เจียงหงหย่วนมีปัญญาหาเงินซึ่งหมายความว่าเขามีปัญญาเลี้ยงดูลูกและภรรยา ที่เมื่อก่อนครอบครัวยากจนเพราะเสียไปกับค่ายาของเจียงหงป๋อ
แต่ตอนนี้มีนางมาอยู่ด้วยแล้ว เจียงหงป๋อจะดีขึ้น ความเป็อยู่ของครอบครัวเจียงจะดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
หลินหวั่นชิวไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองแม้แต่น้อย นางมองตัวเองเป็คนในครอบครัวเจียงั้แ่เมื่อไรไม่รู้ คิดเผื่อครอบครัวเจียงตลอดเวลา
หน้านางร้อนผะผ่าวขึ้นมาแปลกๆ เมื่อนึกถึงเื่ที่เจียงหงหย่วนมีปัญญาเลี้ยงดูลูกและภรรยา
หลินหวั่นชิวสับสนเล็กน้อย อนาคตของนางต้องอยู่กับบุรุษดิบเถื่อนผู้นี้จริงๆ หรือ?
นางมองใบหน้ามุมข้างของเจียงหงหย่วน กรอบหน้าชัดเจน บุรุษเหล็ก
แต่เขามีจิตใจที่อ่อนโยนต่อนาง ถึงเจียงหงหย่วนจะพูดจาไม่น่าฟังอย่างไร แต่การกระทำและสิ่งที่เขาทำกลับไม่มีจุดบกพร่องใดๆ ให้หลินหวั่นชิวจับผิดได้
บางที ใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาอาจไม่เลวเช่นกัน
อย่างไรเสียนางก็โดดเดี่ยวในโลกแปลกหน้าใบนี้ มีแต่เขาที่มอบความรู้สึกปลอดภัยและที่พักพิงให้
ความคิดนี้แวบเข้ามาในใจของหลินหวั่นชิว
“ข้าจะพาเ้าไปร้านอาหาร ทิ้งเกวียนไว้ที่ร้านขายหนังสัตว์ก่อน!” ขณะที่กำลังคิดสิ่งใดเรื่อยเปื่อย จู่ๆ เสียงของเจียงหงหย่วนก็ดังขึ้นข้างหูหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวรีบหยุดคิด วิ่งเหยาะๆ ตามเขาไป
“ดูทางด้วย ข้างหน้ามีหลุม” เจียงหงหย่วนหันกลับมามองนางพร้อมกับบ่นฮึดฮัด
มือเขาช่างคันเหลือเกิน อยากจูงมือภรรยาตัวน้อย
ทว่านี่เป็กลางถนน เขาเป็บุรุษไม่มีสิ่งใดเสียหาย แต่ภรรยาตัวน้อยจะถูกคนกล่าวหาว่าไม่รักษาจารีตเอาได้
จารีตประเพณีที่สตรีพึงปฏิบัติมีความสำคัญในยุคนี้มาก เขาไม่อยากให้ชื่อของภรรยาตัวน้อยต้องมัวหมอง
คนในหมู่บ้านพวกนั้นทั้งใส่ร้ายป้ายสี ทั้งจะจับเธอถ่วงน้ำ เขาแค่คิดก็ปวดใจแล้ว
แต่ว่า…
ผู้ใดที่มันกล้ารังแกภรรยาของเขา
หึหึ…
บัญชีนี้เขาจำไว้แล้ว มีเวลาและโอกาสให้เขาเอาคืนอีกมากในอนาคต
เจียงหงหย่วนเป็คนตัวใหญ่แต่จิตใจคับแคบ คับแคบยิ่งกว่ารูเข็มเสียอีก
เขาพาหลินหวั่นชิวมายังร้านอาหารที่ชื่อว่าครัวร้อยรส พนักงานในร้านไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใดเมื่อเห็นเขา มิหนำซ้ำยังยิ้มต้อนรับ “เจียงต้าเกอ วันนี้มีของดีมาให้หรือไม่”
ร้านอาหารแห่งนี้เป็ร้านประจำของเจียงหงหย่วน ปกติเวลาล่าของป่ามาได้จะส่งมาที่นี่เสียส่วนใหญ่
“วันนี้ไม่มี ข้าแค่พาภรรยามากินข้าว มีที่เงียบๆ หรือไม่ ข้าเกรงว่านั่งให้ห้องโถงแล้วจะทำลูกค้าคนอื่นใ”
จองห้องส่วนตัวเปลืองเงิน เขารู้สึกว่าไม่จำเป็ขนาดนั้น
“มีๆ เชิญเจียงต้าเกอกับพี่สะใภ้มาที่สวนด้านหลัง ที่กินข้าวตรงนี้ของพวกเราเงียบและไม่มีผู้ใด”
พนักงานพาเจียงหงหย่วนกับหลินหวั่นชิวไปยังสวนด้านหลังที่พวกพนักงานใช้นั่งกินข้าวเป็ประจำ พวกพนักงานต้องรอให้ลูกค้ากลับไปหมดเสียก่อนจึงจะกินข้าวเย็นได้ นี่เป็สาเหตุที่สวนด้านหลังตอนนี้ไม่มีผู้ใดเลย
เจียงหงหย่วนพาหลินหวั่นชิวไปนั่งที่โต๊ะสะอาด พนักงานพูดกับเขาว่า “เจียงต้าเกออยากกินสิ่งใดสั่งมาได้เลย เถ้าแก่เคยพูดแล้วว่าให้คิดราคาอาหารที่ท่านกินเช่นเดียวกับพนักงานในร้าน”
หากพนักงานในครัวร้อยรสพาคนมากินข้าวจะได้รับส่วนลดสองส่วน
“เอาหมูสามชั้นย่าง เนื้อผัดพริก แกงจืดเต้าหู้ใส่ลูกชิ้น ห่านย่างครึ่งตัว หมั่นโถวหนึ่งหม้อ ข้าวผัดฝูหรงหนึ่งที่”
แม้จะอยู่กับหลินหวั่นชิวได้ไม่นาน แต่เจียงหงหย่วนพอจะสังเกตเห็นว่านางชอบกินข้าวสวย ด้วยเหตุนี้เขาจึงสั่งหมั่นโถวราคาถูกแต่อิ่มท้องให้ตัวเอง สั่งข้าวผัดฝูหรงอันขึ้นชื่อของร้านให้นาง
“ได้เลย โปรดรอสักครู่!”
อาหารเสร็จค่อนข้างเร็ว เพียงไม่นาน พนักงานก็ยกอาหารจานแล้วจานเล่าเข้ามา ปริมาณก็เยอะมาก
หลินหวั่นชิวคิดในใจว่าร้านนี้จริงใจกับลูกค้า หากเป็ยุคปัจจุบัน ปริมาณอาหารระดับนี้แบ่งได้ตั้งสามที่
ประเด็นสำคัญที่สุดคือมันมากเกินไป พวกนางจะกินหมดหรือ?
ช่างเถิด หากกินไม่หมดก็เอากลับไปฝากเด็กสองคนที่บ้าน
(ถ้าเจียงหงหนิงตามมาด้วยคงได้ใตาย อาหารเยอะเช่นนี้ต้องเสียเงินตั้งเท่าไร! ตัวล้างผลาญ! พี่สะใภ้จอมล้างผลาญ ส่วนต้าเกอล้างผลาญตามไปด้วยเช่นกัน ไม่ต้องใช้เงินดำเนินชีวิตกันแล้ว!)
หลินหวั่นชิวไม่รู้สึกวิตกจริตกับอาหารที่วางเต็มโต๊ะแม้แต่น้อย เื่นี้ทำให้เจียงหงหย่วนต้องมองมาที่นาง
ท่าทีของหลินหวั่นชิวทำให้เขาประหลาดใจมากจริงๆ นางนิ่งเฉยราวกับว่าเวลากินข้าวก็ควรมีเนื้อมีน้ำแกงเป็ปกติอยู่แล้ว…นี่ทำให้เจียงหงหย่วนเกิดภาพลวงตา รู้สึกว่าหลินหวั่นชิวน่าจะเคยใช้ชีวิตหรูหราจนเคยตัว ไม่เหมือนสตรีสาวตัวน้อยที่ไม่เคยกินอิ่มมาตลอดสิบกว่าปีและไม่เคยกินเนื้อสักนิด
นาง…มีความลับ
แต่เจียงหงหย่วนไม่อยากไปซักไซ้ ตอนนี้นางเป็ภรรยาเขา หากนางอยากบอกความลับกับเขา เขาก็จะฟัง แต่หากไม่อยากบอก เขาจะไม่ถามเช่นกัน
เช่นเดียวกับเขาที่มีความลับที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้
“พ่อครัวซุนลงมือทำด้วยตัวเอง ให้เยอะกว่าผู้อื่นครึ่งหนึ่ง พ่อครัวซุนบอกว่าผู้ใดที่รับน้ำใจจากเขา ทานอาหารของเขา วันหน้าหากท่านมีของดีจะได้นึกถึงเขาก่อน!”
พนักงานเปิดโปงพ่อครัวแบบไม่ปิดบัง แต่เขาสนิทกับเจียงหงหย่วนอยู่แล้ว จงใจแสดงน้ำใจ
ในอำเภอมีร้านอาหารหลายร้าน แต่ละร้านแข่งขันกันเหมือนเป็ศัตรูคู่อาฆาต หากร้านใดมีอาหารป่ารสชาติแปลกใหม่จะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า ด้วยเหตุนี้ ครัวร้อยรสจึงให้การต้อนรับต่อนายพรานที่มีความสามารถเป็อย่างดีเสมอมา
“เ้าบอกพ่อครัวซุนให้วางใจได้ ข้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ!” เจียงหงหย่วนตอบ สีหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ หากเป็ผู้อื่นมาประจบแล้วถูกเขาทำหน้าเช่นนี้ใส่คงได้มีเื่แล้ว
แต่พนักงานคนนั้นไม่ถือสาสิ่งใด เห็นชัดว่าไม่ได้เพิ่งรู้จักกับเจียงหงหย่วนเพียงวันสองวัน แต่รู้ว่าเขาเป็คนอย่างไร
“เช่นนั้นเชิญท่านกับพี่สะใภ้ตามสบาย ้าสิ่งใดก็เรียกข้าได้”
“ได้ เ้าไปทำงานเถิด”
“รีบกิน!” หลังจากพนักงานจากไป เจียงหงหย่วนตักแกงจืดลูกชิ้นเนื้อชามโตให้หลินหวั่นชิว
น้ำเสียงยังคงแข็งกระด้าง ไม่อ่อนโยนสักนิด
ข้าวผัดฝูหรงจานใหญ่ถูกเจียงหงหย่วนดันมาอยู่หน้าหลินหวั่นชิวเช่นกัน ไข่สีเหลืองทองห่อข้าว ในนั้นมีหัวถุ่ย[1]กับแครอทหั่นเต๋า รวมถึงต้นหอมหั่นฝอย หน้าตาน่ากินมาก
หลินหวั่นชิวลองชิม รู้สึกว่ารสชาติดีมาก ไม่แปลกใจเลยที่เป็หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของร้านนี้
“หย่วนเกอ ข้ากินไม่เยอะเช่นนั้น” ข้าวจานใหญ่ถูกเจียงหงหย่วนคีบกับข้าวเติมลงไปจนพะเนินเป็ูเา
หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าต่อให้ตัวเองเป็หมูก็กินไม่ได้เยอะเช่นนั้น
“เหอะ อ่อนแอเสียจริง ไม่กินเยอะแล้วจะเอาเนื้อมาจากที่ใด? วันหน้ารับแรงข้าไม่ได้ขึ้นมา ข้าคงขาดทุน!”
หลินหวั่นชิว “…”
อยากเอาของในจานไปบี้กับหน้าเขาชะมัด!
“กินไม่หมดก็เหลือไว้…” เจียงหงหย่วนเสริมอีกประโยค หลินหวั่นชิวกลัวเขาจะพูดสิ่งใดอีก รีบคีบห่านย่างชิ้นหนึ่งยัดปากเขาแล้วเริ่มกินอย่างรวดเร็ว
เจียงหงหย่วนมองศีรษะหลินหวั่นชิว ปากที่ถูกยัดอาหารจนเต็มขยับ แววตามีรอยยิ้มปรากฏ
ภรรยาตัวน้อยป้อนเนื้อให้เขาด้วย!
ห่านย่างวันนี้อร่อยเสียจริง!
ฮิฮิ…
(หลินหวั่นชิว “บุรุษหนุ่ม เ้าคิดมากเกินไปเสียแล้ว! ข้าเพียงอยากกินข้าวเงียบๆ ต่างหาก!”)
เชิงอรรถ
[1] หัวถุ่ย(火腿) หมายถึง แฮม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้