“กรี๊ด!”
ซีโหลวรั่วเมิ่งกรีดร้อง เืไหลออกมาจากไหล่ นางเ็ปจนหน้าซีดขาว
“หยุดนะ...ข้าบอกให้หยุด...”
สีเฟยเยียนเบิกตากว้างจนแทบบ้า! แต่นางกลัวซีโหลวรั่วเมิ่งจะาเ็จึงต้องหยุดอยู่นิ่งๆ ทำได้เพียงถลึงตาใส่จั๋วอวิ๋นเซียน ราวกับเป็อสรพิษร้ายตัวหนึ่ง
“หากเ้ากล้าลงมืออีก ข้าก็จะแทงอีก!”
เมื่อได้ยินคำขู่ของจั๋วอวิ๋นเซียน สีเฟยเยียนโมโหจนแทบขาดสติ “ไอ้ลูกสุนัข เ้า...รังแกสตรีแล้วจะไปเก่งอะไร? ยังเป็บุรุษอยู่หรือไม่?”
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายศีรษะ “ยังมิได้เป็”
“……”
ผู้คนรอบด้านเงียบกริบ มีคนไม่น้อยที่พยายามกลั้นขำ
หากคำนวณจากอายุของจั๋วอวิ๋นเซียนตอนนี้ เขาอายุเพียงสิบสองถึงสิบสามปีเท่านั้น จึงยังไม่นับเป็บุรุษเต็มตัว อีกทั้งยังมีบางคนที่คิดว่า ขอเพียงยังไม่เคยแตะต้องสตรี ก็ไม่นับเป็บุรุษที่แท้จริง...คำตอบของจั๋วอวิ๋นเซียนจึงไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
สีเฟยเยียนไม่เข้าใจความคิดของบุรุษ คิดว่าตัวเองถูกทำให้อับอาย แต่เพื่อความปลอดภัยของซีโหลวรั่วเมิ่งแล้ว นางทำได้เพียงอดทนไว้ชั่วคราว
“ไอ้สารเลว ถ้าเ้ายอมปล่อยน้องหญิงรั่วเมิ่ง ไม่ว่าคำขออะไรข้าก็จะรับปากเ้า”
สีเฟยเยียนพยายามอดกลั้น แต่จั๋วอวิ๋นเซียนกลับไม่สนใจ และกล่าวว่า “เ้ามีอำนาจปล่อยตระกูลจั๋วไปหรือ?”
“ข้า...”
สีเฟยเยียนอยากจะรับปาก แต่เื่นี้นางไม่สามารถตัดสินใจได้ “ไอ้สารเลว เ้าเปลี่ยนคำขอเถอะ เื่นี้ข้ามิอาจตัดสินใจได้!”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วเ้าตัดสินใจอะไรได้บ้าง?”
“ข้า...ข้า...”
สีเฟยเยียนขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดและพบว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
ซีโหลวรั่วเมิ่งอ้าปากอยากจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูด สุดท้ายนางทำได้เพียงกุมาแแล้วก้มหน้าอยู่เงียบๆ
……
“จั๋วอวิ๋นเซียน เ้ากำลังทำอะไร? ยังไม่รีบปล่อยคุณหนูซีโหลวอีก!”
มีชายชราะโเสียงดังแล้วค่อยๆ ก้าวออกมา ใบหน้าเผยความเคร่งขรึมโดยธรรมชาติ
ผู้มาเยือนมิใช่ใครอื่น พวกเขาก็คือปู่รองของจั๋วอวิ๋นเซียนกับจั๋วอวี้หวั่น...จั๋วไท่หยวน รวมทั้งอารองกับอาสามของพวกเขาและยังมีผู้าุโติดตามอยู่ด้านหลัง
“พวกท่าน...ก็จะขวางทางข้าหรือ?”
จั๋วอวิ๋นเซียนเอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า เหมือนคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขามิใช่ญาติมิตร หากแต่เป็คนแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยเจตนาชั่วช้า
จั๋วไท่หยวนขมวดคิ้วแน่นกล่าวด้วยความโมโห “ไอ้เด็กสารเลว เ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป? ถ้าเ้าทำร้ายคุณหนูซีโหลว ไม่เพียงเ้าที่จะต้องตาย ตระกูลจั๋วของเราจะต้องซวยไปด้วย...เ้ากำลังสร้างหายนะให้ตระกูล! รีบปล่อยคุณหนูซีโหลวเสีย!”
ใบหน้าของชายชราในเวลานี้ไม่เหมือนกับใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความเมตตายามปกติ แต่แฝงด้วยความเ็าไร้เยื่อใย บางที...นี่อาจจะเป็ใบหน้าที่แท้จริงของชายชรา
จั๋วอวิ๋นเซียนไม่พูดไม่จา ถึงแม้เขาจะเตรียมใจมาแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับชายชราที่กลายเป็คนแปลกหน้า ในใจของเขาก็รู้สึกทั้งโกรธและผิดหวัง
จั๋วอวี้หวั่นกล่าวด้วยความโศกเศร้า “ปู่รอง เหตุใดท่านถึงพูดกับน้องชายเช่นนี้ ตระกูลซีโหลวเป็หมาป่าทะเยอทะยาน คิดจะแย่งชิงกิจการของตระกูลจั๋ว พวกเขายังสมคบคิดกับคนนอกใส่ร้ายท่านพ่อ...ในฐานะที่ปู่รองเป็ผู้าุโเพียงคนเดียวของตระกูล ควรลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้พวกเรามิใช่หรือ?”
“หุบปากเสีย!”
จั๋วไท่หยวนสะบัดมือพลางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แย่งชิงกิจการตระกูลจั๋วอะไรกัน? ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย ตระกูลจั๋วมิได้มีเพียงจั๋วฟู่ไห่คนเดียว!”
“เหอะ...ที่แท้ก็เป็เช่นนี้...”
จั๋วอวี้หวั่นหัวเราะเยาะตัวเองด้วยความเ็ปใจ
ลุงเยี่ยนเดินเข้ามาตบไหล่คุณหนู เขาถอนหายใจเบาๆ เดิมทีนี่ก็เป็เื่ของตระกูลจั๋ว เขาไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร
“พอได้แล้ว ปล่อยตัวคุณหนูซีโหลวก่อน!”
เมื่อจั๋วไท่หยวนเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนไม่ขยับก็ก้าวเข้าไปชิงตัวคน เขาเชื่อว่าหากเขาลงมือเอง กับแค่เด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งจะทำอะไรได้!
ทว่าจั๋วอวิ๋นเซียนใช้กระบี่จ่อคอของซีโหลวรั่วเมิ่งอีกครั้ง “ถ้าก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่ง ข้าจะตัดศีรษะของนางเสีย...”
“เ้ากล้าหรือ!”
จั๋วไท่หยวนคิดว่าจั๋วอวิ๋นเซียนกำลังขู่ตนจึงพุ่งเข้าไปจับอีกฝ่าย
“ฟุบ!”
กระบี่กรีดไปที่คออีกหนึ่งแผล จั๋วไท่หยวนรีบหยุดวิ่งทันที เขามองไปทางจั๋วอวิ๋นเซียนด้วยสายตาโมโหและยากจะเชื่อ
ระดับกำเนิดปราณแล้วอย่างไร?
ขอแค่มิอาจสังหารหรือจับจั๋วอวิ๋นเซียนได้ในกระบวนท่าเดียว เขาก็สามารถฟันคอซีโหลวรั่วเมิ่งได้
เมื่อมองซีโหลวรั่วเมิ่งที่ตอนนี้เต็มไปด้วยาแ เือาบท่วมตัว ไม่เหลือความหยิ่งทะนงกับความสูงส่งของคุณหนูตระกูลใหญ่อีกแล้ว
จั๋วอวิ๋นเซียนปรับลมหายใจแล้วกล่าวว่า “พวกเ้าอย่าบีบบังคับข้า ข้ายังฝึกกระบี่ได้ไม่นาน เวลาใมือของข้าอาจจะสั่นได้”
“เ้าเ้าเ้า...อย่าทำอะไรบ้าๆ!”
จั๋วไท่หยวนรีบถอยหลัง เขาไม่กล้ายั่วโมโหจั๋วอวิ๋นเซียนอีก
เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของซีโหลวรั่วเมิ่ง สีเฟยเยียนจึงถลึงตามองจั๋วไท่หยวน “ไอ้แก่ ถ้าน้องหญิงรั่วเมิ่งเป็อะไรไป ข้าไม่ปล่อยพวกเ้าไปแน่!”
“เ้า...ข้าจะไม่เอาความเด็กน้อยอย่างเ้าก็ได้ เหอะ!”
จั๋วไท่หยวนก็ร้อนใจเช่นกัน เขาโมโหจนเคราสั่น แต่ไม่กล้าทำอะไรสีเฟยเยียน ถ้าพูดไปแล้วเื่เหล่านี้ล้วนเป็ฝีมือของตระกูลซีโหลวทั้งนั้น
จั๋วอวิ๋นเซียนให้พี่สาวปิดแผลให้ซีโหลวรั่วเมิ่ง จากนั้นหันไปถามกับจั๋วไท่หยวน “ผู้าุโทุกท่านเมื่อครู่ไม่ยอมปรากฏตัว ตอนนี้ปรากฏตัวแล้ว...บอกมาเถอะ พวกท่านคิดจะทำอะไร?”
อารองจั๋วกล่าวดุด่า “จั๋วฟู่ไห่เป็ผู้นำตระกูลจั๋ว แต่ไม่สนใจความปลอดภัยของตระกูล สมคบคิดกับปีศาจทำร้ายเผ่าพันธุ์เดียวกัน...เขาไม่มีคุณสมบัติเป็ผู้นำตระกูลแล้ว”
“แล้วอย่างไรต่อ!”
จั๋วอวิ๋นเซียนไม่ได้ใส่ใจ กลับกันจั๋วอวี้หวั่นกับลุงเยี่ยนล้วนเผยสีหน้าน่าเกลียด
อาสามจั๋วกล่าวต่อว่า “จั๋วฟู่ไห่ไม่มีคุณสมบัติรับตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำตระกูล...จั๋วอวี้หวั่น เ้ายังไม่รีบมอบป้ายผู้นำตระกูลกับหยกิญญากระเรียนมาอีก”
“ฝันไปเถอะ!”
จั๋วอวี้หวั่นเค้นเสียง “เื่ของบิดาข้ายังไม่ได้ถูกตัดสิน พวกเ้าสองครอบครัวเป็แค่ตระกูลรอง มีคุณสมบัติอะไรมาเปลี่ยนผู้นำตระกูล? อีกทั้ง...ต่อให้ท่านพ่อสละตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็ควรให้เชื้อสายของเขาอย่างจั๋วอวิ๋นเซียนเป็ผู้สืบทอด”
“คำพูดของคุณหนูใหญ่จั๋วมิถูกต้องนัก! จั๋วอวิ๋นเซียนยังไม่บรรลุนิติภาวะ เื่ในตระกูลต้องให้ผู้าุโเป็คนจัดการแทน”
ทันใดนั้นมีเงาสองร่างบินลงมาจากฟ้าร่อนลงในจวน พวกเขาก็คือซีโหลวเหวินอวี่กับเ้าเมือง เสิ่นว่านโหลว
“ท่านพ่อ!”
“ท่านลุงเสิ่น ในที่สุดพวกท่านก็มา!”
เมื่อเห็นบิดากับเ้าเมืองปรากฏตัว ซีโหลวรั่วเมิ่งกับสีเฟยเยียนล้วนดีใจ สายตากลับมามั่นคงอีกครั้ง พวกนางเชื่อว่าขอเพียงซีโหลวเหวินอวี่กับเสิ่นว่านโหลวปรากฏตัว พวกนางก็ไม่มีอันตรายแล้ว
……
จั๋วอวี้หวั่นจำผู้มาเยือนได้จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “กฎวิถีเซียนกล่าวว่า ข้าราชการมิอาจยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างตระกูลได้ คนนอกก็มิอาจยุ่งเกี่ยวกับเื่ภายในตระกูลได้ เื่ของตระกูลจั๋วเรา ยังไม่ถึงขั้นให้ตระกูลซีโหลวกับจวนเ้าเมืองสอดมือยุ่ง!”
เสิ่นว่านโหลวยิ้มไม่พูดไม่จา เขาเพียงยืนมองอยู่ด้านข้าง
ซีโหลวเหวินอวี่เห็นอาการาเ็ของบุตรสาวก็อดขมวดคิ้วด้วยสีหน้ามืดมนไม่ได้
เดิมทีเขาคิดว่าด้านนอกมีกองทัพเกราะทมิฬกดดัน ภายในมีจั๋วไท่หยวนกับป้าเหลยหลิงช่วยเหลือ เพียงพอจะจัดการกับพวกจั๋วอวี้หวั่นแล้ว คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งควบคุม หากไม่ใช่บุตรสาวกับเหลียนเว่ยฉีส่งข่าวมา เขาคงไม่กล้าเชื่อว่าแผนการของตัวเองเกิดข้อบกพร่องขึ้น และจั๋วอวิ๋นเซียนก็คือข้อบกพร่องนั้น
ผู้นำตระกูลจั๋วซ่อนไพ่ตายไว้ได้ลึกยิ่งนัก!
“ข้าน้อยไร้ความสามารถ ผู้นำโปรดลงโทษ”
ป้าเหลยหลิงเดินมาด้านข้างซีโหลวเหวินอวี่ นางก้มหน้ายอมรับผิด
“ไม่เป็ไร”
ซีโหลวเหวินอวี่โบกมือ หันไปกล่าวกับจั๋วอวี้หวั่น “คุณหนูจั๋ว ใครบอกว่านี่เป็เื่ของตระกูลจั๋ว? บุตรสาวของข้าซีโหลวรั่วเมิ่งแต่งงานกับจั๋วอวิ๋นเซียนแล้ว ตามกฎหมาย รั่วเมิ่งคือฮูหยินตระกูลจั๋ว พวกข้าจึงมีสิทธิ์ยุ่งเื่ตระกูลจั๋ว”
“พะ...พวกเ้ามันต่ำช้า!”
จั๋วอวี้หวั่นโมโหจนตัวสั่น เกลียดตัวเองที่มิอาจฟันอีกฝ่ายเป็สองท่อนได้ น่าเสียดายที่อีกฝ่ายมียอดฝีมือระดับกำเนิดปราณสองคน นางไร้ซึ่งความหวังแล้ว
คิดไม่ถึงว่าจั๋วอวิ๋นเซียนจะกล่าวว่า “หากนางตายตระกูลซีโหลวก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลจั๋วแล้วใช่หรือไม่? หรือก็คือ ตระกูลซีโหลวจะไม่มีคุณสมบัติมายุ่งเกี่ยวใช่หรือไม่?”
“เหลวไหล!”
ซีโหลวเหวินอวี่ยกมือขึ้น ใช้พลังฟ้าดินไร้ลักษณ์กดดันไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน
“เ้าลองดูได้”
จั๋วอวิ๋นเซียนตัวสั่น ใบหน้าซีดขาว และกระอักเืออกมา...แต่เขายังคงไม่ยอมถอย ค่อยๆ ใช้กระบี่แทงที่คอของซีโหลวรั่วเมิ่ง เหมือนบนโลกนี้ไม่มีเื่ใดสามารถสั่นคลอนการตัดสินใจและเจตนาของเขาได้
ใช่แล้ว อย่าได้สงสัยในการตัดสินใจของผู้มุ่งสู่วิถี จั๋วอวิ๋นเซียนในตอนนี้ไม่สนใจความเป็ตายอีกแล้ว
จิตใจมั่นคงดุจเหล็กกล้า ยอมหักไม่ยอมงอ!
