ผู้สื่อข่าวต่างพากันส่งเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ ในขณะที่คนของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลเหงื่อแตกพลั่ก
ในเมื่อมีข้อกังขา เช่นนั้นก็ตรวจสอบกระดาษคำตอบเสีย และกระดาษคำตอบของอันดับหนึ่งสายวิทย์ก็ถูกนำออกมาโดยเร็ว
คนตรวจข้อสอบดูวิชาภาษาจีนเป็อันดับแรก ข้อสอบชุดนี้ไม่ใช่อันดับหนึ่งของรายวิชาอย่างแน่นอน แต่มันก็ไม่ได้ถ่วงคะแนนรวมให้ต่ำลงเช่นกัน วิชาภาษาจีน 102 คะแนน ส่วนของวรรณกรรมร่วมสมัยและเหวินเหยียนเหวินรวมกันเป็ 59 คะแนน เรียงความอีก 43 คะแนน
“ตรงนี้ไม่มีปัญหานะ โอ๊ะ เขียนเรียงความได้ดีทีเดียว ถ้าฉันตรวจนะ จะให้ 45 คะแนน...”
พอพูดออกมาครึ่งหนึ่งก็รู้สึกอาย นี่ไม่ใช่การมาเพิ่มคะแนนพิเศษให้ แต่เป็การตรวจสอบว่ากระดาษคำตอบเกิดความผิดพลาดอะไรหรือไม่ เหตุใดคะแนนรวมของอันดับหนึ่งถึงได้มากกว่าอันดับสองตั้ง 45 คะแนน
“ฟิสิกส์ก็ไม่อะไรผิดพลาดเหมือนกัน ทำได้ 92 คะแนน”
“ตรวจวิชาเคมีเสร็จแล้ว ได้ 98 คะแนน”
“ข้อสอบชีววิทยาถูกต้องไม่มีอะไรผิดพลาด 95 คะแนน”
“วิชาภาษาอังกฤษ... ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน”
โอ้ ถ้าได้เต็มก็ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว หลายศีรษะสุมรวมกัน หาความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยจากกระดาษคำตอบวิชาภาษาอังกฤษชุดนี้ หลังตรวจอยู่นานสองนาน ก็ไม่พบจุดใดที่จะสามารถหักคะแนนได้จากข้อสอบชุดนี้
เมื่อตรวจถึงกระดาษคำตอบวิชารัฐศาสตร์ ในที่สุดก็เหมือนคนปกติทั่วไปจนได้ คนตรวจข้อสอบของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลอุทานร้องลั่นด้วยความงุนงง
“ทำไมวิชารัฐศาสตร์ถึงทำได้แค่ 61 คะแนน!”
น่าโมโหเกินไปแล้ว นั่นเป็เพราะวิชารัฐศาสตร์ถ่วงคะแนนรวมน่ะสิ แม้คะแนนจะผ่านอย่างเฉียดฉิว แต่นี่คือกระดาษคำตอบของอันดับหนึ่งจากทั่วมณฑล แค่ผ่านอย่างเฉียดฉิวมันสมควรหรือ?!
“น่าเสียดายจริงๆ วิชารัฐศาสตร์คงไม่ได้ทบทวนมามากพอสินะ”
“วิชาอื่นออกจะยอดเยี่ยมขนาดนั้น หรือนี่คือการทำพลาดในสนามสอบจริง?”
“ถ้าสอบได้ถึง 70 คะแนน... คงชิงอันดับหนึ่งของประเทศได้แล้ว ใช่ไหมล่ะ?”
เหล่าบุคลากรของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลเริ่มต้นจากความ้าหาจุดผิดพลาด จนกระทั่งอยากเพิ่มคะแนนให้อันดับหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงของความคิดนี้ก็เป็ไปอย่างธรรมชาติมาก
สำหรับวิชาที่ไร้ที่ติ แน่นอนว่าคือกระดาษคำตอบวิชาคณิตศาสตร์
“คะแนนเต็มอีกแล้ว!”
ไม่จำเป็ต้องพูดถึงวิชาคณิตศาสตร์ ถูกหรือผิดชัดเจนั้แ่แรกเห็น ในส่วนปรนัยนั้นถูกต้องทั้งหมด ส่วนโจทย์แสดงวิธีทำด้านหลังก็ไม่มีจุดเสียคะแนนเลย ราวกับพิมพ์คำตอบมาตรฐานลงไปโดยตรง ขั้นตอนใดคือจุดได้คะแนนที่ต้องเขียน ขั้นตอนใดสามารถละเว้นได้... แววตาเปล่งประกายของเหล่าบุคลากรของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลแรงจ้าจนแทบทำให้กระดาษคำตอบติดไฟแล้ว ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ในปีนี้ยากมาก ตอนตรวจข้อสอบพบกับสามสี่สิบคะแนนเสียเป็ส่วนใหญ่ ผู้ที่ผ่านวิชาคณิตศาสตร์มีอยู่เท่าขนหงส์ฟ้ากับเขากิเลน สอบได้เต็ม 120 คะแนนคืออะไรกัน?
หากไม่ใช่เพราะวิธีคำนวณของสองข้อหลักสุดท้ายไม่เหมือนกับคำตอบมาตรฐาน สำนักงานอุดมศึกษามณฑลคงสงสัยว่ามีใครแอบปล่อยข้อสอบออกไปแล้ว
พิจารณาตั้งนานก็หาความผิดพลาดไม่พบอยู่ดี คนของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลกล่าวพึมพำขึ้นมา
“ระหว่างคนทุกคนมีความแตกต่างทางสติปัญญาจริงๆ สินะ”
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
“กระดาษคำตอบไม่มีปัญหานะ”
“จะทำอย่างไรได้ล่ะ นักข่าวด้านนอกกำลังจะพังประตูเข้ามาแล้ว เช่นนั้นก็ประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันเถอะ เอ้อใช่ หาช่องทางการติดต่อโรงเรียนของอันดับหนึ่งมาด้วย แจ้งพวกเขาเสีย!”
ผู้สื่อข่าวด้านนอกจินตนาการกันไปมากมายหลากหลายฉาก ทำไมถึงชักช้าไม่ประกาศข่าวคราวของอันดับหนึ่งประจำมณฑลสักที เป็เพราะมีคนทุจริตรึ หรือว่าการให้คะแนนเกิดความผิดพลาด?
ในที่สุดประตูของสำนักงานก็ถูกเปิดออก
เหลยเซิ่งลี่และผู้สื่อข่าวกลุ่มใหญ่กรูเข้าไปพร้อมกัน มีคนเหยียบเท้าของเขา กระทั่งรองเท้าของเขาก็หลุดไปหนึ่งข้าง นี่เป็รองเท้าหนังที่ญาติช่วยซื้อกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ ปกติเหลยเซิ่งลี่ทะนุถนอมรองเท้าคู่นี้มาก ทว่าเวลานี้เขาไม่สนใจจะเก็บรองเท้าอีกแล้ว พยายามเบียดไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต เพียงเพราะอยากได้ยินข้อมูลที่แน่นอนโดยเร็วที่สุด
“อันดับหนึ่งสายวิทย์ของมณฑลสอบได้กี่คะแนน?”
“มาจากโรงเรียนไหนหรือ?”
มีคนให้ความสนใจกับสายศิลป์หรืออะไรอื่นไม่มากนัก ต้องเชี่ยวชาญคณิตศาสตร์ฟิสิกส์เคมีสิถึงจะท่องโลกกว้างได้โดยไม่หวาดหวั่น
ในที่สุดเหลยเซิ่งลี่ก็เบียดมาถึงด้านหน้า เขาได้ยินใครบางคนพูด “... 616 คะแนน จากเมืองเฟิ่งเสียน”
ไม่ใช่นักเรียนจากเมืองมณฑลที่คว้าอันดับหนึ่งของสายวิทย์ กรณีนี้เป็เื่ปกติทีเดียว แม้โรงเรียนมัธยมปลายในเมืองมณฑลจะมีทรัพยากรด้านการเรียนการสอนที่ดีที่สุดของมณฑลอวี้หนาน ทว่าก็แค่จำนวนคนผ่านเกณฑ์อยู่ในระดับเหนือกว่าเท่านั้น สำหรับตำแหน่งอันดับหนึ่งประจำมณฑลนี้ ในท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับพร์และโชคชะตา การถูกโรงเรียนจากเขตเมืองภายใต้การปกครองคว้าอันดับหนึ่งประจำมณฑลไปถือว่าเป็เื่ธรรมดาสามัญ
สิ่งที่ทุกคนสนใจในตอนนี้คือ อันดับหนึ่งสายวิทย์มาจากโรงเรียนไหน
เฟิ่งเสียนมีโรงเรียนมัธยมปลายอะไรที่ดีกันนะ เฟิ่งเสียนเอ้อร์จง?
หัวใจของเหลยเซิ่งลี่เต้นแรงระรัว เขามีญาณหยั่งรู้บางอย่าง พอคนของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลบอกว่า ‘เมืองเฟิ่งเสียน’ ในสมองของเขาก็ส่งเสียงดังวิ้งๆ เืภายในร่างกายกำลังเดือดพล่าน เขาอ้าปาก ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของตนเอง
อันที่จริงเสียงะโของเขาดังสนั่นจนทำให้ผู้สื่อข่าวที่กำลังเอะอะมะเทิ่งและอาจารย์จากโรงเรียนอื่นๆ หยุดนิ่ง
เหลยเซิ่งลี่ใช้แรงกายทั้งหมดที่เขามีะโออกไปอย่างกึกก้อง
“อันดับหนึ่งของมณฑลคือโรงเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงใช่ไหม?!”
นี่คุณสมองมีปัญหาหรือเปล่า อันชิ่งเซี่ยนอีจงคืออะไรกัน แค่โรงเรียนไร้ชื่อภายในขอบเขตทั่วทั้งมณฑลเองนี่นา
สหายเก่าที่รู้จักเหลยเซิ่งลี่แสดงสีหน้าสงสารจับใจอยู่ด้านนอกฝูงชน ตอนแรกพวกเขาถูกบรรจุงานพร้อมกัน เหลยเซิ่งลี่ยืนหยัดที่จะกลับไปบ้านเกิด ในขณะที่ตัวเขาทำอาชีพอาจารย์ในโรงเรียนมัธยมของเมืองมณฑล ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ความแตกต่างระหว่างหน้าที่การงานของทั้งสองย่อมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็ธรรมดา เหลยเซิ่งลี่คงทำงานในสถานที่เล็กๆ มานานจนเลอะเลือนแล้วเป็แน่ ทุกวันนี้ยังหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ว่าอันชิ่งเซี่ยนอีจงที่สอนอยู่จะสามารถบ่มเพาะอันดับหนึ่งของมณฑลได้อีกหรือ?
ทำไมชักช้าไม่ประกาศเสียทีนะ ได้ยินว่าคะแนนของอันดับหนึ่งสูงกว่าอันดับสองถึง 45 คะแนน คะแนนที่สูงเพียงนี้จะเป็คะแนนที่นักเรียนจากอันชิ่งเซี่ยนอีจงทำได้หรือ?
คุณภาพการสอนก็เห็นกันอยู่ชัดเจนนี่นา!
คนอื่นล้วนคิดว่าเหลยเซิ่งลี่เสียสติไปแล้ว แต่คนของสำนักงานอุดมศึกษามณฑลกลับจ้องมองเขาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“สหาย คุณคือคืออาจารย์ของอันชิ่งเซี่ยนอีจง?”
----------------------------------------
ภาพถ่ายจบการศึกษานั้นล้ำค่ามาก
โดยเฉพาะในตอนนี้ พอจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย หลายสิบปีข้างหน้าอาจไม่ได้พบกันอีกด้วยซ้ำ
หลังจบมหาวิทยาลัยทุกคนจะกระจายตัวไปทำงานทั่วประเทศ มีไม่มากนักที่จะกลับถิ่นบ้านเกิดของตนเอง กว่าจะถึงตอนรวมตัวอีกครั้ง ชีวิตได้ผ่านไปหลายสิบปี และอยู่ใน่วัยเกษียณอายุกันหมดเสียแล้ว สมาชิกจำนวนเท่านี้ของห้องสาม เมื่อถึงเวลาพบหน้ากันอีกครั้งอาจไม่ได้พร้อมหน้าพร้อมตาอีกต่อไป เพราะอย่างไรเสียชีวิตคนก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน
บางห้องเลือกถ่ายภาพที่หลังสนามกีฬา บางห้องเลือกถ่ายภาพที่แท่นเชิญธง ส่วนห้องสามถ่ายที่หน้าอาคารเรียน
อาคารเรียนนี้ไม่ถือว่าเป็อาคารที่ใหม่เอี่ยม บริเวณแปลงดอกไม้ที่ปูกระเบื้องล้อรอบ สถานที่ด้านหลังคือที่ที่พวกเขาใช้เวลาใน่มัธยมากที่สุด และคุ้นเคยที่สุด หอพักเป็เพียงสถานที่สำหรับนอนหลับ เข้าและออกไปมาอย่างว่องไว มีแค่ห้องเรียนเท่านั้นที่เป็สถานที่ซึ่งทุกคนก้มหน้าก้มตาเล่าเรียน
ขณะถ่ายภาพจบการศึกษา อาจารย์ที่มาร่วมได้ก็มาถึงกันครบแล้ว อาจารย์ใหญ่ซุนก็อยู่ด้วยเช่นกัน
คณะอาจารย์นั่งอยู่ในแถวแรก อาจารย์ใหญ่ซุนรบเร้าเซี่ยเสี่ยวหลานให้ยืนด้านหลังเขา ตำแหน่งแถวที่สองอันเป็ศูนย์กลางมากที่สุด ล้ำค่ามากที่สุด และสะดุดตามากที่สุด ถูกเก็บไว้ให้เซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่มีใครคิดคัดค้านใดๆ แม้เธอจะไม่ค่อยมาโรงเรียน ทว่าไม่เป็อุปสรรคต่อความนิยมของเธอ
เมื่อถ่ายภาพจบการศึกษาเสร็จ อาจารย์ใหญ่ซุนก็รอโทรศัพท์และไม่อยากเดินจากไป
9 นาฬิกา 10 นาที ทำไมโทรศัพท์ยังไม่ดังอีก?
เกิดอะไรขึ้นกับสหายเสี่ยวเหลยนะ ยังไม่เห็นเกณฑ์คะแนนรึ
9 นาฬิกา 20 นาที
กลับมาแล้วต้องตำหนิอบรมอาจารย์เหลยสักหน่อย โอ๊ะ ห้อง 3 จะถ่ายภาพจบการศึกษาล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปชั่วคราว
9 นาฬิกา 40 นาที
การสอบเป็ไปด้วยดีหรือไม่ คุณควรโทร. มาบอกสักคำสิ อาจารย์เหลย นายท่านเหลยเอ๋ย! ห้อง 5 จะถ่ายภาพจบการศึกษาหรือ? รอก่อน ตอนนี้มีอารมณ์ถ่ายภาพที่ไหน พวกเธอโง่เง่ากันหรือไร เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำยังไม่ออกมาเลยนะ!
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุดโทรศัพท์ของห้องทำงานก็ดังขึ้น ทำเอาอาจารย์ใหญ่ซุนตกอกใเสียยกใหญ่ เขารีบโผเข้าไปรับโทรศัพท์ เหล่าวังถือกระดาษและปากกาที่เตรียมพร้อมไว้ั้แ่แรกเพื่อจดบันทึก อาจารย์ใหญ่ซุนฟังพลางบอก เหล่าวังก็จดบันทึกไปพร้อมกัน
“เกณฑ์มหาวิทยาลัยชั้นนำ 494 คะแนน เกณฑ์ปริญญาตรี 460 คะแนน เกณฑ์วิชาชีพ 427 คะแนน อันชิ่งเซี่ยนอีจงผ่านเกณฑ์... 27 คน? คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า รวมปริญญาตรีกับวิชาชีพเข้าด้วยกันแล้วใช่หรือไม่! ไม่ผิด? อ้ออ้ออ้อ มีที่หนึ่งของมณฑลด้วย... หา?!”
เหล่าวังกำลังบันทึกถึง่เวลาสำคัญ อาจารย์ใหญ่ซุนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “คุณช่วยพูดอีกที ผมได้ยินไม่ชัดเจน!”
ทางนั้นบอกอีกรอบ
อาจารย์ใหญ่ซุนดูท่าทางคงได้ยินชัดเจนแล้ว แต่เหล่าวังยังได้ยินไม่ชัดนี่นา!
อาจารย์ใหญ่ซุนกลับไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาไม่ได้วางสายด้วยซ้ำ ก้าวเท้าปุ๊บก็ออกตัววิ่งปั๊บ ท่าทางอันแสนตลกขบขันราวกับลิงที่กำลังวิ่ง แทบใช้มือเท้าพร้อมกันแล้ว เขารีบรุดมาถึงห้องเรียนของห้อง 3 ก่อนจะหอบหายใจเฮือกโต
“... 616 คะแนน นักเรียนเสี่ยวหลาน เธอสอบได้ 616 คะแนน เป็ที่หนึ่งสายวิทย์ของทั้งมณฑล!”
อาจารย์ใหญ่ซุนกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น พูดจนตนเองถึงกับร้องไห้เสียแล้ว