อย่างไรก็ตาม เขาเป็เด็กทุนไม่มีเงินใช้จ่าย ห้องนี้เป็สิทธิพิเศษสำหรับคนที่สร้างชื่อเสียงกับโรงเรียน และตอนนี้จบการศึกษาแล้ว ตนจะต้องย้ายออกไป
เมื่อเฟนริลคิดได้แบบนั้น เขาก็อยากจะทำงานชั่วคราว ไม่ก็สอบชิงทุนที่มหาวิทยาลัยบัญญัติ
แต่เมื่อได้นึกว่าหน้าต่างความสำเร็จไม่ขึ้น ขอบเขตร่างกายก็ต่ำ ตนคงไม่สามารถทำได้กระทั่งคุณสมบัติพื้นฐานของนักเรียนทุน
วินาทีนั้นอีฟก็ลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง เธอยกตัวมาคร่อมเฟนริลพลางขยี้ตาไปมาอย่างสะลึมสะลือ ท่าทางอันน่ารักและดูมีเสน่ห์ของสาวหล่อทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลายจนควยแข็งเบียด่ล่างของเธอ
โชคดีที่อีฟยังไม่ค่อยมีสติ และกำลังย่นจมูก หงุดหงิดกับแสงผ่านหน้าต่าง นางก้มมองเล็กน้อยจนเห็นใบหน้าเฟนริลก็เอียงคอนึกสงสัย
“หืม? ขยะ…”
บริเวณขมับเขาเส้นเืปูด
“ถ้าไม่ออกไปจะเย็ดให้หีบานเลย”
พึบ! หญิงสาวตื่นตัวหลบไปนั่งด้านข้าง เฟนริลได้อิสระก็ถอนหายใจ นวดหน้าอกเพราะรู้สึกเ็ปที่นางนอนทับทั้งคืน
เ้าตัวหันไปมองตัวการที่ใบหน้าแดงก่ำก็ลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสาย เวลานั้นอีฟก็พูดขึ้นขณะแสร้งทำเล่นหยิบมือถือฆ่าเวลา
“ไลล่าไปแล้วเหรอ?”
เฟนริลพยักหน้าอธิบาย
“ใช่ คิดว่าน่าจะใกล้ระดับหนึ่งแล้ว เลยดูกระตือรือร้นขนาดนั้น เธอละ? อยากกลับรึเปล่า? หรือรอกินข้าวพร้อมฉัน?”
อีฟช้อนตามองก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่รู้…นาย…เลือกให้หน่อยสิ”
เฟนริลนิ่งไปครู่ก่อนจะตอบตกลง
“ได้ กินข้าวด้วยกัน ฉันมีเื่จะขอด้วย”
หญิงสาวหน้าแดงทำให้ชายหนุ่มหัวเราะเพราะตนไม่ได้คิดเื่แบบนั้น ใช้เวลาอยู่เกือบสี่สิบนาที เมื่อทำอาหารเสร็จ หญิงสาวก็ออกจากห้องน้ำพอดี
เธอสวมต่างหูรูปดาวสีทอง บริเวณคอมีสายรัดคล้ายเข็มขัดสีดำ ใส่สร้อยกางเขน กับเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับเสื้อหนังสีดำ เอาเสื้อใส่ในกางเกงรัดรูปโทนมืด
การแต่งตัวของเธอทำให้เขาอึ้งไปครู่หนึ่งเพราะรู้สึกชอบอะไรแบบนี้มาก ปกติเห็นใส่แต่เครื่องแบบนักเรียน
อีฟ อายุ 18 ปี
“มะ มองอะไร? …”
อีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูก เฟนริลกุมคาง
‘นิสัยผิดปกติมาก…ตอนอยู่กับคนอื่นเป็คนละคนเลย ตอนอยู่ด้วยกันเขินอาย ไม่สิ ตอนอยู่ในโรงเรียน ร่างนั่นน่าจะเป็ของปลอม ไลล่าบอกว่าสามารถเปลี่ยนนิสัยร่างโคลนได้’
ชายหนุ่มอ๋อในใจ แม้จะมีส่วนน่าสนใจที่เธอก็มีนิสัยตรงกับตัวปลอมเป๊ะ ตอนอยู่กับเฮเลนแต่ก็เข้าใจได้เพราะไม่ได้อยู่กับเพื่อนสนิทแต่นี่เป็เขาไง
เธอน่าจะเปลี่ยนไปใช้นิสัยเดิมไม่ใช่เหรอ? ชายหนุ่มสงสัยจนผลักเธอชิดกับกำแพง งือ! หญิงสาวเอามือกุมหน้าที่แดงก่ำ ชายหนุ่มสบถในใจ
‘หยุดทำตัวไร้เดียงสา! ฉันรู้สึกเหมือนเป็คนเลว’ เ้าตัวตั้งสติเล็กน้อย
“อยู่นิ่ง ๆ จะตรวจสอบร่างกาย”
เขานั่งลงมองข้อเท้าก็ไม่พบรอยสักอะไรจึงมั่นใจว่านี่คือตัวจริง แต่เดี๋ยวก่อน! เฟนริลไม่ได้โง่ขนาดนั้น เขาบรรจงลากลิ้นเลียข้อเท้าอีกฝ่าย
“อ๊าง! อ-อืม เฟนริล อย่า…”
เธอสั่นไปมาอย่างไม่คุ้นเคย ชายหนุ่มขมวดคิ้วจนหน้าย่น เขาเลียข้อเท้าทั้งสองก็ไม่พบรอยสัก
“ตัวจริงเหรอเนี่ย? นึกว่าใช้เครื่องสำอางปิดไว้”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองก็พบใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา ั์ตาสีฟ้าส่องประกายราวกับน้ำทะเลในตอนเช้า หางตาปรากฏหยดน้ำค้างที่กำลังจะหลั่งรินกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาใส่ซื่อบริสุทธิ์
เธอกำลังยกมือปิดปาก กลั้นเสียงสะอื้นที่เล็ดลอดออกมา กับอาการสั่นจนชายหนุ่มก้มหน้าลงรู้สึกผิดท่วมท้นหัวใจ
‘ภาพลวงตา ต้องเป็ภาพลวงตาแน่ ๆ มันคือพลังพิเศษอย่างไงละ?’
ชายหนุ่มไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนที่ด่าเขาเป็ประจำ แม้กระทั่งตื่นมาบอกว่า ‘ขยะ’ จะเป็คนดีได้ และหากเป็งั้นจริงคงต้องดัดนิสัยด้วยความสงสัยว่าเหตุผลคนไร้เดียงสาแบบนี้ ถึงด่าเขาแบบนั้น
ขณะนั้นเองจู่ ๆ ใบหน้าของไลล่าก็ลอยเข้ามาในความคิด สีหน้าเฟนริลเลยเหยเก
‘เธอทำให้สาวบริสุทธิ์มีมลทิน’
คิดได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็เผยยิ้มอ่อนโยน นวดเท้านางไปมาขณะช้อนตามอง แล้วเอียงคอด้วยความสงสัย
“ไม่เป็ไรนะครับ ผมขอโทษนะ…ว่าแต่อีฟชอบไข่เจียว ผัดกะเพรา และต้มข่าไก่ไหมครับ? อร่อยนะ ผมค่อนข้างเก่งเื่ทำอาหารเลย ถ้าไม่ชอบของพวกนี้ในตู้เย็นมีแฮมเบอร์เกอร์ กับข้าวกล่องอยู่ อีฟอยากได้แบบไหนครับ?”
หญิงสาวสะบัดเท้า มองด้วยสายตาเ็า
“ขยะ!!”
เฟนริลชะงัก เขาเผยยิ้มเ้าเล่ห์เตรียมจะลงมือสั่งสอน วินาทีนั้นสายตาใสซื่อก็ปรากฏอีกครั้งทำให้เ้าตัวเซเล็กน้อยเกือบทำอะไรผิดพลาดลงไป
ชายหนุ่มตั้งสติมองลึกเข้าไปในดวงตาของเธออย่างพินิจพิจารณาจนหญิงสาวหน้าแดงก่ำอีกครั้งกระทั่งเบือนหน้าหนี ตนจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ
‘สองบุคลิกสินะ’
เขาพานางมากินข้าวจนกระทั่งทานเสร็จ เธอก็ไม่มีทีท่าก้าวร้าวแต่กลับเขินอายอย่างเดียว
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฟนริลก็เข้าเื่เพราะคิดว่าหากปล่อยไว้นานอาจเกิดการประชันบนเตียงเนื่องจากเด็กไม่ดีคนนั้นต้องถูกลงโทษ
“ก่อนหน้านี้อีฟทำงานพาร์ทไทม์อยู่ใช่ไหม?” อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“คะ ค่ะ…เป็ผู้ดูแลอาวุธโดมฝึกฝน” เฟนริลฉายแววประหลาดใจ
“นั่นหมายความว่าเป็หัวหน้าคนอื่นเรึเปล่าครับ?”
นางส่ายหน้า
“แค่ตำแหน่งธรรมดาค่ะ เฟนริลถามทำไมเหรอคะ?”
ชายหนุ่มเริ่มต้นขอความช่วยเหลือ
“ผมคิดจะเข้ามหาวิทยาลัยบัญญัติ ตอนนี้เราจบการศึกษาแล้ว ผมคงไม่มีที่อยู่สักพัก และจะไปเป็เด็กทุนก็ไม่ได้เพราะคุณสมบัติไม่พอ ส่วนทำไมไม่ใช้ความสำเร็จฝันร้ายเข้ารัฐบาลเพราะมีเหตุผลส่วนตัวอยู่ครับ"
"ดังนั้นผมจำเป็ต้องหาเงิน อีกอย่างมหาวิทยาลัยอยู่อีกเมืองนึง ผมเลยสงสัยว่าอีฟสามารถช่วยผมหางานได้รึเปล่า? จะเป็งานอันตรายถึงชีวิตก็ได้ ผมไม่รังเกียจ” หญิงสาวทนสายตาอ้อนวอนไม่ไหวจึงพยักหน้า
“ค่ะ…หนูจะส่งเฟนริลเข้าทีม ‘ลิคควิช’ ชั่วคราวดีไหมคะ? พวกเขาเป็ทีมจิตรกรขั้นต่ำของบริษัทรีซอร์ส-มิลเลอร์ ค่าหักอุปกรณ์ไม่ได้มาก รายได้น่าจะพอจ่ายเอกชนในครั้งเดียวค่ะ”
ชายหนุ่มไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าตอบตกลงเพราะเขาไม่มีปัญหาหาเงินได้หากขาดคนที่เชี่ยวชาญเื่นี้
อย่างน้อยเฟนริลก็เคยได้ยินว่าอีฟนั้นเคยคุยกับนักธุรกิจสาวมากมายระหว่างออกจากโรงเรียนแม้เธอจะมีชื่อเสียงไม่มากแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างไม่มีใครรู้ชื่อตระกูลเธอแม้แต่น้อย
และแน่นอนว่าเฟนริลไม่เข้าใจอะไรมากนักจึงไม่อยากคิดว่าทำไมอีฟถึงเกาะติดธีเลียสเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรนอกจากพลังพิเศษระดับห้า
“ถ้างั้นหนูจะติดต่อให้นะคะ…หนูคิดว่าอีกประมาณหนึ่งวันคงมีคนมารับเฟนริลไป สะดวกทำงานตอนนี้ไหม?”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย ในเมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้ว มีหรือที่ช้างจะไม่กิน แน่นอน ช้างตัวนี้ค่อนข้างหิว
เมื่อหญิงสาวเห็นเฟนริลตกลงก็ยิ้มดีใจมาก เธอเดินไปทางหน้าระเบียงคนเดียวและติดต่อไปหาใครคนหนึ่งพลางเอ่ยปากแ่เบา
“แม่…สวัสดีค่ะ…ไม่ใช่ค่ะ…หนูไม่ยอมแพ้หรอก…คือหนูจะบอกแม่ว่า…เพื่อนสนิทของหนูอยากจะทำงานกับทีมลิคควิชค่ะ…กะ…ก็…เขาเป็คนดี…อีกอย่างเขาผ่านระดับฝันร้ายด้วย"
"จริงค่ะ…แต่เขาไม่มีเงินและไม่อยากเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาล…แม่ช่วยเขาได้ไหมอะ…เยี่ยมไปเลย…ขอบคุณแม่มากค่ะ…ไม่ใช่ค่ะ…ไม่ใช่…เขาเป็เพื่อนหนู…ไม่ใช่แฟนสักหน่อย…เหอะ!…ถ้าคิดถึงหนูจะโทรทักไปละกัน…ใครปากเสีย? …ค่ะ”
อีฟวางสายด้วยใบหน้าเ็าก่อนที่จะกลับมาสดใสอีกครั้ง
“เฟนริล! ได้งานแล้ว ดีใจด้วยนะ พวกเขาน่าจะมารับวันพรุ่งนี้พอดี” ชายหนุ่มมองหญิงสาววิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจก็รู้สึกผ่อนคลาย
“ขอบคุณนะ ติดหนี้ซะแล้ว”
อีฟส่ายหน้าไปมา
“ไม่หรอก ถ้าไม่ได้เฟนริล เราคงตายไปแล้ว ขอบคุณนะ อีกอย่างครั้งนี้เราก็ไม่ได้ช่วยเฟนริลด้วย มันเหมือนกับเอานายมาทำเงินมากกว่า”
ชายหนุ่มฟังประโยคหลังไม่ชัดแต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไรเนื่องจากเห็นสีหน้าจนหนทางและดูรู้สึกผิดก็ยิ้มขำในลำคอ
“ขอบคุณนะ ช่วยได้มากเลย คราวหน้าถ้าจะเข้าผืนผ้าใบบอกฉันนะ ฉันอยากไปด้วย”
หญิงสาวเม้มปากแน่นพลางเบือนหน้าหนีขณะเอานิ้วเล่นผมตนเองไปมาด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“อะ อื้ม! คือ…อะ…อีกสักพักฉันคงไปหานายแหละ…เพราะมหาวิทยาลัยแครมดริจน์อยู่ที่นั่น”
ชายหนุ่มพึงพอใจและเริ่มสนทนาต่อ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายชั่วโมงจากการพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้มากมาย
แน่นอนว่าอีฟไม่เคยถามอะไรที่เขารู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี ไม่ล้วงความลับ หรือข้อมูลส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว
กลับเป็เธอที่บอกเคล็ดลับมากมายเกี่ยวกับทักษะวิชาการเสริมแกร่งร่างกายจนชายหนุ่มได้รับความรู้มหาศาล
พลันทั้งสองกินข้าวเย็นเสร็จ อีฟก็ขอตัวกลับไปฝึกต่อ ตนจึงได้แต่เสียใจที่คนคุยสนุกแบบนี้หายไป
“น่าแปลกที่เธอฉลาดขนาดนี้ กลับยังอยู่ในขอบเขตระดับหนึ่ง”
เฟนริลมั่นใจว่ามีเบื้องลึกเื้ับางอย่างและก็พอจะคาดเดาได้จากข้อมูลก่อนหน้านี้เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำทำไมก็เท่านั้น เ้าตัวเหลือบมองดูนาฬิกาก็ลุกขึ้นไปหยิบดาบยาวสามสายด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ต้องกลับไปฝึกต่อแล้ว…ฉันต้องชินกับสัญชาตญาณสิบปี”
ชายหนุ่มกดสมุดบนชั้นวางหนังสือ พริบตานั้นชั้นดังกล่าวก็ดันเข้าไปในกำแพงก่อนจะเลื่อนไปด้านข้างเผยให้เห็นทางลับสู่ห้องโถงการฝึกฝนซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์การต่อสู้มากมายให้เลือกสรร
สิ้นความคิดเฟนริลก็เผยยิ้มด้วยสีหน้าคิดถึงพลางคิดว่าจะแอบอยู่ในนี้จนกว่าจะถึงรุ่งเช้า มิฉะนั้นแม่บ้านฝึกหัดอาจมาไล่ได้
/// จบตอนที่ 11 ///
ไลล่า อายุ 18 ปี "ว้าว! มีหนูท่อวิ่งมาแล้ว ไม่ทันเริ่มเกมเลย ทำไมรีบร้อนจังละ ว๊ายยย กลัวจังเลย ขอสักนัดนะคะ(ปัง!!!) เอ๊ะ? เจ็บเหรอ? อื้ม! น่าสนใจจัง ฉันขอย้ำสติแป๊บ เฮ้อ ถ้าเฟนริลรู้ว่าฉันเป็แบบนี้ เขาจะกลัวไหมนะ เฮ้ย!! พูดขัดหาพ่อมึงเหรอ ห๊ะ! ไอ้ขยะนี่!! รายต่อไปกูฆ่าเพื่อนมึงแน่ หุบปาก!! น่ารำคาญ!! ร้องเหี้ยไรนักหนา..."