เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็ไม่้าบอกในเวลานี้ เธอตกลงกับหลิวเฟินว่าจะสร้างบ้านใหม่ในหมู่บ้านชีจิ่ง และเฉินชิ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนยังมี่เวลาที่ต้องพบปะ... แต่พอไม่บอก มันก็เป็การทำร้ายเฉินชิ่งแบบหนึ่งอยู่ดี เห็นได้ชัดมากว่าเฉินชิ่งกำลังจะสารภาพรัก หากรอเขาพูดออกมาแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยปฏิเสธ จะทำร้ายศักดิ์ศรีของชายหนุ่มขนาดไหนกันนะ
เื่ของความรู้สึกจะมัวอ้อมค้อมไม่ได้ และเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีความคิดที่จะเก็บตัวสำรองเสียด้วย
ถ้าไม่คำนึงถึงการสอบเกาเข่า เซี่ยเสี่ยวหลานคงอธิบายอย่างแจ่มแจ้งต่อเฉินชิ่งไปนานแล้ว
ส่วนตอนนี้น่ะหรือ เฉินชิ่งดูท่าทางรับแรงโจมตีนี้ไม่ไหวไปชั่วขณะ พอเซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่ามีแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายเดือนแล้ว เฉินชิ่งไม่ถามอะไรทั้งสิ้น เศร้าซึมและใจลอย สองเท้าของเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินด้วยซ้ำ
“ฉันกลับก่อนนะ”
เธอปล่อยเฉินชิ่งไว้ที่โรงเรียน เื่ความประสงค์ก็ให้เขาไตร่ตรองอีกครั้ง จะไปเรียนในปักกิ่งหรือไม่ เฉินชิ่งยังมีโอกาสเปลี่ยนใจ
ดวงอาทิตย์เดือนเจ็ด่โชติราวกับไฟ ขณะเซี่ยเสี่ยวหลานเดินออกจากโรงเรียน เธอเห็นเซี่ยจื่ออวี้ยืนอยู่ตรงนั้น
อีกฝ่ายโดนเหล่าจ้าวยามประตูรั้งตัวไว้ แม้ถือตัวปฏิเสธการถกเถียงกับเหล่าจ้าว ทว่ายังคงโมโหโทโสจนใบหน้าแดงก่ำ
“เดี๋ยวนี้ฉันผ่านประตูเข้าโรงเรียนเก่าไม่ได้แล้ว? ใครให้สิทธินี้กับคุณกัน! ”
“แค่เป็คนของตระกูลพวกเธอ นอกจากนักเรียนเสี่ยวหลาน ห้ามใครเข้าทั้งนั้นนั่นแหละ”
เหล่าจ้าวเองก็ตรงไปตรงมาเหลือเกิน สายตาที่มองเซี่ยจื่ออวี้ไม่ปกปิดความระแวงเลยแม้แต่น้อย จะกลับโรงเรียนเก่าวันอื่นไม่ได้เชียวรึ ทำไมถึงต้องเลือกวันนี้ให้ได้! เหล่าจ้าวรู้ดี วันนี้เป็่เวลาของการประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์ เขาไม่สามารถปล่อยให้เซี่ยจื่ออวี้เข้าไป จะทำเช่นไรถ้าเธอไปสร้างปัญญาให้นักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน? ไม่ใช่ว่าเหล่าจ้าววางก้าม ทว่าอาจารย์ใหญ่ซุนเคยสั่งไว้จริงๆ มิใช่หรือ ตระกูลเซี่ยทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าโรงเรียน เพราะกลัวว่าจะรบกวนนักเรียนเซี่ยเสี่ยวหลาน แม้ตอนนี้เกาเข่าได้สิ้นสุดแล้ว ทว่ายังไม่ได้ถ่ายภาพจบการศึกษา เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ถือว่าจบการศึกษา เหล่าจ้าวยึดมั่นยืนหยัดในจุดนี้
เซี่ยจื่ออวี้ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน เหล่าจ้าวมองเธอราวกับเป็ตัวนำหายนะร้ายแรงมาให้
เธออยู่ที่ไหนก็ได้รับความนิยมชมชอบเสมอ ไม่ว่าจะเป็เมื่อก่อนที่เคยอยู่อันชิ่งเซี่ยนอีจง หรือที่วิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่ง เซี่ยจื่ออวี้ภาคภูมิใจในมนุษย์สัมพันธ์ของตนเอง ทว่าตอนนี้กลับถูกยามเฝ้าประตูกระจอกๆ รั้งไว้ คนอย่างเหล่าจ้าว ตอนเซี่ยจื่ออวี้อยู่ที่เซี่ยนอีจงไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ
เธอไม่อยากมีปัญหากับยามหน้าประตู มันเป็เื่ที่เสียศักดิ์ศรี
แต่เธอก็อยากเข้าโรงเรียนมากเสียจริงๆ วันนี้คือเวลาของการประเมินคะแนนและกรอกความประสงค์ ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลาน... ขณะที่ต่างฝ่างต่างกำลังดึงดัน เซี่ยเสี่ยวหลานก็เดินออกมาพอดี มือเข้าเฝือก และบนร่างกายยังคงมองเห็นร่องรอยของาแได้ มีชายสองคนติดตามอยู่ด้านหลัง ขนาบข้างซ้ายขวา สายตาที่มองเธอแสดงความระแวงมากกว่าเหล่าจ้าวยามเฝ้าประตูเสียอีก
ดวงตาคู่นั้นของเซี่ยเสี่ยวหลานช่างงดงามยิ่งนัก ยามเธอมองคนอื่นด้วยแววตาจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ยิ่งให้ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
“เซี่ยจื่ออวี้ เธอมาแสดงความยินดีกับฉันไวขนาดนี้เชียว? เธอนี่ใจร้อนจริงๆ วันนี้แค่ประเมินคะแนนเท่านั้นนะ ยังไม่ประกาศคะแนนเสียหน่อย”
เซี่ยจื่ออวี้เม้มริมฝีปาก ไม่คุ้มค่ากับที่บิดาของเธอเสียมือไปเลย
ในเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานพูดแบบนี้ แม้ตาจะเห็นว่ามือเข้าเฝือก แต่มิอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าสอบเกาเข่าของอีกฝ่าย อีกทั้งวันนี้ถึงกับมาประเมินคะแนนและเลือกมหาวิทยาลัยแล้วด้วยซ้ำ!
จางชุ่ยบอกว่ามือของเซี่ยฉางเจิงถูกแก้แค้นโดยเซี่ยเสี่ยวหลาน เซี่ยเสี่ยวหลานรอดพ้นจากอุบาย และจ้างคนมาทุบมือของเซี่ยฉางเจิงจนแหลกเหลวคืน ทำเอาจางชุ่ยประสาทเสีย เซี่ยจื่ออวี้คิด หากสามารถตัดอนาคตของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ โดยใช้มือหนึ่งข้างของบิดาเธอแลก... อย่าหาว่าลูกสาวอย่างเธอคนนี้โหดร้ายเลย เื่ราวมาถึงขั้นนี้แล้ว มันก็คุ้มค่ากัน
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเข้าสอบเกาเข่าได้ตามปกติ และวันนี้ยังมาประเมินคะแนนกับกรอกความประสงค์ด้วยอารมณ์เบิกบาน ความโกรธจึงพุ่งทะยานขึ้นสู่ใบหน้าของเซี่ยจื่ออวี้
“เซี่ยเสี่ยวหลาน เธออย่าได้ใจเร็วเกินไป เธอจ้างคนตีมือของพ่อฉันจนขาดสินะ? เธอจะต้องเข้าคุก!”
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้าไม่ยี่หระ “ทำไมรึ อดีตลุงของฉันมือด้วนแล้ว? ไม่น่าเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้ฉันโดนรถชน จุดที่าเ็ก็เป็มือเหมือนกัน! โชคดีที่อาการไม่หนัก ไม่กระทบกับการสอบเกาเข่าของฉัน”
สิ่งที่เซี่ยจื่ออวี้โกรธก็คือจุดนี้ไม่ใช่หรือ?
เธอกลับมาจากปักกิ่ง พอได้ยินคำบอกเล่าของจางชุ่ย ก็เร่งรัดทางสถานีตำรวจให้รีบคลี่คลายคดี
ด้านสถานีตำรวจลำบากใจเช่นกัน ในสถานที่เกิดเหตุไม่เหลือหลักฐานอะไร ร่องรอยทั้งหมดล้วนคือสิ่งที่ตัวเซี่ยฉางเจิงเองทิ้งไว้ ตอนเกิดเหตุคือเวลาสามทุ่มครึ่ง ท้ายตรอกอันแสนเปลี่ยวร้าง ดวงไฟของไฟทางพังมาครึ่งปีกว่าแล้ว ผู้อยู่อาศัยละแวกนั้นสัญจรกลางค่ำกลางคืนยังอ้อมท้ายตรอกกันทุกคน ดังนั้นเมื่อเซี่ยฉางเจิงโดนคนทำร้ายร่างกายตอนกลางคืน เช้าตรู่ถึงถูกพนักงานสุขาภิบาลพาส่งโรงพยาบาล ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์เลยสักคน อีกทั้งในปี 84 ยิ่งหาพวกกล้องวงจรปิดไม่เจอ ทางสถานีตำรวจก็จนปัญญา
มืดสนิทสิ้นแสง เซี่ยฉางเจิงไม่เห็นเหมือนกันว่าคนที่โจมตีเขาคือใคร
จะชี้เป้าว่าเป็เซี่ยเสี่ยวหลาน?
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีหลักฐานให้คนของสถานีตำรวจเชื่อน่ะสิ!
หญิงสาวเอวบางร่างน้อย จะล้มเซี่ยฉางเจิงที่แข็งแรงกำยำได้อย่างไร!
อีกทั้งยังทุบมือของเซี่ยฉางเจินจนเละได้อย่างง่ายดาย เซี่ยเสี่ยวหลานคงถือเครื่องมือก่อเหตุไม่ไหวหรอก เซี่ยฉางเจิงไปเพื่อ ‘ชำระเงินที่คั่งค้าง’ คนที่รับรู้ว่าเขาไปท้ายตรอกนั่น นอกจากจางชุ่ย ก็มีเพียงนักเลงที่นัดแนะกันไว้ เซี่ยจื่ออวี้จึงไปหาพวกนักเลงนั่นอีกครั้ง พวกเขาทุกคนต่างรักษาาแอยู่ที่บ้าน
อาการาเ็ไม่แตกต่างกัน กระดูกมือขวาหัก
เซี่ยจื่ออวี้แน่ใจแล้ว นี่เป็การแก้แค้นของเซี่ยเสี่ยวหลาน!
แม้พวกนักเลงจะยืนกรานว่าตนเองหกล้ม แต่เซี่ยจื่ออวี้ไม่เชื่อในความบังเอิญเช่นนี้ แถมหักที่มือขวากันทุกคน ถ้าไม่ใช่เซี่ยเสี่ยวหลานจ้างวานคนทำยังจะเป็อะไรไปได้อีก? สำหรับความโเี้ทารุณของเซี่ยเสี่ยวหลาน กระทั่งเซี่ยจื่ออวี้ยังใ เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้จัดการง่าย เมื่อก่อน... ตอนอยู่ในตระกูลเซี่ย เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนใจจืดใจดำ วันหนึ่งวันไหนเป็ใหญ่เป็โตคงไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น การที่เซี่ยจื่ออวี้สรรหาสารพัดวิธีมาหยุดยั้งไม่ให้เซี่ยเสี่ยวหลานได้ดี ก็เป็เพราะว่าในใจลึกๆ แอบเกรงกลัวอีกฝ่ายด้วย
เธอเกรงกลัวเซี่ยเสี่ยวหลานจริงๆ เหมือนโชคชะตาดลบันดาล สิ่งใดที่เป็ของเซี่ยเสี่ยวหลาน ต่อให้ถูกแย่งชิงไป ก็จะคืนกลับสู่เซี่ยเสี่ยวหลานโดยวิธีอื่นแทน!
เซี่ยจื่ออวี้ััสิ่งของทรงเหลี่ยมที่อยู่ในกระเป๋าผ่านเสื้อผ้า เธอจะจัดการเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้จริงๆ เชียวหรือ?
“เสี่ยวหลาน มือของพ่อฉันด้วนแล้ว เื่ราวในอดีตพวกนั้น ฉันก็ไม่อยากวอแวเธออีกต่อไปเหมือนกัน แม้ฉันมีเื่ที่ผิดต่อเธอ และเธอก็ส่งคนมาทำลายมือของพ่อฉันแล้ว ความคับแค้นใจของพวกเราสองคนถือว่าหมดสิ้นทั้งสองฝ่าย หลังจากนี้เป็ต้นไปต่างคนต่างอยู่ ตัวใครตัวมัน ถ้าเจอกันอีกก็ถือว่าเป็คนแปลกหน้าเสีย!”
เซี่ยจื่ออวี้เคยชินกับการเสแสร้งแกล้งทำ แต่ขณะกล่าวคำพูดข้างต้นในตอนนี้กลับมีความจริงใจมากกว่าปกติ
เซี่ยเสี่ยวหลานประหลาดใจยิ่งนัก นี่ดูไม่เหมือนพฤติกรรมของเซี่ยจื่ออวี้ อะไรที่ผิดปกติต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าเซี่ยจื่ออวี้จะใช้เล่ห์เหลี่ยมไหน เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่มีทางถูกอีกฝ่ายชักจูง
“เธออย่ามาเหลวไหล ่นี้ฉันยุ่งกับการสอบเกาเข่า แม้แต่พ่อเธอยังไม่ได้เจอ ทำไมฉันต้องตีมือเขาจนด้วน? ส่วนเธอ พี่สาวแสนดีของฉัน สายสัมพันธ์ของเราสองจะถือเป็คนแปลกหน้ากันได้อย่างไรเล่า เธอวางใจนะ ชีวิตข้างหน้ายังอีกยาวไกลเชียวล่ะ!”
แค่กล่าวขอยกเลิกคำเดียวสบายๆ หนึ่งชีวิตของ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ ก็หายกันแบบนี้?
ชีวิตข้างหน้ายังอีกยาวไกล การแก้แค้นที่จะทำให้เซี่ยจื่ออวี้ร้อนรนทนไม่ได้ มันเพิ่งเริ่มต้นสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลาน!
“เซี่ยจื่ออวี้ ตอนพวกเราเจอกันคราวหน้าคงเป็ในปังกิ่งแล้ว... นั่นก็เพราะ ฉันสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในปักกิ่ง ประหลาดใจหรือเปล่า เหนือความคาดหมายใช่หรือไม่!”