้าเรียบนิ่งและท่าทางสูงส่งของเขานั้น คนฟังได้แต่โคลงศีรษะไปมา
“งานที่นี่ไม่มีอะไรมาก เ้าพักที่จวนก็ได้ หากมีเื่เร่งด่วน ข้าจะให้คนไปเชิญเ้าเอง”
องค์ชายสามกล่าวขณะเดินออกจากกระโจมพร้อมหานหรงเหยา บุรุษทั้งสองเดินผ่านเหล่าทหารที่ให้ความเคารพยำเกรง มิใช่เพราะฐานะตำแหน่งเท่านั้น แต่ซุนเ้าเฟิงเป็แม่ทัพที่รักพวกพ้อง ไม่ทิ้งพี่น้องไว้ด้านหลัง และเมื่อหานหรงเหยาเป็สหายรักของแม่ทัพซุนมาเป็ที่ปรึกษา เขาไม่ถือยศศักดิ์ พูดจาเป็กันเองกับเหล่าทหารไม่ว่าจะระดับใด ทำให้คนในค่ายให้เคารพและเทิดทูนยิ่งนัก
ทั้งสองควบอาชางามสง่ากลับมาที่จวน พ่อบ้านจูเส้ากันเห็นผู้เป็นายกลับมาก็รีบสั่งบ่าวไพร่ให้ดูแลนายท่านทั้งสอง จูอี้ซิน หลานสาวพ่อบ้านจูยกมือขึ้นแตะทรงผมเพิ่มความมั่นใจแล้วเดินเข้าไปหมายปรนนิบัติองค์ชายสาม นางหวังใจว่าจะใช้รูปโฉมงดงามของตนไต่เต้ามีหน้ามีหน้าในเมืองหลวง ต่อให้เป็เพียงอนุแต่ก็เป็อนุขององค์ชายสาม นับว่าดีกว่าเป็ภรรยาชาวบ้านร้อยเท่าพันเท่า
“คารวะองค์ชายสาม ที่ปรึกษาหาน” จูอี้ซินคาวรวะเต็มพิธีการ แต่บุรุษทั้งสองเพียงปรายตาเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปราวกับนางเป็เพียงก้อนกรวดบนพื้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้