ยายสวีออกไปจ่ายตลาดกลับมาก็เริ่มเล่าเื่ซุบซิบที่นางได้ยินให้ฟัง
“เกิดเื่ใหญ่เสียแล้ว!”
นางวิ่งหน้าตั้งกลับมา
“มีกระไรหรือ?” เสี่ยวเฉ่ากับเสี่ยวฮวากำลังเฝ้าร้าน ไม่ได้มาร่วมวงด้วย แต่หลินหวั่นชิวกำลังมีเื่ในใจ ได้ยินยายสวีร้องะโก็เดินออกมาจากห้อง พายายสวีไปนั่งที่ลานบ้านพร้อมกับถามไปด้วย
ยายสวีเอาผักออกมาเด็ด
“มีคนตาย!” ยายสวีพูด “ตายไปหกคน”
“ตายที่ใด?” หลินหวั่นชิวถาม เจียงหงหย่วนออกจากบ้านแต่เช้า นางไม่ทันได้ถามว่าเขากำจัดศพอย่างไร
มาได้ยินยายสวีพูดเช่นนี้นี้ก็นึกกลัว หกคน!
ตายไปหกคน!
หมายความว่านางฆ่าไปสอง เจียงหงหย่วนฆ่าไปสี่ เมื่อคืนนี้มากันหกคน!
“ตายแถวที่ว่าการอำเภอ ได้ยินว่าตายในจวนของผู้ช่วยนายอำเภอไปสามคน…นี่ถือเป็เื่ใหญ่ยิ่งนัก ข้าได้ยินว่าประตูเมืองทั้งสี่ถูกปิด ให้เข้าอย่างเดียว ไม่ให้ออก ยังได้ยินอีกว่าจะไล่ตรวจค้นทีละบ้าน ข้าเห็นทหารกลุ่มใหญ่ตามท้องถนน!”
มีทหาร หมายความว่าเื่นี้กระทบไปถึงทหารป้องกันของหน่วยพิทักษ์
ตรวจค้น…
หลินหวั่นชิววิ่งกลับไปดูที่ห้องตัวเอง พบว่าบนพื้นไม่มีรอยเื นึกได้ว่าเช้านี้เจียงหงหย่วนเหมือนจะไม่ได้อาบน้ำที่ห้องน้ำ แต่ยกอ่างไปอาบในห้องนางแทน
ชายฉกรรจ์คนนี้ดูหยาบโลน แต่ความจริงละเอียดอ่อนยิ่งนัก
หนึ่งชั่วยามต่อมา มีเสียงอึกทึกครึกโครมที่นอกประตู ทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาสืบค้นและสอบถาม หลินหวั่นชิวพยายามสงบสติอารมณ์ คนกลุ่มนี้ไม่ค้นเจอสิ่งใด ถามแค่ว่าได้ยินเสียงกระไรตอนกลางคืนหรือไม่ คำตอบที่ได้มีแต่บอกว่าไม่ได้ยิน
ทุกบ้านแทบจะตอบเหมือนกันหมด พวกเขาจึงชินแล้ว
เนื่องจากเกิดคดีฆาตกรรม ทางบ่อนจึงประกาศปิดสามวัน เจียงหงหย่วนกลับถึงบ้านตอนพลบค่ำ ทางอำเภอประกาศภาวะฉุกเฉิน ห้ามออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตก มิเช่นนั้นจะถูกจับกุม
ที่โต๊ะอาหาร เจียงหงหนิงเล่าข่าวที่ได้ยินจากสถานศึกษาอย่างสนอกสนใจ “…ได้ยินว่าไปที่ว่าการอำเภอเพราะจะแก้แค้นผู้ช่วยนายอำเภอ แต่ระหว่างทางเจอกลุ่มอิทธิพลอื่นในยุทธภพเสียก่อนจึงสู้กัน ฝั่งหนึ่งตายหมด อีกฝั่งได้รับาเ็และหนีไป…”
“คืนนี้คัดหนังสืออีกสิบหน้า! คัดเสร็จแล้วค่อยนอน!” เจียงหงหย่วนพูดหน้าตึง
เจียงหงหนิงไม่กล้าพูดกระไรอีก
เจียงหงป๋อมองหลินหวั่นชิวแล้วมองเจียงหงหย่วน ภายในใจครุ่นคิด
กินข้าวเสร็จ หลินหวั่นชิวไม่ยอมออกจากห้องโถงมาครึ่งวัน เจียงหงหย่วนรู้ว่านางกำลังคิดสิ่งใด
เขาพูดว่า “ข้าเหน็ดเหนื่อยนอกบ้านมาครึ่งเดือน ่นี้เ้านอนกับข้า ช่วยข้านวดไหล่!”
“ได้!” หลินหวั่นชิวตอบตกลงทันที “ข้าไปล้างตัวก่อน”
พูดจบก็รีบออกไป
เจียงหงหย่วนมองแผ่นหลังนาง ริมฝีปากยกโค้ง
ภรรยาตัวน้อยหน้าบาง
ไม่กล้านอนคนเดียวแต่กลับไม่กล้าบอก
ถือว่าพวกชั่วเมื่อคืนมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่ได้ตายแบบไร้ประโยชน์
รอให้ภรรยาตัวน้อยกลับห้อง เขาจึงไปล้างตัวเช่นกัน
ล้างตัวเสร็จ เขาไปหยิบหนังจิ้งจอกจากห้องเก็บของ
“อะ ข้ารับปากแล้วว่าจะทำเสื้อคลุมขนสัตว์ให้เ้า” เจียงหงหย่วนวางหนังจิ้งจอกลงบนโต๊ะ หลินหวั่นชิวมอง มันเป็หนังจิ้งจอกสีขาวโพลนดุจหิมะ ไม่มีสีอื่นใดปนเปื้อนแม้แต่จุดเดียว ลูบแล้วขนหนามาก
เป็หนังชั้นดี
เป็ของขวัญที่เขาอดทนต่อความหนาวเย็นกลางหิมะทั้งวันทั้งคืนเพื่อล่าให้นาง
ความอบอุ่นที่ส่งเข้ามาทางมือแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ
เขากลับมาแล้ว ดีเหลือเกิน
“ขอบคุณหย่วนเกอ!” หลินหวั่นชิวยิ้ม “ข้าชอบมาก”
“เ้าเก็บไว้…ช่างเถิด ข้าเอาไปเก็บที่ห้องเก็บของก่อน” เจียงหงหย่วนพูด ขอเพียงภรรยาตัวน้อยดีใจ ความลำบากของเขาก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
เจียงหงหย่วนะโหย็องแหย็งเอาหนังจิ้งจอกเข้ามา ให้ภรรยาตัวน้อยดูเสร็จก็ะโหย็องแหย็งเอาออกไป
ภาพพจน์!
แต่ว่า เขาปลื้มใจยิ่งนัก
เป่าตะเกียงขึ้นเตียง เจียงหงหย่วนคว้าภรรยาตัวน้อยเข้ามาในอ้อมอกอย่างชำนาญ
“หย่วนเกอ เมื่อคืนมากันหกคนหรือ?” กลางความมืด หลินหวั่นชิวเงยหน้ามองเจียงหงหย่วนจากในอ้อมอกเขา
สายตานางอยู่ตรงกับคางของชายฉกรรจ์พอดี เขาไม่ได้โกนหนวด ที่คางเต็มไปด้วยตอ
เปี่ยมด้วยมาดของชายชาตรี
อยู่ด้วยแล้วอุ่นใจ
“อืม มีหกคน ข้าทิ้งสองคนไว้ที่จวนผู้ช่วยนายอำเภอ คนหนึ่งไว้นอกกำแพงบ้าน อีกสามคนทิ้งไว้ระหว่างทาง ทำรอยเืไปทางประตูตะวันตก มีรอยไม่เยอะนัก แต่คนจากที่ว่าการน่าจะเจอ”
ดังนั้น เจียงหงหย่วนสร้างสถานการณ์ลวงว่าคนร้ายหนีออกจากเมืองไปแล้ว
บุรุษผู้นี้ ฉลาดยิ่งนัก!
“หย่วนเกอ ถ้าคนจากที่ว่าการเจอสินค้าที่หายไปของพวกเราจะทำอย่างไร? จะโยงคดีมาถึงเราหรือไม่?”
หลินหวั่นชิวกังวลเล็กน้อย ที่ว่าการอำเภอไล่ค้นทีละบ้านเช่นนี้ สักวันต้องเจอของที่อันอี้จวีทำหายเป็แน่
ฝ่ามือหนาของเจียงหงหย่วยลูบลงบนไหล่นาง “เ้าไม่ต้องสนใจ ต่อให้ค้นเจอก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าถูกขโมยมา ผู้ใดที่ไหนจะขโมยหนังสือกัน? จะขโมยไปขายให้ผู้ใดได้? หนังสือภาพของเ้ามีเอกลักษณ์ มีเครื่องหมายของอันอี้จวี ไปปรากฏที่ร้านหนังสือใดย่อมสืบค้นถึงต้นตอได้ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ไม่มีร้านใดในอำเภอกล้าซื้อมาขาย เพราะทำเช่นนั้นไปก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้ตัวเอง อีกอย่าง ข้าเพิ่งเคยเห็นคนขโมยหนังสือเยอะขนาดนี้เป็ครั้งแรก หรือต่อให้ที่ว่าการมองว่าเป็ของโจร เ้าก็ยืนยันไปว่าไม่มีสินค้าสูญหาย ที่เหลือยกให้เป็หน้าที่ข้าเอง!”
ว่ากันด้วยเหตุผล เหตุใดโจรถึงขโมยหนังสือ
ทั้งหนักทั้งขายทิ้งยาก ไม่เหมือนก้อนเงินก้อนทองที่หลอมใช้เป็เงินได้ ลดขั้นตอนการขายทิ้ง
“อื้ม ข้าจำไว้แล้ว” หลินหวั่นชิวตอบเสียงเบา “เหตุใดท่านจึงเอาศพไปทิ้งที่จวนผู้ช่วยนายอำเภอ?” นางรู้ว่าผู้ช่วยนายอำเภอเป็ที่พึ่งของสวีฝู รู้ว่าเจียงหงหย่วนอยากสร้างปัญหาให้แต่ก็อยากฟังแผนการจากปากเขามากกว่า
“ไม่มีข้าราชการคนใดสะอาดหมดจด โดยเฉพาะข้าราชการตำแหน่งผู้ช่วยนายอำเภอ แทบจะเป็อันธพาลประจำท้องถิ่น พวกเขาไม่เหมือนนายอำเภอที่ครบวาระสามปีแล้วมีโอกาสเลื่อนขั้นไปที่อื่นถ้าโชคดี ดังนั้น ไม่ว่าจะผู้ช่วยนายอำเภอก็ดี เ้าหน้าที่ทั่วไปก็ดี ข้าราชการประเภทนี้ย่อมสมรู้ร่วมคิดกับโจรทั้งนั้น หากเบื้องบน้าผลงาน คนที่พวกเขาสมคบคิดด้วยจะหาแพะรับบาปให้ โดยปกติแล้วเวลามีปัญหา ขอเพียงไม่ใช่เื่ใหญ่กระไร พวกผู้ช่วยนายอำเภอจะช่วยปกปิดเป็แน่ โจรเหล่านี้ส่งค่าน้ำชามาให้ทุกปี ส่งให้สี่ฤดูตลอดปี ดังนั้น จู่ๆ มีโจรมาตายในจวนผู้ช่วยนายอำเภอเช่นนี้…มีช่องว่างขนาดใหญ่ให้จินตนาการว่าแท้จริงแล้วเกิดกระไรขึ้นกันแน่ และที่ว่าการอำเภอก็ไม่ได้เป็อันหนึ่งอันเดียวกัน มีคนอยากโค่นผู้ช่วยนายอำเภอเยอะแยะ ในเวลาเช่นนี้ หากจัดการไม่ดี ผู้ช่วยนายอำเภอเฮ่อจะนำภัยมาสู่ตนง่ายมาก ดังนั้นเขาจึงร้อนใจยิ่งนัก ไม่ใช่ร้อนใจเพราะอยากตรวจสอบเื่นี้ให้ชัดเจนหรือสืบหาว่าผู้ใดอยู่เื้ั แต่ร้อนใจว่าจะปกปิดเื่นี้อย่างไร”
“มีเขาช่วยปกปิด พวกเราเลยไม่ต้องกังวลแล้วใช่หรือไม่? ขณะเดียวกันก็ได้สั่งสอนเขาไปในตัว ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัวหย่วนเกอ!” หลินหวั่นชิวมองเจียงหงหย่วนตาเป็ประกาย พลางคิดในใจว่าบุรุษผู้นี้มีกี่หน้ากันแน่?
